พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันอ อกฉันใด ความหลงใหลที่เรามีต่อประเท ศญี่ปุ่นก็ยังคงมีอยู่ฉันนั้น จบไปแบบดีดีงามงามในพาทแรกกับฤดูหนาวทริปที่ญี่ปุ่น วันนี้ฤกษ์งามยามดี ขอกลับมาต่อพาทสอง ทริปนี้จะได้จบบริบูรณ์แบบส วยงาม ฮ่าฮ๋า …
ถ้าเปรียบเทียบทริปญี่ปุ่นค รั้งนี้ของเราเป็นแนวเพลง พาทแรกคงเป็นเมทัล ร็อค เพราะแหกปากสุดขีดใน USJ แล้วไปผจญภัยเดินขึ้นเขาลุย หิมะต่อที่ Kannabe มันส์สุด ส่วนพาทสองที่จะมาเล่าต่อจะ เป็นแบบป็อบ บอสซ่า อีซี่ลิสซึ่นนิ่ง
เพราะพาทนี้เน้นเที่ยวสวยสว ย ชิวชิว สบายสบาย แต่มาครบทุกรสชาติทั้งหิมะ คาเฟ่ โลเคชั่นฮิตฮิตของคนไทย ในเมือง Kyoto Osaka Takayama รวมไปถึงการแจมทัวร์ ครั้งแรกของเราเพื่อไปยังหมู่บ้านสุดโรแมนติกอย่าง Shirakawa-go
หูยยยยยยยย!! แค่เกริ่นยังน่าสนใจเบอร์นี้ นี่พูดเลยใครไม่ เลื่อนตามลงมาอ่านและซูมดูภ าพพูดได้สองคำว่า พลาด-มาก ฮ่าฮ๋า พร้อมแล้วไปดูกันเล๊ยยยยยยย
0001 Dotobori
หลังจากที่เรากลับจาก Kannabe เราก็ตรงดิ่งมาที่ย่านโดทงโ บริ ย่านช้อปปิ้ง กิน ดื่มของโอซาก้า ใครที่ติดภาพความมินิมอลของ ญี่ปุ่นลืมไปเลยเจร้า เพราะย่านนี้จะเต็มไปด้วยแส งสี ความสนุก ทีเด็ดก็คือแต่ละร้านย่านนี ้เรียกแขกด้วยการตกแต่งหน้า ร้านให้ดูอลังอลังแบบเต็มเห นี่ยวไปพี่เต็มที่ไปเลยเถิด เรียกว่าใส่เต็มไม่มีกั๊ก ยกทั้งปูยักษ์ ซูชิยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ เกี๊ยวซ่ายักษ์ มาไว้หน้าร้านกันเลยทีเดียว เชียว
สัญลักษ์ของย่านนี้คือป้ายไ ฟกูลิโกะ ที่ใครมาแล้วก็ต้องไปโพสท่า ถ่ายรูปเลียนแบบเกร๋เกร๋
สายเที่ยวที่มีใจเอนเอียงไป ทางแดรกมาถึงโดทงโบริแบบนี้ ไม่พลาดแน่นอนที่จะแดรกให้ยับ “เริ่มค่ะ”
ร้านที่ 1 : ร้านทาโกะยากิ ไม่ต้องถามนะว่าเอาร้านไหนดีเพราะมันมีเยอะเป็นสิบสิบร้านเลยแกร๊ เรียกได้ว่าสะดุดล้มสามารถค ว้าทาโกะยากิยัดใส่ปากได้เล ยจร้า
ส่วนร้านที่เราทานอยู่ตรงสะ พานติดกับร้านราเมงข้อสอบ เลือกร้านนี้เพราะคิวยาวมัน ต้องอร่อยแน่แน่
ร้านที่ 2 : ร้านเกี๊ยวซ่า ด้วยความที่ชอบทานเกี๋ยวซ่า เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเดินไปเดินมาเห็นรูปเกี่ย วซ่ายักษ์อยู่ร้านนึงผมนี่วิ่งเข้าใส่เลยครับ
สรุปเกี๊ยวซ่าร้านนี้ อร่อยและไม่แพงจร้า ( เราวนกินร้านนี้สองรอบ ) #คุณค่าที่คุณคู่ควร
ร้านที่ 3 : ร้าน Kobe Beef ( เนื้อโกเบย่าง ) ร้านนี้ไม่ได้มีในลิสที่เลง ไว้นะ บังเอิญว่าเดินผ่านแล้วได้ก ลิ่นโคตรหอมบวกกับคนมุงเต็ม ร้าน มุงตามกะเค้าเลยจร้า
มีความหน้ากินมากมาย
ร้านที่ 4 : ร้านบะหมี่มังกร ตามปกติของร้านดังที่แถวมัก จะยาก คนนั่งกินในร้านมักจะแน่น และตั้งแต่เดินอยู่ในย่านนี้คงไม่มีร้านไหนจะมีมหกรรมค นมุงได้เยอะเท่ากับร้านบะหมี่มังกรเจ้านี้แล้วแหล่ะ มุงยังกะเค้าแจกฟรี
นี่ระหว่างต่อแถวรอ เห็นคนในร้านยกซด เห็นหม้อบะหมี่ไอกระจุยกระจ าย กลืนน้ำลายตลอดเล๊ย
รอเกือบสามสิบนาทีเพื่อชามนี้ ถ้าแดรกตะเกียบได้เราแดรกไป แล้ว
มาถึงที่นี่ไม่ไปกินร้านนั้ น ร้านนี้ ถือว่าพลาด ถือว่ามาไม่ถึง อิห่า!! ถ้าจะพูดแบบนี้ขอให้เกรงใจพ ุงเราหน่อยซึ่งตอนนี้มันใกล ้จะแตกเป็นเสี่ยงเสี่ยงล่ะ ถ้ายังไม่เก็ทลองเลื่อนย้อน ขึ้นไปดูให้ชัดชัดอีกรอบไหม คือกินเยอะมากล่ะนะ ยังไงขอจบของคาวไว้แค่เพียง เท่านี้ส่วนช่องว่างในกะเพา ะที่เหลือขอถวายแด่ของหวานจ ร้า ……..
