กลับมาอีกครั้งหนึ่งกับ กาญนะจ๊ะบุรี ครั้งนี้ผมมีเป้าหมายหลักคือ ไปนอนเต๊นท์ชิวชิวริมแม่น้ำแควใหญ่ แต่การนอนเต๊นท์ครั้งนี้มีความพิเศษกว่าครั้งอื่นอื่นแน่นอน บอกก่อนเลยว่าใครไม่ชอบความลำบากก็นอนเต๊นท์ได้นะแกรร

วันศุกร์ที่ 10 มี.ค. 2559 เวลา 15.00 ออกจากชลบุรีมุ่งหน้าสู่กาญนะจ๊ะบุรีด้วยรถยนต์ส่วนตัวคันเดิมที่เพิ่มเติม มีน้องน้องนั่งไปด้วยอีก 2 ขับเรื่อยเรื่อย เพราะรถติดมากขับมาถึงนครปฐมก็มืดซะแล้ว พวกผมก็เลยแวะทานข้าวเย็นกันที่ตลาดโต้รุ่งองค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนจะขับไปที่รีสอร์ท ซึ่งไปถึงรีสอร์ทกันประมาณ 4 ทุ่ม คงไม่ต้องอะไรมากนอกจากอาบน้ำแล้วแยกย้ายเข้านอน

วันแรกผมตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า #หราาาาาาา จริงจริงน้องน้องต่างหากที่ตื่นและมาปลุกผม ให้ไปอาบน้ำเพื่อมาทานข้าว สิ่งแรกที่ลืมตาขึ้นมาคือคว้ากล้องแล้วก็ถ่ายตัวเองหน้ากระจกเลยครับ แล้วถึงค่อยลุกไปอาบน้ำ และก่อนจะไปทานข้าวเช้าผมขออนุญาติขยายความเรื่องที่พักสักเล็กน้อย

ผมพักกันที่ ไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี เหตุผลว่าทำไมถึงต้องเลือกมาพักที่นี่ สั้นสั้นเลย เป็นคนชอบนอนเต๊นท์ แต่ความหน้าสนใจ ความพิเศษเมื่อมานอนเต็นท์ที่นี่ก็คือ ในเต๊นท์มีเตียง มีตู้เย็น มีทีวี ไงหล่ะแกร!! มีใครให้มากกว่านี้อีกไหม ถ้ามีเราขอเกทับด้วยแอร์อีกหนึ่งตัว ยอมเราเหอะแกร! เพราะความสะดวกสบายต่างต่างที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงโลเคชั่นของเต็นท์ที่ตั้งก็อยู่ติดกับแม่น้ำแคว อากาศก็สดชื่นมาก ณ จุดนี้บอกได้เลยว่าเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ในส่วนคนที่ไม่ชอบการนอนเต๊นท์เพราะกลัวลำบากนู้นนี่นั่น เลิกคิดซะนะแล้วก็มาพักที่นี่ เพราะไมด้าจะทำให้เรื่องนอนเต๊นท์กลายเป็นเรื่องง่ายง่ายสำหรับคนที่ไม่เคยนอนเต๊นท์ ไม่ชอบความลำบาก และจะกลายเป็นเรื่องโคตรสบายของคนที่นอนเต๊นท์ประจำอยู่แล้ว

ว๊าบกลับมาที่อาหารเช้ากันต่อ ไมด้ารีสอร์ทมีอาหารค่อนข้างหลากหลายให้เลือกทาน แต่ผมขอจัดเบาเบาด้วยคอนเฟลก ปลาท่องโก๋ ไข่ดาว ข้าวผัด ข้าวต้ม กาแฟ น้ำส้ม ไส้กรอก เด๋วนะ!! อันนี้บ้านมุงเรียกเบาใช่ป่ะ!! แถวนี้เค้าเรียกจัดหนัก แต่ก็ต้องตามนั้นอ่ะเพราะกองทับต้องเดินด้วยท้องนาจา หลังจากอิ่มท้องก็ไปเดอนย่อยเก็บภาพบรรยากาศภายในรีสอร์ทมาฝากเพื่อนเพื่อนกันสักเล็กน้อย แวบเดียวไอ่วัยรุ่นสองตัวหายเงียบ โทรไม่รับ เรียกที่เต๊นท์ไม่ตอบ รอประมาณครึ่งชั่วโมง พี่คงต้องหนีน้องน้องเที่ยวนะเพราะพี่รอไม่ไหวจริมจริม

