“แอ่ว” ภาษาเหนือแปลว่าเที่ยว ถ้าจะไปเที่ยวเชียงใหม่ ภาษาเหนืออู้ว่า “จะไปแอ่วเจียงใหม่” แม่นแล้วถั่วต้ม ทริปนี้เราจะพาเพื่อนเพื่อนไปเที่ยวเชียงใหม่กันแบบ 2 วัน 2 คืนเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมครั้งนี้มาหน้าฝนจร้าาา ขอลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเพราะที่ผ่านมาจะกี่ครั้งกี่ครั้งก็เชียงใหม่หน้าหนาว และในส่วนเชียงใหม่หน้าฝนนั้นจะไปไหนดีเรามีสถานที่เที่ยวมาแบ่งปันกัน เกาะตูดเราเลยเด๋วพาไปแอ่วเหนือเน้อ…


ผมออกเดินทางด้วยไฟท์ดึกสุดจากสุวรรณหภูมิมุ่งหน้าสู่สนามบินเชียงใหม่ ประมาณ 1 ชั่วโมง บางกอกแอร์เวย์ก็พาผมฝ่าดงฝนมาถึงเชียงใหม่อย่างปลอดภัย ณ เพลานั้นสี่ทุ่มฟ่าฟ่าฝนเทลงมาปรอยปรอย ดีนะที่ผมแจ้งให้รถรีสอร์ทมารอรับ ไม่งั้นนะมีฟามเล๊อะแน่นวล จากสนามบินไปที่พัก 30 นาทีเองอ่ะแกรไม่ไกลเลย ไม่ต้องถามนะว่าพักไหนไม่บอกหรอก ฮ่าฮ่า ถึงรีสอร์ทเช็คอินเข้าห้อง อาบน้ำ ล้าางหน้า แปรงฟัน ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนล่ะ นอนสิจ๊ะจะรอให้ไก่ออกลูกเป็นเป็ดรึไง!!

นอนพลิกซ้ายพลิกขวากรนเบาเบาเหมือนแค่อป๊บเดียว นาฬิกาปลุกดังลั่น 6.30 น ตื่นไหม? ตื่นนะแต่ลุกมาปิดเสียงแล้วผมก็นอนต่อ ไปตื่นเอาอีกที 8 โมง บอกก่อนปกติไม่ใช่คนขี้เซานะแต่ที่นอนมันโคตรสบายอ่ะ เพราะมันคือที่นอนดูดวิญญาณ ถ้าลองมาพักล่ะจะรู้ว่า มันดีงามจริงจริง ไม่ต้องถามนะว่าผมพักไหนไม่บอกตอนนี้หรอก อยากรู้ก็ตามดูไปเรื่อยเรื่อย

หลังจากผมอาบน้ำเรียบร้อยก็ไปทานอาหารเช้า วิวที่ห้องอาหารอู้เลยว่า ดีงามพระรามเจ็ดจุดห้า ขอตัดคะแนนจุดห้าเพราะฟ้าเน่า ไม่งั้นคงดีงามพระรามแปดไปแล้ว… ทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินย่อยอาหารเก็บภาพบรรยากาศภายรีสอร์ทสักเล็กน้อย แต่ขอบวกเลยว่าภาพวันแรกไม่ผ่านเพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจ ว๊าบไปที่ 11 โมงเลยล่ะกันกัน พร้อมลุย!!

[ ป้ายแรก : หอคำหลวง ] 

จากรีสอร์ทเดินทางแป๊บเดียวผมก็มาถึงอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในส่วนของป้ายแรกนี้ขออนุญาติย้อนวันวานกลับไปวันที่ตัวเองเป็นเด็กน้อยหอยสังข์พืชสวนโลกคนล้านแปด ถามว่าสวยไหมตอนนั้น ตอบเลยว่าสวยแต่ถ่ายภาพออกมาคือภาพหมู่ทุกใบ ป้าคนนั้นกับลุงคนนั้นโผล่ในรูปตรูทุกใบเลยจร้าา วันนี้ผมกลับมาอีกครั้งโดยมีเป้าหมายหลักคือเก็บภาพหอคำหลวง ที่นี่วันนี้สวยเหมือนเดิมที่เพิ่มเติมถ่ายได้ซาบายใจมากเบย ใครยังมะเคยมาหรือใครจะมาย้อนวันวานก็เชิญเลยจร้าบัตรเข้า 50 บาทเอง