ร้านที่ 5 ร้าน Melonpan Icecream ต่อให้อากาศจะหนาวแค่ไหนใคร ที่มาย่านนี้ก็ไม่หวั่นเพรา ะไอติมร้านนี้เด็ดจิมจิม ถ้าดูหน้าร้านเซเลปคนดังญี่ ปุ่นเคยมากินกันเพียบเลย
แต่เด๋วเด๋ว ฮัลโหลคือหนาวนะเหว่ยทำไมแถ วยาวเบอร์นี้
กินกันฟินฟินท้าลมหนาวไปจร้ าาาา
ร้านที่ 6 ร้านขนมปลา อันนี้ไม่ทราบจิงว่าจะเรียก ขนมนี้ว่าอะไรเรียกหนมปลานี ่แหล่ะคลาสสิคสุด เพราะพยามลองซูมดูจากป้ายหน ้าร้านล่ะนอกจากคำว่า “oden take out Ok!!” ก็แทบหาภาษาอังกฤษไม่เจอเล๊ ยยยย ฮ่าฮ๋า
เอาเป็นว่าอร่อยจ๊ะมาลองเน้ ออออออออออออเจ้า
0002 ibis Hotel
คืนนี้เราพักกันที่ ibis Hotel ซึ่งโรงแรมตั้งอยู่ในย่านโด ทงโบริเลยแกร๊ กินอิ่มกลับไปพักที่ห้องพอย่อยก็วนกลับมากินต่ออีกได้ส บายเล๊ย …
จองที่พักผ่านเวบนี้ http:// www.accorhotels.com/th/ brands/hotels-ibis.shtml ได้เลยนะ
ณ ห้องนอนบนชั้น 11 ของ รร เรากะพี่ที่ไปด้วยกันมีความ ประชุมกันนิดนึงเรื่องแพลนเ ที่ยววันถัดไป คือคุยกันว่าถ้าอยากไปเที่ย วกันคนล่ะที่เราจะแยกกันเที่ยวแล้วค่อยเจอกันตอนนอนที่ รร พอ ฮ่าฮ่า
แต่คุยไปคุยมาได้ข้อสรุปร่ว มกันว่า เราสองคนจะไป ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านสุดโรแมนติก แต่แกรเอ้ยใครจะไปรู้ล่วงหน้าว่าช่วงที่เราไปนั้นมันตร งกับ Light Up Event งงดิงงดิ เชื่อว่ามีคนสงสัยอีกว่า Light up event คือ? ถ้าสงสัยไปที่ www.google.com แล้วพิมพ์ถามเลยจร้า อันนี้ไม่ได้กวนตีนนะขี้เกี ยจพิมพ์เล่ามันยาว ฮ่าฮ๋า
ด้วยความที่ว่าเราจะเดินทาง พน. ซึ่งเป็นวันแรกของเทศกาลา Light up การหาตั๋วบัส ตั๋วรถไฟ จึงยากที่สุด แน่นอนว่ามันยากกว่าการอั้น ขี้ฝ่าดงรถติดจากดอนเมืองไป บางนาอีก
ทางเลือกของเรามันจึงมี 2 วิธี คือ หนึ่งไปกับทัวร์ และสองไปเที่ยวที่อื่นเหอะ แต่มาถึงขน๋าดนี้แล้วไม่ถอด ใจแน่นอนทัวร์ก็ทัวร์ หาไปหามาก็มาลงเอยที่ kkday
จากการส่องมาหลายเจ้าเราว่า ทัวร์นี้โอเครสุดเพราะเวบดู ดีหน้าคลิกจอง แถมมีไกด์ที่พูดได้ทั้งภาษา ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ เรากะพี่ตัดสินใจคลิกจองกับ kkday พอเรียบร้อยก็แยกย้ายอาบน้ำ เข้านอนได้
อันนี้เป็นหน้าตาเป็นเวบไซต์ที่เราจองนะwww.kkday.com ไม่ได้มีแค่รูทเที่ยวในญี่ปุ่นนะแกร๊ เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง ปารีส และอีกเยอะแยะมากมายนางมีหม ดจ้า ไงแกรลองเลื่อนลงไปดูรูทเที ่ยวที่เราไปกะนางก่อนก็ได้ถ้าโอเครค่อยย้อนกลับขึ้นมาค ลิกเข้าไปดูในเวบไซด์นางอีก ที เนอะเนอะตามนั้น
เวลา 9 โมงเช้าเรามาเจอกับคณะทัวร์ ที่จุดนัดพบตามที่นางแจ้งเพื่อทำการลงทะเบียน
ลงทะเบียนเสร็จก็ตามทำเนียม คือแจกลายระเอียดกำหนดการคร่าวคร่าว พร้อมกันสัญลักษณ์ที่บ่งบอก ว่าเรามากะทัวร์เค้า ฮ่าฮ๋า ( ภาพทัวร์จีนวัดพระแก้วลอยมา ในหัวเลยจร้า )
และการเริ่มต้นเที่ยวกับทัว ร์ครั้งแรกของเราก็เริ่มต้น ขึ้น …
0003 Gujo Hachiman
คือจุดเช็คอินแรกหลังจากที่ เรานั่งบัสของทัวร์ออกจากโอ ซาก้ามุ่งหน้าสู่ชิราคาวาโก ะ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กเล็ก ที่มีแม่น้ำใหญ่สามสายไหลผ่ านคือ ปิง วัง ยม น่าน เอ๊ยอิบ้าไม่ใช่ล่ะ ฮ๋าฮ่า เอาใหม่มีแม่น้ำสามสายคือ Yoshida, Nagara และ Kodara ไหลมาบรรจบรวมกัน บรรยากาศทั่วไปในเมืองจะดูเ งียบเงียบ สบายสบายน่ามาพักผ่อน
ทริปนี้เราต้องขอบคุณงามงาม กับ Superdry เลยจร้า ที่สปอนเซอร์เสื้อผ้ามาให้เ ราใส่กันหนาวแถมใส่แล้วยังเ ท่อีกต่างหาก
ไอ่เรื่องเท่ไม่มีใครบอกหรอ กเราบอกตัวเอง ปล.ในรูปก็เราไงจะใครล่ะ
เราเดินเล่นที่นี่กันประมาณ 1 ชั่วโมง
ซึ่งก่อนจะเดินทางตอบแลเห็น ร้านขายอะไรสักอย่าง
ที่มีลักษณะคล้ายลูกชิ้นปิ้ งบ้านเรา
มีความน่ากินมากมาก
จัดไปรัวรัว 1 ไม้ เอามาชิมก่อนติดใจค่อยซื้อเ พิ่ม แต่สรุปจบที่ 1 ไม้ เพราะไกด์เรียกขึ้นรถ ฮ่าฮ๋า
0004 Shirakawa-go