[ ปราสาทเมืองสิงห์ ] เปิด GPS แล้วก็ขับตามเลยจร้า ครั้งนี้ไม่หลงมาถึงที่หมายอย่างถูกต้องแม่นยำ ซื้อตั๋วให้ตัวเองยังต้องซื้อตั๋วให้รถอีก ถ้าเอารถจอดข้างนอกแล้วยอมเดินเข้าไปแบบนี้จะได้ไหม? แค่คิดไม่กล้าถามกลัวหลบทีน จนท. ไม่ทัน ผมใช้เวลาเดินเที่ยวชมแปบเดียวเองเพราะที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรเลย เก็บภาพแล้วก็กลับ

[ ไร่เมล่อนเจียไต๋ ] ระหว่างขับรถออกจากปราสาทเมืองสิงห์วิ่งเข้าตัวเมืองกาญ เราจะเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ข้างทางกวักมือเรียก นั่นไม่ใช่นางกวัก ไม่ใช่นางไม้ แต่นางคือแม่ค้าขายเมล่อนจร้าาา ผมก็ขับเรื่อยเรื่อยโดยมีร้านในใจอยู่แล้วผมแวะชิมเมล่อนที่ร้านเจียไต๋ เพราะมีเพื่อนหรือใครสักคนเคยบอกมาว่า น้ำเมล่อนปั่นร้านนี้ฟินมาก นอกจากเรื่องเที่ยวก็มีเรื่องแดรกนี่แหล่ะครับที่ผมสนใจมากเป็นพิเศษ ( แฟนยังไม่คิดจะหาจริงจังขน๋าดนี้เลย #ไม่ได้อ่อยนะแอดมินโสดมาก ) ผ่านไปผ่านมาแวะชิมได้เลยจร้าา

[ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ] จากร้านเจียไต๋มุ่งหน้าเข้าเมืองปลายทางสะพานแม่น้ำแคว มุงครัชเวลาใกล้เที่ยงไม่เหมาะอย่างยิ่ง คนหรือมดครับนั่นยั่วเยี้ยเต็มสะพานเลยครับ ถอนหายใจหนึ่งเฮือกไงก็ต้องลุยเดินเก็บภาพไปเรื่อยเรื่อย ซึ่งระหว่างเดินบนสะพานกำลังจะกลับไปเอารถ เจอมนุษย์แฟนอยู่คู่หนึ่งจร้า

มนุษย์แฟนคู่หนึ่ง : พี่ค่ะถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ
เรา : กรูนิ่งมากเรียกกรูพี่ได้ไงเคืองโว๊ย อยากเดินหนีไปจากตรงนั้นไม่ตอบ ไม่ถ่าย
มนุษย์แฟนคู่หนึ่ง : เค้าใช่คนไทยหรือเปล่า?
เรา : เค้าคงคิดว่าเราเป็นเกาหลีญี่ปุ่นแน่เลย#มโนเองแต่รู้สึกพอใจ ตอบกลับไปว่าคนไทยครับ ได้ครับเดี๋ยวผมถ่ายรูปให้

พอเรียบร้อยก็เดินกลับ ปล.ถ้ามนุษย์แฟนคู่นั้นตามเพจผมอยู่ ผมแค่เล่าขำขำนะไม่ได้เคืองอะไรเลย