           

[ ป้ายสอง : บ้านข้างวัด ]

มองนาฬิกามันก็เลยเพลาข้าวเที่ยงมาโคตรไกลแล้ว ป้ายที่สองขอไปเก็บภาพสถานที่ชิคชิค ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอติม ร้านขายของฝากของที่ระลึกเกร๋เกร๋ สถานที่นี้อยู่ข้างวัด แม่นแล้วผมกะลังอู้ถึง “บ้านข้างวัด” อยู่ ที่ไปที่มาไม่ค่อยจะแน่ใจ ไม่สิ!! ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ที่นี่วัยรุ่น สายฮิป สายชิค สายคูล และก็สายแบ๊ว ไม่ควรพลาดมาเก็บภาพเมื่อมาเที่ยวเชียงใหม่นาจา ปล.มนุษย์ป้ามนุษย์ก็มาลองใช้ชีวิตสโลไลฟ์ที่นี่ได้นะครับ ส่วนผมเดินเก็บถาพเรื่อยเรื่อย และก็ขอฝากท้องมื้อเที่ยงที่นี่ก่อนออกเดินทางไปป้ายต่อไป

            

            

           

            

           

[ ป้ายสาม : ม่อนแจ่ม ] 

ม่อนแจ่มใครที่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่ล้วนก็เคยมาที่นี่ทั้งนั้น ตรูล่ะนี่รอบห้ารอบหกล่ะนะม่อนแจ่มยังไม่เคยไปกะเค้าเลย เพราะฉะนั้นมาเชียงใหม่รอบนี้ต้องไม่พลาด จากบ้านข้างวัดเดาว่าน่าจะชั่วโมงก่าก่า หลับหลับตื่นตื่นก็มาถึงที่ม่อนแจ่ม หูยแกรขอร้อง “เอี้ย” นะอากาศจะดี๊ดีอะไรเบอร์นั้น คนก็ไม่เยอะมาก ความหมอกมาจากไหนมะรู้ฟุ้งกระจายทั่วทั้งม่อนเลย รอบนี้กล้องถ่ายรูปก็เพียงพอล่ะไม่ต้องใส่ไฮเตอร์ลงไปให้มันซีด เพราะมันซีดด้วยหมอกอยู่ล๊าวจร้าา บรรยากกาศตอนนั้นคือเหมือนอยู่ในฝัน ดูจางจาง บางเบาไปหมด เก็บภาพมาฝากตามนี้เลยครับ ลองเสพกันดู

            

           

           

           

           

           

           

กลับเข้ารีสอร์ทนั่งพักชิวชิวในห้องรอเวลาทำสปาไม่ต้องถามนะว่าผมพักที่ไหน เพราะรอบนี้ตั้งใจจะบอกอยู่แล้ว ผมพักที่ Veranda Resort ห้องพักของผมก็ดีงามตามรูปเลยครัช เปิดระเบียงออกไปมีโซฟาให้นั่งอ่านหนังสือฟังเพลงชิวชิว ถ้าอยากจะแช่น้ำชมวิวเขียวเขียวของทุ่งนาหน้าห้อง ก็มีจากูซซี่ให้แช่ดีไปอีก ผมก็เรื่อยเรื่อยเปื่อยเปื่อยจนถึงเวลานัดก็มีรถในรีสอร์ทมารับไปทำสปา

[ ป้ายสี่ : ร้านอาหารระเบียงชา ] 