เ ป็นหมู่บ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทาง วัฒนธรรมโดยยูเนสโก และจากรูปสวยงามจนต้องร้องข อชีวิตที่เราเคยเห็นคนนั้นค นนี้รีวิวไว้ในเน็ตมากมาย ชิราคาวาโกะจึงเป็นหนึ่งในส ถานที่บนโลกนี้ที่เราตั้งใจ ว่าจะต้องมาเหยียบให้ได้
แต่ฮัลโหลวันนี้เรามาถึงที่ นี่ตอนมืด มืดไม่พอแถมพายุหิมะที่โคตร หนักมาด้วยจร้าภาพที่ฉันเห็ นในเน็ตกับภาพที่ฉันถ่ายได้ วันนี้ #ร้องไห้ได้ไหม
เราแค่ถ่ายรูปมาไม่สวยนะแกร๊ของจริงสวยมาก บ้านเป็นแบบญี่ปุ่นแท้ดั้งเ ดิมที่ดูแล้วโคตรมีเสน่ห์เล ย เราไม่แปลกใจเลยที่นักท่องเ ที่ยวทั้งใน และต่างประเทศเป็นจำนวนมากถึงแห่กันมาที่นี่ ขน๋าดวันที่เราไปพายุหิมะหนักมากยังไม่มีใครถอยเลยจร้า าาา เราเดินเก็บภาพกันที่หมู่บ้ านประมาณ 1 ชั่วโมง ประมาณหนึ่งทุ่มตรงเราก็กลั บมาที่รถเพื่อเดินทางกลับไป พักกันที่ Takayama
0005 Takayama
เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒน ธรรมดั้งเดิมที่เกิดจากการอ นุรักษ์จากรุ่นสู่รุ่นสู่รุ่นสู่รุ่นจนมาสู่สายตาเรา แต่มาถึงที่ รร. เกือบสามทุ่มงี้แกรว่าเราจะ เห็นอะไรไหม เข้าห้องอาบน้ำนอนแบบไม่ต้อ งคิดว่าจะไปหาดูอะไร ส่วน รร. ที่เราพักจะอยู่ในแพ็คเก็ตทัวร์แบบสองวันหนึ่งคืนที่เร าซื้อมากับ kkday เลยจร้า
ส่วนชื่อ รร. เราจำชื่อไม่ได้จิงจิง โทษทีนะแกร๊ แต่ถ้าแกรไป Takayama ห่ายห่วงจร้า เพราะมีที่พักให้เลือกเยอะม าก กลับมาที่ รร. ที่เราพักภายนอกจะดูสมัยใหม ่เป็นตึกแบบปัจจุบันปัจจุบั น แต่ด้านในห้องเค้าทำเป็นแบบ เรียวกังเลยจร้า
ห้องนอนมีความจี่ปุ่งสไตล์ม ากมากแกร๊
เอาจริงจริงก็แอบแนะนำ รร. นี้นะ เพราะมีน้ำร้อนให้แช่ด้วย
จะแช่รวมกับมวลมหาชนที่มาพั ก รร นี้ตอนดึกก็ได้ แต่ใครเขิลอายไม่อยากโชว์หน อนหนึ่งใบกะไข่ฟุ้งฟริ้งแนะ นำให้ตื่นแต่เช้าแล้วลงไปแช่แบบเรา อิอิ อย่างภาพนี้เราถ่ายตอนเช้าป ลอดคนสุดสามารถถอดเสื้อผ้าตีลังกาม้วนหน้าม้วนหลังลงน้ำเอาไข่แช่ได้ซำบายซำบายเลย อิอิ
ก่อนออกเดินทางต่อเราเก็บภา พบรรยากาศเช้าเช้าแถวแถวโซน ที่พักมาฝากจ้า
หิมะแน่นมาก
บนนถนนขาวโพลนเลยจ้าา
-10 องศาใสใสยังไหวจ้าาาาา
0006 Shinhotaka Ropeway
คือสถานที่ท่องเที่ยวที่เหม าะกับคนที่ชอบไปนั่งโง่โง่นิ่งนิ่งมองภูเขาเป็นที่ซู๊ด เพราะที่นี่จะมีกระเช้า Shin-Hotaka Ropeway ไว้คอยบริการพาขึ้นยอดเขา Hotaka (โฮทากะ) เพื่อไปชมความงดงามและความยิ่งใหญ่ของภูเขา Japan Alps (เจแปนแอลป์) ง่ายง่ายก็คือเท้าเยียบยอดโ ฮทากะตามองเจแปนแอลป์แลดูเจ๋งมาก
อีกระเช้าชินโฮตากะ จะค่อยค่อยไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยเรื่อยซึ่งเราจะ ต้องนั่งกระเช้าทั้งหมดสองต่อโดยที่ต่อแรกนั่งจากด้านล่างไปยังสถานี Nabedaira Kogen จากนั้นต้องเปลี่ยนกระเช้าจ ากสถานนี้ขึ้นไปจุดสุดยอด เอ๊ย จุดสูงสุด นั่นก็คือสถานี Nishihotakaguchi จุดสุดยอดที่เราขึ้นไปพิชิต อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,156 เมตร
ถ้าเปรีบบภูเขาลูกนี้กับตึก เจ็ดร้อยแปดสิบชั้น สถานี Nishihotakaguchi ก็คือดาดฟ้าของตึกตึกนั้น ด้านบนเป็นวิวกว้างแบบ 360 องศา ตามทฤษฎีแล้วการที่เราขึ้นม าถึงยอดส่ิงที่ควรจะต้องเห็ นเบื้องหน้าอย่างเต็มตาควรจ ะต้องเป็นความงดงามความอลัง การของเทือกเขาเจแปนแอลป์ แต่ความเป็นจริงของวันนี้มั นช่างโหดร้ายกับเราเหลือเกิ นขาวนวลเต็มไปด้วยหิมะอย่าว่าแต่ยอดเขาเจแปนแอลป์เลยยอ ดไม้สักยอดยังมองไม่เห็นเลย แกร๊
สิ่งที่เลิศและดีงามที่สุดคือไปยืนโง่โง่ชูสองนิ้วไข่สั่นกับหุ่นปั้นหิมะตัวนี้ ใต้ความหนาวเหน็บแบบ -16 องศาคนล้านแปดกำลังต่อแถวเข้าคิวเพื่อรอถ่ายรูปกะหุ่นปั้นหิมะตัวนี้จร้า จะบอกว่าเราก็คือหนึ่งในล้า นแปดนั้นที่ยืนต่อแถวแบบจริ งจังมาก ฮ่าฮ่า
หลังจากแชะภาพกับเจ้าหุ่นปั้นหิมะเสร็จก็วิ่งเข้าด้านใ นนั่งจิบกาแฟรอเวลาลงอย่างเ ดียวเลยจร้าาาา มีความหนาวหนักมาก
บายจ้าเจแปนแอลป์ไว้พี่จะกลับมาเบ่งหน้าตาใหม่นะ