[ สุสานฝรั่ง ] ผมขับรถมาเก็บภาพต่อที่สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือสุสานฝรั่ง ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไร ( อีกแล้ว ) แต่มาทั้งทีก็ต้องขอเข้าไปเดินชมซะหน่อย เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวในเมืองตรงไหนอีก เดินฆ่าเวลาให้ถึงเที่ยงแล้วก็หาข้าวทานก่อนกลับรีสอร์

[ ร้านอิ๊มอิ่ม ] เดินวนมาวนไปวนไปวนมาวนมาวนไป จะวนไปไหนหล่ะก็วนหาข้าวเที่ยงทานนั่นแหล่ะครับ เท่าที่เห็นมีอยู่หนึ่งร้านข้าวที่เปิด ณ ตอนนั้นสั่งกระเพราหมูสับราคาน่าตกใจมาทาน 30 บาท ไม่เห็นราคาแบบนี้นานล่ะนะ รสชาติก็โอเครเลย แม่ค้าใจดีอีกต่างหาก หน้าตากระเพราเมืองกาญฯราคาน่ารักก็ตามภาพปลากรอบนี้เลยครับ

[ After Dawn Cafe’ ] มื้อเที่ยงจะจบสมบูร์แบบก็ต่อเมื่อได้กาแฟเข้มเข้มสักหนึ่งแก้ว ซึ่งผมแอบเห็นร้านกาแฟอยู่หนึ่งร้านตอนมาจอดรถ เปิดประตูเดินเข้าไป อเมริกาโน่ หนึ่งแก้วครับ พี่เจ้าของร้านสองคนคุยกันกับผม (ต้องสำเนียงกาญนะจ๊ะ) พวกพี่ก็นึกว่าเป็นเกาหลีญี่ปุ่น เห็นแบกกระเป๋าถือกล้องเข้ามา ไอ่เราได้ฟังมีรึจะไม่ยิ้ม เพราะฉะนั้นผมขอโหวตว่าร้านนี้เป็นร้านน่านั่ง เด๋วนะ!! เค้าแค่ชมมุงครัชชิมกาแฟก่อนไหม? ฮ่าฮ่า น่านั่งจริงจริงครับกาแฟใช้ได้เลย

ขับรถกลับมาถึงที่รีสอร์ทประมาณบ่ายสองโมง มาถึงรีสอร์ทปุ๊ปฝนแรกของทริปก็มา say hi เลยจร้า น้องสองคนนั่งทานเข้ากันอยู่อย่างสบายใจ ผมเดินเข้าไปถามว่ามุงหายไปไหนมาน้องบอกว่าหลับมาพี่ ทิ้งกรูไว้ซะโดดเดี่ยวเลยนะ ระหว่างที่รอลอยคอล่องแพกับทางรีสอร์ทผมขอเข้าเต๊นท์งีบเอาแรงก่อน เพราะฝนปรอยปรอยแบบนี้ นอกจากการทำ … ก็คงเป็นการนอนแหล่ะที่จะทำให้เราฟินสุดสุด

[ ลอยคอล่องแพเปียก ] ประมาณบ่ายสามครึ่งมีนัดลงแพเปียกกับทางรีสอร์ท ระยะทางที่ล่องแพกี่โลไม่แน่ใจแต่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่รับลองว่าชิวแน่นอน น้ำใสไหลเย็นมาก จะแค่เอาเท้าจุ่ม ลงไปลอยคอให้ตัวไหลไปตามน้ำ หรือจะกระโดดใส่เกลียวสองรอบม้วนหน้าอีกครึ่งรอบก็ยังได้เลย แล้วแต่เลยครับ ราคาต่อรอบก็อยู่ที่ 1000 บาทลงได้ครั้งล่ะ 4-5 คน

 