ขณะทำสปาท้องก็ร้องเป็นจังหวะสามช่า หิวมากสปาเสร็จผมตรงดิ่งไปร้านระเบียงชา ร้านอาหารในรีสอร์ททันที เพราะจุดนี้จะให้ไปหารับประแดรกข้างนอกคงจะไม่ไหว ร้านระเบียงชาเป็นร้านที่อยู่ท่ามกลางไร่ชาที่รีสอร์ทปลูกไว้ บรรยากาศดี รายการอาหารมีให้เลือกล้านแปด ฝรั่ง ซีฟู๊ด บลาบลา แต่แบกร่างมาพักถึงเชียงใหม่อาหารที่ควรจัดก็ต้องเป็นอาหารเหนือสิครับ ลาบคั่วเมือง ออเดิฟเมือง มะม่วงปั่น จัดมา ใจคืออยากสั่งมันทุกอย่าง แต่ผมควรหยุดเพราะแดรกคนเดียวเด๋วแดรกไม่หมดนาจา สรุปให้ง่ายง่ายนะถ้าไปพักที่รีสอร์ทนี้ต้องจัดมื้อเย็นสักมื้อที่นี่เพราะร้านระเบียงชาไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศ อาหารรสชาติก็ลำปะล้ำปะเหลื#ถึงแม้ตับในลาบคั่วจะแข็งไปหน่อยก็เหอะ

           

มื้อเย็นวันนี้เค้าเรียกว่ายัด เพราะเลยจุดอิ่มมาไกลมาก ด้วยความเสียดายก็เลยต้องยัด หนังท้องหนังตาก็เริ่มไม่ไหวกลับห้องอาบน้ำนอนแล้วแจกันใหม่วันที่สอง

           

[ ป้ายหก : วัดต้นเกว๋น ] 

ไลน์ ไลน์ ไลน์ ไลน์ เสียงไลน์ดังแต่เช้าคว้ามือถือมาดู ข้อความจากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่ง ฟ้าสวยมาก แม่อยู่วัดกำลังไปหาที่รีสอร์ท แล้วก็ส่งภาพวัดสองสามภาพมาให้ผมดู เห้ย!! นี่มันวัดต้นเกว๋นวัดเก่าแก่ของเชียงใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้ใกล้รีสอร์ท ซึ่งผมเพิ่งไปมาเมื่อวานเลย แต่ด้วยฟ้าไม่สวยงามเท่าวันนี้เลยยังไม่อยากอวดภาพ ขอเป็นอวดภาพที่ถ่ายอีกวันของวัดต้นเกว๋นล่ะกัน บอกเลยนะว่าผมไม่ค่อยเที่ยวแนวเข้าวัดเท่าไหร่ แต่วัดนี้ผมแนะนำเลยฮ่ะว่าต้องไปมีความสวยแบบล้านนาสไตล์และมีความเก่าแก่มาก ผมชอบบอกต่อตรงนี้เลย….
ปล.ผู้ใหญ่ใจดีคือเพื่อนรุ่นพี่ที่ออกทริปถ่ายรูปด้วยกันบ่อย ซึ่งผมจะชินเรียกติดปากว่าแม่ รอบนี้แม่กะลูกชายตัวจริงเค้าขึ้นมาทำธุระที่เชียงใหม่พอดี เลยมีโอกาสได้เที่ยวด้วยกัน 1 วันถ้วน

            

           

[ ป้ายเจ็ด : Veranda Resort Chiangmai ] 

8โมงครึ่งเป็นเวลานัดที่ผมนัดแม่ให้มารับที่รีสอร์ทเพื่อเดินทางออกไปเที่ยว แต่ก่อนเดินทางผมพาแม่กะน้องชายเข้ามาโซโล่อาหารเช้าที่ห้องอาหาร the higher room ของรีสอร์ท บอกเลยว่าเป็นวิวห้องอาหารเช้าที่มีความดีงามพระรามแปดมาก เพราะหน้าห้องอาหารจะเป็นสระน้ำที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา และด้วยท้องฟ้าวันนี้ช่างสวยงามเป็นใจ มันยิ่งทำให้วิวข้างหน้าขณะนั่งทานข้าวดีงามเพิ่มขึ้นไปอีกล้านเท่า นั่งนั่งกินคืออิ่มวิวมากกว่าอิ่มข้าวเสียอีก