0007 Takayama Old Town
คือย่านที่เราชอบที่สุดในทริปนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยความสวยงามของบ้านไม้เก่าที่ดูคลาสสิคแบบญี่ปุ่นสไ ตล์มันทำให้เราเพลินกับการเ ดินเก็บภาพที่นี่มาก ภายใต้ความความดั้งเดิมของที่นี่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมช าติที่งดงามไม่ว่าจะเป็นเขา แม่น้ำที่ไหลผ่าน จุดเด่นจุดหลักอีกอย่างที่เ อาใจเราไปเลยคือของกินเพียบ จร้าาาาาาาา ( ว่าล่ะต้องไม่พ้นเรื่องกิน )
สิ่งที่อยู่ในมือเราไม่มั่น ใจเหมือนกันว่ามันอะไรแต่ที ่รู้แน่แน่คือแดรกได้จ้า พอดีเห็นคนมุงซื้อก็เลยมุงต ามเค้า บั๊บว่ามุงมามุงกลับไม่โกงไ รงี้ ฮ่าฮ่า แต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลยครั บเค็มเค็มหวานหวานมันมันหนึ บหนึบ
เดินต่อไปเจอร้านซาลาเปาญี่ ปุ่นดูน่ากินมาก ไอจากหม้อนี่ลอยตัดกับหิมะที่ปรอยเบาเบาชวนให้แวะเข้าไ ปซื้อทานมากมาก
นี่คือซาลาเปาญี่ปุ่นพอกัดคำแรกดีย์งามแป้งนิ่มมากแต่ไ ส้แอบจืดไปนิด กัดคำต่อไปไม่แอบล่ะไส้มีคว ามจืดจริงจัง แต่ไม่ถึงขั้นแย่แดรกต่อจนห มดได้
เดินชิวชิวชมเมืองท่ามกลางหิมะปรอยปรอยแบบฟินฟินอยู่ดี ดี ภาพตัดไปที่เรานั่งเหม่ออยู ่บนรถบัสที่กำลังมุ่งหน้ากลับโอซาก้า เพราะแมร่งจู่จู่พายุหิมะก็ โหมกระหน่ำมาจากไหนไม่รู้ ลาก่อยทาคายาม่า
0008 Osaka Castle
รอบวัดพระแก้วมีร้านขายน้ำทับทิม น้ำมะม่วง น้ำส้มใส่ขวดพลาสติกเยอะฉันใด รอบรอบ Osaka Castle ก็ร้านขายไอติมเยอะฉันนั้น
เราจัดไอติมองุ่นเกร๋เกร๋มา 1 เรื่องของเรื่องคือจะซื้อมา ถ่ายรูป
จากนั้นก็เดินรอบรอบชมความส วยงามของ Osaka Castle เดินไปกินติมไปถ่ายรูปไปมีค วามเพลิน
พอไอติมหมดก็ซื้อบัตรขึ้นไป ยังด้านบน Osaka Castle เพื่อชมวิวเมืองโอซาก้า
อีกหนึ่งมุมสวยสวยจากด้านบน Osaka Castle
0009 Nakazakicho
ย่านนี้คือย่านที่ไม่มีในแพ ลนสำหรับทริปนี้เลยหาเจอในเ น็ตขณะเดินเล่นที่ Osaka Castle เรื่องของเรื่องคือแค่จะหาค าเฟ่ชิคชิคแถวโอซาก้าหาไปหา มาดันไปเจอทู้หนึ่งในพันทิพ ย์นางบอกว่าย่านนี้เป็นย่าน ที่อยู่ใจกลางเมืองโอซาก้าถือเป็นย่านเดียวที่ไม่โดนระ เบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้ง ที่สอง ด้วยเหตุนี้ทำให้บ้านเรือนย่านนี้ยังคงความเป็นญี่ปุ่น โบราณโดยแท้ที่มีให้เห็นเรี ยงรายอยู่ทุกซอกทุกซอย เดินยังไงก็เพลิน และกระทู้ดังกล่าวนางยังบอก อีกว่าย่านนี้คาเฟ่แน่นสุดสุด
ย่านนี้คาเฟ่แน่นสุดสุด ย่านนี้คาเฟ่แน่นสุดสุด ย่านนี้คาเฟ่แน่นสุดสุด เหมือนโดนสะกดด้วยคำคำนี้เผ ลอแปบเดียวเราก็มาโผล่ที่ Nakazakicho Station เป็นที่เรียบร้อย
นี่ขน๋าดยังไม่โผล่ออกจากใต้ดินนะ กำแพงผนังด้านล่างมีความสีฟ้าพาสเทลสุดสุด 10 10 10 ไปเลยจร้าาาาา
ถ้ามาถึง Nakazakicho Station แล้วให้เดินออกประตู 2 ได้เลยจร้า จากนั้นก็เดินวนไปวนมาได้เล ยถ่ายรูปได้ทุกจุดจริงจริง
บรรยากาศย่าน Nakazakicho ใบที่1
บรรยากาศย่าน Nakazakicho ใบที่2
บรรยากาศย่าน Nakazakicho ใบที่3
จะบอกว่าบรรยากาศจากภาพเราส องสามสี่ห้าใบมันยังแสดงถึง ความเป็น Nakazakicho ได้ไม่หมดหรอก เพราะฉะนั้นแกรควรลุกไปสะกิ ดเพื่อน แฟน พ่อ แม่ หรือใครก็ได้ที่พร้อมเที่ยว แล้วก็อ้อนอ้อนให้พาไปเลย
ชมบรรยากาศโดยรวมของย่าน Nakazakicho กันแล้วต่อไปเราจะพาทุกคนเข้าคาเฟ่ แต่บอกก่อนนะว่าสามคาเฟ่ที่ เราจะพาไปกินรอบนี้เป็นแค่ 3 ในล้านนะ ด้วยเวลาและความสามารถเก็บไ ด้แค่นี้จิงจิง ถ้าจะเอาให้ครบทุกร้านคงต้อ งบินกลับประเทศไทยแล้วขนเสื้อผ้ากลับมาอยู่ที่นี่สักสอ งสามเดือน
[ PATISSERIE ]
เป็นร้านเบเกอรี่ที่มีสาระพัดเมนูให้เลือกทาน หน้าร้านตกแต่งด้วยโทสเหลือ งน้ำตาล ในขณะที่ด้านในมาในโทนน้ำเงินเข้มตัดกับส้มเลยจร้า ดูรวมรวมเกือบได้ 10 คะแนนเต็ม แต่ขาดตรงไม่มีที่นั่งอันนี ้เรื่องใหญ่สำหรับสายนั่งชิ วตามคาเฟ่แบบเรา คอนเซปของร้านคงบั๊บว่าซื้อ ได้แต่ต้องไปแดรกที่อื่น ฮ่าฮ่า เพราะฉะนั้นเอาไป 7 คะแนนพอ