[ มื้อเย็นริมน้ำที่ไมด้ารีสอร์ท ] พอล่องแพเสร็จก็จะมีรถมารอรับที่ปลายน้ำพากลับมาส่งที่รีสอร์ท ซึ่งพอมาถึงก็แยกย้ายกันอาบน้ำ และด้วยความเพลียความขี้เกียจมื้อเย็นวันนี้ต้องขอฝากท้องที่รีสอร์ทเลย จบว. ที่ทานข้าวเลิศมาก ติดแม่น้ำแควเลย ลมก็โคตรจะเย็น กินไปเมาท์มอยไปบอกเลยว่าเพลิน นั่งกันยันสามสี่ทุ่ม ก่อนแยกย้ายเข้านอนพักผ่อนเอาแรงเตรียมลุยวันที่สอง

ตื่นแต่เช้าทานข้าวเช็คเอาท์แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่น้ำตกเอราวัณ ก่อนจะออกจากรีสอร์ทดันไปเจอบ้านไม้เก่าเก่า คือสวยมากเหมือนเคยเห็นภาพแบบนี้ในภาพจาก ig ฝรั่ง ก็เลยต้องขอจอดรถลงไปเก็บภาพซะะน่อย

**ตรงนี้ไม่ใช่จุดท่องเที่ยวนะเราเห็นว่ามันสวยดีเลยถ่ายภาพมาแบ่งปันให้ชมกันครับ

[ น้ำตกเอราวัณ ] จากที่พักไม่ไกลจากน้ำตกเลยประมาณ 37 กิโล ขับแปบเดียวก็มาถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอรวัณ การเข้าไปชมผมเลือกนั่งรถกอล์ฟระยะทางประมาณ 800 เมตรเข้าไป จากนั้นก็เดินเท้าต่อขึ้นไปชมแต่ล่ะชั้น ซึ่งน้ำตกเอราวัณมีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ที่น้ำเอราวัณเราจะได้พับกบ เอ๊ย!! พบกับ

1.) น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา
2.) ที่เล่นน้ำในแต่ล่ะชั้น
3.) ลิงแย่งของ ลิงค้นกระเป๋า
4.) สปาปลาตอดทีน
5.) ซิคแพคฝรั่ง ( #สาวสาวเตรียมบ๊วยไปเลยจร้าพร้อมจิ้ม )
6.) ฝรั่งสาวใส่บีกินนี่ ( #หนุ่มหนุ่มไม่ต้องเตียมบ๊วยไปให้ไปยืมสาวสาวแล้วเลือกจิ้มเอาเลยเช่นกันจร้าา)
7.) จุดชมวิว
8.) ชั้น 1-6 ว่าน้ำใสสวยแล้วเจอน้ำชั้น 7 เข้าไปผมนี่ยอมใจเลย สวยไปอี๊ก

**เสียดายที่ช่วงผมไปเพิ่งเริ่มเข้าฤดูฝนน้ำยังไม่ค่อยเยอะมากมาก พี่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่ามาสักกันยา ตุลา คือแหล่มเลย

 

ระหว่างกลับไปเอารถดันไปเห็นรถเมล์รีบวิ่งเข้าใส่อย่างกับมาด้วยรถเมล์ จนคนขับคิดว่าเราจะกลับด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า เก็บภาพเป็นที่ระรึกกะรถเมล์สาย กาญจนบุรี-เอราวัณ

[ สันเขื่อนศรีนครินทร์ ] ทานข้าวเที่ยงที่น้ำตกเอราวัณเรียบร้อย เราทั้งสามขับต่อไปปิดทริปที่จุดชมวิวสันเขื่อน เก็บภาพ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ที่มองไปทางไกนก็เต็มไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร เมมภาพทุกอย่างไว้ในหัวแล้วก็กลับ

และนี่คือทั้งหมดในทริป 2 วัน 2 คืน ของผมสนใจก็ลองไปตามลอยกันดูนะครับ เมืองกาญเที่ยวได้ทั้งปีแน่นอนขอฟันธงตรงนี้เลยจร้าาาา


ข้อมูลเพิ่มเติมที่พัก ไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี

Page : Mida Resort Kanchanaburi

โทร : 085-1522837 หรือ 034-527-200

ไลน์ : @midahotels (ใส่ @ ด้วยนาจา )