            

ทานข้าวดื่มด่ำกับบรรยากาศเรียบร้อยก็เดินย่อยเก็บภาพภายในรีสอร์ทไปเรื่อย แล้วก็เช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทไปป้ายถัดไป

           

           

           

           

           

           

           

[ ป้ายแปด : แกรนแคนย่อน ] 

รู้หมือไร่? ที่เที่ยวที่ดังสุด ณ ตอนนี้ของหางดงคืออะไร ติ๊กต๊อกติ๊กติก แกรนแคนย่อนเชียงใหม่ ถูกต้องนะครัชชช จากรีสอร์ทขับรถไม่ไกลเลยแป๊บเดียวก็มาถึงแกรนแคนย่อน บอกเลยอันนี้ผมมารอบสองครั้งแรกไม่ใช่ทริปก่อนหน้านี้นะแต่เป็นเมื่อวานนั่นเอง อย่างที่ผมบอกแหล่ะวันแรกฟ้าเน่าวันนี้ขอมาซ่อมใหม่อีกครั้ง ร้อนร้อนแบบนี้ผู้สูงวัยคงทนได้ไม่นาน เช่นเดียวกันกะขุ่นแม่และเพื่อนเพื่อนขุ่นแม่ที่ตามมาเจอที่แกรนแคนย่อน ถ่ายแป๊บแป๊บก็พากันหลบแดดหมด (#แอบแซวว่าแก่อิอิ) ส่วนผมสู้ตายคือถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้มีโดดน้ำแน่นอน แต่ด้วยต้องทำเวลาหาข้าวง่ายง่ายข้างทางทานแล้วตรงดิ่งยาวไปป้ายสุดท้ายของทริปนี้

           

           

           

           

[ ป้ายเก้า : สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าศิริกิตติ์ ] 

ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวปลามุ่งหน้าสู่สวนพฤกษศาสตร์โดยมีเป้าหมายหลักคืออยากไปเก็บภาพ ที่ canopy walkway (ทางเดินเหนือเรือนยอดไม้กับ) กับ glasshouse complex (กลุ่มอาคารเรือนกระจก) ไม่ต้องถามว่าทำไมถึงต้องสองจุดนี้ทั้งทั้งที่ในสวนพฤษศาสตร์ก็มีมุมตั้งเยอะตั้งแยะ สั้นสั้นตามรอยชาวบ้าน เน็ทไอดอล เหมือนคนอื่นอื่นที่ตามกันไปนั่นแหล่ะ บอกตรงนี้เลยว่าถ่ายภาพสวยโอเคร แต่มุมไม่เยอะเท่าไหร่ถ้าตั้งใจจะไปที่นี่ที่เดียวไม่คุ้ม แนะนำว่าไปนี่แล้วขึ้นไปม่อนแจ่มต่อคุ้มกว่า

          

           

ส่วนผมขอปิดทริปนี้ที่ต้นกระบองเพชรล่ะกัน ไว้จะกลับมาเที่ยวอีกนะเชียงใหม่ ขอตัวไปหนามบินก่อน

          

           

ทริปนี้ขอยืนยันหนึ่งเสียงว่าเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนก็เลิศมากนะแกร มีทั้งความหมอก ความเขียว ความสดชื่น ความฟิน ที่สำคัญไม่ต้องแย่งชาวโลกแบบหน้าหนาว ค่านู้นนี่นั่นก็ถูกกว่า แกรไม่ต้องเชื่อเราหรอก จองตั๋วบินมาสัมผัสนอกสัมผัสในเองเลยนาจา บั๊ย!!

จองที่พักตรงนี้นาจา :

Veranda High Resort Chiang Mai – MGallery Collection

http://www.verandaresort.com/verandachiangmai/index.html