พิกัดร้าน : https://goo.gl/maps/ aPiwYyK62b12
เมนูแนะนำก็ตามป้ายหน้าร้าน เลย ” Cookie Cream Boom!! ”
ตัวแป้งมีความกรอบนอกนุ่มใน ครีมที่เป็นไส้มีความหวานละ มุนกัดทีกลิ่นนี่หอมติดปลาย จมูกเลยเมิง และด้วยความไม่มีที่นั่งเรา ก็เลยยืนแดรกมันตรงถนนหน้าร้านเค้านี่แหล่ะ ฮ่าาา
[ coffee shop WARARA ]
ร้านกาแฟที่ภายนอกดูธรรมดา พอเปิดประตูเข้าไปมีตกใจ 10 วิ ตาญี่ปุ่นประมาณ 20 คู่ที่อยู่ในร้านจ้องมาที่เ รา กรูนี่ไปต่อแทบไม่เป็น #กูหล่อหรือแปลกงงจุง และจากจำนวนประชากรที่หนาแน่นในร้านบวกกะคนเดินเข้าเดิ นออกตลอด เราขอสรุปเลยว่าร้านนี้ฮอตสุดในย่านนี้
พิกัด : https://goo.gl/maps/ TeoLqVto8jH2
ร้านตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลเ ปิดไฟส้มส้ม ดูรวมรวมล่ะสวยแต่ไฟส้มนี่ถ่ายรูปยากฉิบ
เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงเท่ส องคน คนนึงพูดอังกฤษได้ เราก็เม้าท์กับนางนิดหน่อยต ามภาษาอังกฤษของตัวเองจะเอื้ออำนวย ฮ่าาาาา ลาเต้ร้อนนางทำได้ดีมาก ละมุนสุด
ร้านนี้ 10 10 10 ไปเลยจร้า เต็มล้านนะ ฮ่าฮ่า หลอกหลอก 10 เต็ม 10 โดยส่วนตัวชอบมาก
[ cafe’ Sugar ]
เป็นร้านสีขาวดูมินิมอล สะอาด สบายตา ที่ดูยังไงก็ญี่ปู้นญี่ปุ่น ร้านนี้พอออกจากใต้ดินประตู สองเดินเลี้ยวขวานิดหน่อยก็ เจอเลย ความตั้งใจของเราหลังจากเจอ ร้านนี้ก็คือไม่ว่าวันนี้จะ วนซ้ายวนขวาเดินไปซอกไหนหลื บไหนของย่าน Nakazakicho สุดท้ายก่อนกลับเราจะต้องมา จบที่ร้านนี้
พิกัด : https://goo.gl/maps/ 43WQrEGnbUy
แกร๊เอ๊ย!! ไปถึงร้านแบบเฉียดฉิวมาก เจ้าของเดินออกมาที่หน้าร้า นและกำลังจะพลิกป้ายจาก Open เป็น Close อยู่พอดี เรานี่รีบพุ่งเข้าไปหาทำตาป ริบปริบแบบขอร้องพร้อมกับมอ งนาฬิกาเพื่อจะบอกนางว่าวัน นี้ทำไมปิดเร็ว นางก็สวนกลับมาเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งเราฟังไม่ออก แต่ถ้าเดาเล่นเล่นนางคงพยาย ามบอกเราว่าวันนี้ปิดเร็วเพ ราะผัวจะพาไปกินข้าว ดูหนัง ครบรอบแต่งงาน เด๋วเด๋วไม่น่าจะเรียกว่าเด าน่าจะมโนมากกว่า
นางไม่สนใจพลิกป้ายเป็น Close เรียบร้อย ขณะที่เรากำลังจะหันหลังกลั บนางก็สะกิดแล้วบอกให้เดินเ ข้าร้าน แล้วนางก็พูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกรอบ เราขอเดาว่านางคงจะให้เราเข ้าไปนั่งสั่งอะไรทานได้ แต่มึงต้องรีบแดรกนะ อะไรทำนองนี้ ฮ่าฮ่า
เนมูที่เราสั่งได้แก่ ” ฮันนี่โทส แอปเปิ้ล ” หนมปังคือนิ่มและดีย์มาก ความหวานของน้ำผึ้งพอได้แอป เปิ้ลเปรี้ยวมาตัดนี่คือสุด จริง ณ จุดนี้ต้องขอบคุณควาามน่ารั กของนางที่ยอมให้เราได้มานั ่งกระดิกเท้ากินอะไรที่มันอ ร่อยแบบนี้
นี่ก็อีกร้านที่เอาไปเลย 10 10 10 จ้าาาา
0010 Kobe City
เรานั่งรถไฟจากโอซาก้ามุ่งห น้าสู่โกเบโดยมีเป้าหมายคือ ไปเดินเล่นลั๊ลลายามเย็นที่ ย่านโกเบฮาร์บอร์แลนด์ ย่านนี้มาไม่ยากเพราะมันอยู่ติดกับสถานีรถไฟ JR Kobe Station และสถานีรถไฟใต้ดิน Harborland Subway Station เลยจร้า
ส่วนเราเดินทางมาด้วย JR ซึ่งการที่จะไปถึงย่านโกเบฮ าร์บอร์แลนด์จะต้องเดินทะลุ ผ่านห้างห้างหนึ่งซี่งจำชื่ อไม่ได้ แต่ที่จำได้คือห้างนี้มีเคร ปอยู่ร้านหนึ่งอร่อยมาก “ชื่อร้าน Dipper Dan Crepe “
บอกเลยถึงแม้ว่าความจดจำสิ่ งรอบตัวเราจะมีน้อย แต่ไม่น้อยแบบสมบูรณ์แบบนะเ พราะเรื่องร้านแดรกจำแม่นมา ก ฮ่าฮ่า
เอฟวายไอ.ตอนแรกกะจะตัดรูปร้านเครปทิ้งเพราะรีวิวนี้รู ปเยอะมาก แต่ด้วยความอร่อยของเครปในมืออันนี้จะตัดทิ้งก็ทำไม่ได้
ถึงแล้วย่านย่านโกเบฮาร์บอร์แลนด์ ย่านที่เต็มไปด้วยแหล่งช้อป ปิ้ง แหล่งบันเทิงริมน้ำ บริเวณท่าเรือโกเบมีทั้งคาเ ฟ่ ร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงสวนสนุก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำใ ห้เรามาที่นี่ เพราะถ้าเราจะแดรกจะช็อปโอซ าก้าก็ได้ป่ะจะเสียเวลานั่ง รถไฟมาถึงที่นี่เพื่อ?
เหตุผลที่เรามานี่ก็คือ หอคอยท่าเรือโกเบ (Kobe Port Tower) จากรูปจะอยู่ด้านหลังโอปป้า สีแดงแดงสูงสูงไกลไกลอันนั้ นเลย
ระหว่างรอพระอาทิตย์ตกก็เก็ บภาพบรรยากกาศนู้นนี่นั่นแถ วท่าเรือไปเรื่อยเรื่อย
แสงคือดีย์มากจิงจิง
มาแล้วจ้าภาพที่เราตั้งใจมา ถ่ายที่ย่านโกเบฮาร์บอร์แลน ด์ครั้งนี้ ชิงช้าสวรรค์เกร๋เกร๋กับรีเ ฟคคูลคูลบนผืนนี้
และก็ภาพสวยสวยของ Kobe Port Tower ยามค่ำคืน กับอากาศแบบหนาวเย็น ได้สองภาพนี้ถือว่ามิชชั่นค อมพรีสกลับโอซาก้าหาของแดรก แล้วไปนอนได้จ้า
หลังกลับจาก Kobe มาถึงที่ Osaka Station เราก็ตรงดิ่งไปยังย่านที่เต็มไปด้วยของกินอย่าง UMEDA OSAKA ซึ่งร้านแรกที่เราเลือกเข้า ไปจัดวันนี้ก็คือร้าน Uoshin Sushi หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม ซูชิ หน้าล้น
หน้าล้นยังไงเราไม่ขออธิบาย ให้ภาพใบนี้บอกล่ะกัน ฮัลโหล!! ข้าวจ๋าอยู่ไหน ภาพซูชิวังหลังก็ลอยมาจร้า
นั่งยันนอนยันยืนยันเลยว่าอ ร่อยแบบเนื้อปลาเน้นเน้น มีความเต็มปากเต็มคำ แซ่บ แซ่บ แซ่บ ปลาสดมากอย่างกะตกเบ็ตแดรกด อง
ในเมื่อก่อนหน้านนี้เราเอ่ย ว่า Uoshin Sushi คือร้านแรก เพราะฉะนั้นร้านสองจะต้องตา มมาถูกต้องไหม ฮ่าฮ่า
“ Ichiran Ramen หรือ ราเม็งข้อสอบ “
กินกันฟินฟินแบบพริกคูณสาม เพิ่มไข่ เพิ่มหมู เพิ่มสาหร่าย เพิ่มหมดทุกอย่างที่มันมีให้เพิ่ม เพราะเหนื่อยและเพลียกับการ เที่ยวทั้งวันอะไรเพิ่มได้ก็ต้องเพิ่มจะได้จบตัวเองที่ ร้านนี้ไม่ต้องมีต่อร้านสาม ร้านสี่เด๋วดึก ฮ่าฮ๋า
กินคาวไม่กินหวานสันดารไหร่ เพราะฉะนั้นตบชาเชียวถ้วยนี้ต่อเลย พออิ่มก็เลอเสียงดังดังหนึ่ งทีจากนั้นก็กลับที่พักอาบน้ำนอน
0011 Dorp Inn Osaka
ถ้าคนตั้งใจอ่านและช่างสังเ กตจะต้องเกิดคำถามว่าในใจว่ า สองคืนที่โอซาก้า(คืนที่กลั บจากไปทัวร์กับคืนนี้) เรานอนที่ไหน?? สถานีรถไฟ เสาไฟฟ้า หรือใต้สะพานลอย ความสงสัยเหล่านี้จะหมดไปเพียงคุณอ่านต่อไปแล้วจะรู้เอ ง ฮ่าฮ่า
สองคืนที่โอซาก้าเราพักที่ Dorp Inn Osaka เป็นพี่พักแนวโฮสเทลต์ที่ถื อว่าดีย์เลยทีเดียว
บรรยากาศภายในที่พัก
อันนี้เป็นล็อคที่เราเอาไว้ ซุกหัวนอน สะอาดสะอ้าน กลิ่นหอมสดชื่น ( ถึงแม้ว่าล็อคข้างข้างจะกรน เสียงดัง เอียปลั๊ก ที่หย่อนตู้ซื้อมาจากชั้นสอ งของโฮสเทลก็เอาอยู่ )
0012 JR West
เห็นเราวาร์ปไปวาร์ปมาที่นั่นทีที่นี่ทีก็ไม่ต้องมีคนส งสัยบ้างแหล่ะว่าเราเดินทาง ยังไง ติดใบพัดโดเรม่อนมั้ง ยืมกระด้งกระหังมาบินมั้ง ฮ่าฮ๋า คือตามที่เราบอกตั้งแต่พาทแ รกเลยว่าหลักหลักเราเดินทาง ด้วย JR West ส่วนคนที่ไม่ได้อ่านพาทแรกก ็ไม่ต้องกังวลไปเราย้อนกลับ ไปที่พาทแรกแล้วก็อปปี้ที่เ คยเขียนบอกไว้แล้วเอามาใส่ใ ห้พาทสองอีกรอบล่ะจ๊ะ บริการดีขน๋าดนี้ไม่แชร์รีวิวก็ใจดำเกินไปแล้วเน้อพ่อแ ม่พี่น้องทั้งหลาย
การเดินทางของเราตลอดทริปเร าเลือกใช้ JR West Rail Pass ซึ่งเป็นบัตรส่วนลดพิเศษที่ ทาง JR-west เค้ามีออกมาถึง 5 ประเภทให้นักท่องเที่ยวได้เ ลือกใช้ ซึ่งบัตรดังกล่าวคนญี่ปุ่นอ ยากซื้อแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้ ส่วนความดีงามของเจ้าบัตรนี่ก็คือเราสามารถนั่งวนมาวนไ ปวนไปวนมาได้ทั่วทั้งภูมิภา คตะวันตกของญี่ปุ่น(การเดิน ทางท่องเที่ยวในภูมิภาคคันไ ซ) โดยจำนวนวันที่ใช้ได้ก็ขึ้น อยู่กับประเภทของบัตร ทั้งสะดวกทั้งประประหยัดแบบ นี้ก็เป็นธรรมดาที่คนญี่ปุ่ นเค้าจะแอบอิจฉาเบาเบา อิอิ
เอฟวายไอ. นอกเหนือจากรูทที่ JR วิ่งเราก็ใช้พวกใต้ดิน รถเมย์ท้องถิ่นทั่วไปของญี่ ปุ่นเลยแกร๊
เราออกเดินทางจากโอซาก้าแต่ เช้ามุ่งหน้าสู่ Kyoto โดย JR West
สิ่งที่เห็นชัดเจนและบ่งบอก ว่าเราเดินทางมาถึงเกียวโตแ ล้วก็คงจะเป็น เกียวโตทาวเวอร์ ( Kyoto Tower ) สถาปัตยกรรมที่สูงที่ที่สุด ของเมืองเกียวโตโซึ่งมีความ สูงถึง 131 เมตร
มาถึงนี่แล้วก็ต้องแชะภาพเก ร๋เกร๋พร้อมกับอัพเฟสอวดชาว บ้านชาวเมืองหนึ่งช็อตพร้อม กับสเตตัสขี้อวดว่า “ชีวิตดี๊ดีที่เกี่ยวโต” ฮ่าฮ๋า
บรรยากาศเมืองเกียวโต อยากกินขนมโตเกียวจุง เด่วเด่ว ไม่น่าเกี่ยวมั้ง
เกียวโต
เมืองนี้ค่าเฟ่เพียบเลย นี่มันสวรรค์ของเราชัดชัด
ร้านกาแฟ
หูยยยยยย นี่ก็ร้านกาแฟ
ร้านค้าไม่ว่าจะเป็นร้านขาย เสื้อผ้า ร้านขายรองเท้า เรายอมใจเลยว่าเค้าตกแต่งได้สวยจิงจิง
ในสวนของการเที่ยวเกียวโตเร าขอแนะนำให้เพื่อนเพื่อนซื้ อ Kyoto One Day Bus Card บัตรนี้ใช้ขึ้นลงขึ้นลงรถบั สได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งมันจะคุ้มค่าสุดเมื่อใช้มากกว่า 3 ครั้งในหนึ่งวัน(ซึ่งใช้ถึง แน่นอน) แต่ระวังนิสนุงถ้าไปเที่ยวช ่วงวันหยุดสุดสัปดาห์รถบัสอ าจจะเดินทางค่อนข้างช้านะแก ร๊ ที่เกียวโตก็มีความรถติดเช่ นกัน เพราะฉะนั้นการวางแผนเที่ยว ควรเผื่อเวลาด้วยจร้า
เอฟวายไอ.บัตรที่ว่าหาซื้อไ ด้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นจาก Information Centers, ที่สถานีรถไฟ Kyoto Station, หรือตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ยกตัวอย่างบัตรนี้เราซื้อจา ก FamilyMart
0013 Kinkakuji Temple
หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่ อวัดทอง ซึ่งพอไปเห็นของจริงก็เข้าใ จเลยว่าทำไมถึงเรียกวัดทองก็เพราะวัดนี้จะมีอาคารหลักเ ป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโ ดดเด่นอยู่กลางน้ำ เอาจริงนะสำหรับเรานอกจากมุ มนี้ที่ถ่ายมาเราก็มองไม่เห็นมุมอื่นที่สวยเลย ในวงเล็บหรือเป็นเพราะเราไม่อินกับวัดหว่า
เก็บภาพภายในเขตวัดเรียบร้อ ยเราก็เดินนำรุ่นพี่ออกมารอ ที่ด้านหน้า จัดซาลาเปาชาร์โคลหนึ่งลูก
กับไอติมชาร์โคล์ที่เย็นซาบ ซ่าไปถึงทรวงอีกหนึ่งอัน
พอรุ่นพี่ออกมาพวกเราก็ออกเ ดินทางกันต่อเพื่อไปเช็คอิน กันที่โลเคชั่นถัดไป
0014 Fushimi Inari
อีกหนึ่งโลเคชั่นที่ต้องไปเ ช็คอิน เราเชื่อว่าคนไทย 100% ที่ไปเกียวโตครั้งแรกก็ต้อง มาที่นี่ และนี่คือเกียวโตครั้งแรกขอ งเราเช่นกันเพราะฉะนั้นจะไม่แหกกฏความเป็นคนไทย ไปเชคอินรัวรัวจร้าาาาาาา ฮ่าฮ๋า
ศาลเจ้าเทพอินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Shrine) หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่า ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจ อก เป็นศาลเจ้าชินโต(Shinto)ที ่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตู โทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนห ลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเ ขาศักสิทธ์ โดยศาลเจ้านี้สร้างขึ้นตั้ง แต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะ อีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว หูยยยยยข้อมูลมีความเป๊ะมาก ฮ่าฮ๋า จะไม่เป๊ะได้ไงสี่ห้าบรรทัด นี้ก๊อบมาจากในเน็ตทั้งดุ้น เลย
เราอยู่เก็บภาพที่ศาลเจ้าแด งจนตะวันลับขอบฟ้าถึงค่อยนั่งรถไฟกลับไปยังที่พัก
0015 Piece Hostel
ก่อนจะว่าว เอ๊ย ก่อนจะว่ากันถึงเรื่องที่พั กขอเอฟวายไอก่อนเลยนะว่า PIECE HOSTE ที่เกียวโตมีด้วยกันสองแห่ง เพราะฉะนั้นก่อนจะคลิกจองดู กันให้ดีดีนะว่าเลือกถูกอัน หรือเปล่า ถ้าเป็น Piece Hostel Kyoto อันนี้จะอยู่ใกล้กับ Kyoto Station แต่ถ้าเป็น PIECE HOSTEL SANJO อันนี้ก็อยู่ในเมืองเกียวโต เหมือนกันแต่จะอยู่ย่านซานโ จซึ่งห่างจาก Kyoto Station ออกไปประมาณสามกิโลเมตร
ส่วนเราเลือกพักกันที่ PIECE HOSTEL SANJO
ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบหล ายราคาถ้าเน้นถูกก็นอนดอมไป แต่ถ้าพอมีตังค์หน่อยก็นอนแ ยกไปสะดวกกว่าเพราะมีห้องน้ำในตัว รวยแบบเราก็ต้องห้องแยกสิจ๊ ะ
0016 Arashiyama หรือ สวนป่าไผ่ หรือ Bamboo Groves หลายชื่อไปอี๊กกกกกกก
ที่นี่จะมีทางไม่เล็กไม่ใหญ ่ผ่านกลางสวนป่าไผ่ซึ่งเราส ามารถเดินเล่นหรือขี่จักรยา นผ่านก็ได้ ใครขี้เกียจเดินขี้เกียจปั่ นเค้ามีบริการรถลากด้วยนาจา
และสิ่งที่ทำให้เราต้องมาที่นี่ก็คือความแปลกตา ความสวยงามที่หาดูที่บ้านเร าไม่ได้แน่แน่ ยิ่งถ้าช่วงไหนมีแสงอาทิตย์ รอดผ่านตัวป่าไผ่ลงมายังพื้ นด้านล่างภาพที่ถ่ายได้นี่ 10 10 10 ไปเลยจร้า มีความสวยแพงมากพูดเลอ
เดินชิวไปกินไอติมชาเขียวไป ลืมคำว่าเหนื่อยไปเลย
0017 %Arabica Cafe’
เราอ่านในเน็ตมาเค้าบอกว่าร้านนี้เป็นร้านกาแฟที่มีชื่ อเสียงเป็นที่รู้จักของคอกา แฟทั่วโลก ร้านตั้งอยู่ในย่านที่สงบบน ถนนกิองซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยว โดยบรรยากาศร้านเต็มไปด้วยค วามเนี๊ยบ ความเป๊ะแบบคนญี่ปุ่น สวยงาม สะอาด ดูคลีนมาก อ่านไปดูรูปไปบอกได้คำเดียว ว่าอยากไปโคตรโคตร
แต่ด้วยความบังเอิญและความโ ชคดี เราเจอสาขาย่อยของ %Arabica Cafe’ ที่ Arashiyama
พิกัด : https://goo.gl/maps/ ekGxaexFk4T2
โคตรดีใจเลยที่จะมีโอกาสได้ ลองชิมกาแฟร้านนี้ ( เราคนนึงที่เป็นคอกาแฟ )
เข้าไปในร้านคือชอบมาก อุปกรณ์เอย ของตกแต่งเอย ดูสะอาดสะอ้านลงที่สุด
ลาเต้ร้อนหวานน้อยที่นึงจ้า
เย้เย้ ได้มาลองแบบฟินฟินแล้ว
ออกจาก %Arabica Cafe’ จิบลาเต้ร้อนในมือไป เดินเล่นตามริมน้ำไป ถ่ายรูปไป จนไปเจอคาเฟ่อีกหนึ่งร้านซึ่งอยู่ตรงแยกไฟแดงใกล้ใกล้ส ะพานข้ามแม่น้ำ
0018 Cafe’ De Salan
เป็นร้านที่มองเห็นแต่ไกลเพ ราะด้านหน้าร้านเปิดโล่งเป็ นกระจกอยู่บนชั้นสองของตึกใ กล้แยก ร้านนี้จะขายพวกอาหารคลีน รวมไปถึงเครื่องดื่มต่าง กาแฟ โกโก้ เป็นต้น
พิกัด : https://goo.gl/maps/ ydf2DFcgzCR2
บรรยากาศร้านตกแต่งด้วยโทนส ีขาวที่แซมด้วยความเขียวของ ไม้ประดับ ด้านหน้ามีกระจกเปิดโล่งสาม ารถมองเห็นแม่น้ำที่เราเพิ่ งเดินเล่นมะกี้
และเค้าว่าที่นิ่งริมกระจกถhามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีมี ตบแย่งที่กันแน่นอน เพราะมันจะสวยมากกินอาหารไป ชมวิวริมน้ำบวกใบไม้แดงไปจะ เพลินสุดสุด
แอร๊….. คู่นี้น่าร๊ากกกก
ส่วนเราไม่แตะพวกใบไม้ใบหญ้ าอย่างผักอยู่แล้ว อาหารคลีนก็บรั๊ยจ้าาาาาา ขอโกโก้ร้อนสักแก้วก็โอแล้ว
กลับจากสองคาเฟ่สุดคูลแถว Arashiyama เราก็มาเก็บเวลต่อกันที่คาเ ฟ่ในเมือง Kyoto
0019 Kurasu Kyoto Coffee
เป็นร้านเล็กเล็กที่อยู่ไม่ ไกลจาก Kyoto Station ซึ่งร้านนี้เราก็เดินตามโลเ คชั่นจีพีเอสที่แป๊ะให้ด้าน ล่างเลยจร้า
พิกัด : https://goo.gl/maps/ eW7MbWoSdT12
ร้านตกแต่งแต่งด้วยโทนน้ำตา ลขาว ด้วยความเล็กของร้านก็เลยทำ ให้มีโต๊ะเพียงไม่กี่ แต่ด้วยลูกค้าส่วนมากซื้อกล ับมันก็เลยทำให้เรามีที่นั่ งในร้านจ้าาาา
กาแฟหนึ่งแก้วแล้วก็เดินจาก
ไป ฮ่าฮ่า สนใจร้านลองไปดูรูปเพิ่มเติ
มในเพจเค้าดูนะ
Kurasu
0020 Veg Out Cafe
ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Kamo ซึ่งเดินทางมาง่ายมากแค่นั่ งใต้ดินมาลงที่ Shichijo Station จากนั้นเดินข้ามสะพานก็จะเจ อร้านอยู่ตรงหัวมุมเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/ RS1ev1fuEaS2
ร้านกาแฟเกือบทุกเจ้าที่ญี่ปุ่นส่วนมากตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผนังด้านในสีขาว โทนของเกือบทุกเรียนจึงออกมาเป็นน้ำตาลขาว รวมถึงร้าน Veg Out Cafe ด้วยเช่นกัน
บาริสต้าร้านนี้เป็นฝรั่งนา จา อาจจะด้วยความที่บาริสต้าเป็นฝรั่งเลยทำให้ร้านนี้ฝรั่ งเดินเข้าออกเป็นว่าเล่นเลย ครับ
ในส่วนของกาแพที่เราสั่งนั้ นเราขอเค้าเป็นแก้วกลับ พอได้แล้วก็ออกไปยืนเท่เท่ค ลูคูลรับลมเย็นเย็นจิบกาแฟริมบนสะพาน
0021 Cafe Bibliotic Hello Kyoto
พิกัด : https://goo.gl/maps/ jto8rYRESiv
Cafe Bibliotic Hello Kyoto คือค่าเฟ่ร้านสุดท้ายก่อนเดินไปสนามบินเพื่อนเตรียมตัว กลับไทย ร้านนี้แบ่งออกเป็นสองโซนโด ยที่โซนแรกจะตกแต่งออกโทนน้ำตาลแบบคาเฟ่ที่ผ่านผ่านมา
บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างดี
ก็เลยทำให้คาเฟ่ที่นี่คนแน่ นมากมาก และตั้งแต่ตะลุยค่าเฟ่วันนี้ร้านนี้คือร้านที่คนเยอะสุ ด
โซนแรกจะขายอาหารพวกพาสต้า แซนวิซ กาแฟ และเครื่องดื่มอีกหลากหลายเ มนู ซึ่งเราจัดเซทพาสต้ามา 1 ที่
โซนที่สองของร้านจะเป็นเบเก อรี่โซน
สารพัดเมนูขนมปัง อันไหนก็ดูหน้ากินไปหมด แต่ด้วยความอิ่มเก็บภาพอย่า งเดียวก็น่าจะพอ ฮ๋าฮ่า
มีความขนมปังจริงจังมาก
0022 Umeda Sky Building
ฝรั่งมีความปีนตึกร้างสาทรฉันใด เราก็ต้องปีนขึ้นไปเก็บรูปบ นตึก Umeda ฉันนั้น หลังจากนั่งรถไฟออกจากเกียว โตเราก็ยังพอมีเวลาที่จะไปเ ก็บภาพที่ไหนก็ได้อีกสักหนึ่งแห่ง เราก็เลยเลือกที่แวะ Osaka Station อีกครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายคือขึ้นตึก Umeda เพื่อไปเก็บภาพเมืองโอซาก้า ยามค่ำคืน
รูปร่างของตึก Umeda Sky Building มีลักษณะเป็นตึกแฝด มีสะพานเชื่อมถึงกันที่กลาง ตึก และที่ดาดฟ้ามี Platform รูปทรงสี่เหลี่ยม มีรูตรงกลางแบบโดนัท เชื่อมระหว่าง 2 ตึกไว้ บริเวณนี้เป็นจุดชมวิว 360 องศา (Floating Garden Observatory)
เรากับรุ่นพี่เก็บภาพที่นี่ จนตะวันลับขอบฟ้าถึงค่อยออก เดินทางต่อไปยังสนามบินเพื่ อเตรียมตัวกลับไทย
ชอบไหมหล่ะแกร๊!! กับพาทสองของทริปฤดูหนาวที่ ญี่ปุ่น เรานี่โคตรชอบทริปนี้ของตัว เองเลยชอบชนิดที่ว่านั่งทำรูปไปยิ้มไป นั่งเขียนรีวิวไปมีความสุขไ ป
ญี่ปุ่นหนึ่งสองสามครั้งไม่ พอจริงจริง แล้วเราจะกลับไปไหม
สำหรับวันนี้สวัสดีจ้าาาาาา