“เผยหนี่ชวี่คั่นหลิวซิงหยี่ลั่วจ้ายเจ้อตี้ชิวซ่าง ย่างหนี่เตอเล่ยลั่วจ้ายหว่อเจียนป่างเหย้าหนี่เซียงซิ่นหว่อเตออ้าย จื๋อเขิ่นเหวยหนี่หยงกั่น หนี่ฮุ่ยคั่นเจี้ยนซิ่งฝูเตอส่อจ้าย” ให้ท่อนฮุกเพลงประกอบซี่รี่สุดฮิตอย่างรักใสใสหัวใจสี่ดวง เปนคนอินโทรทริปนี้แทนล่ะกัน ไม่ขอบอกนะว่าเรารุ่นไหน เอาเป็นว่าถ้าแกรรู้จักเพลงนี้กะซีรี่สุดฮอตเรื่องนี้ แกรก็น่าจะโตมาในยุคเดียวกันกะเรา ฮ๋าฮ๋า ไต้หวันหรอ หึหึ บั๊บว่าประเทศบร้าไรเนี่ยไม่อยากจะเม้าท์เลยแกร๊ เที่ยวครั้งแรกก็ทำเอาอินแบบอินโคตรโคตร เล่นซะอยากเลื่อนตั๋ว เครื่องบินกลับไทยไปอีกสักสองสามสี่ห้าอาทิตย์เล๊ยยยย เราชอบที่นี่มากนะ ทั้งเรื่องอาหาร ทั้ง Street Art ทั้งควาอลังการของตึกรางบ้านช่อง ทั้งแหล่งชอปปิ้ง รวมถึงธรรมชาติที่หาสัมผัสได้ไม่ไกลจากกรุงไทเป ดีขนาดนี้ถ้าจะไม่เมาท์ให้ฟังก็เกรงว่าจะจุกอกตายซะก่อน เอาเป็นว่าไต้หวัน 3 วัน 2 คืน ไม่บอกต่อไม่แชร์ต่อไม่ได้แล้ว
หลังจากไต้หวันประกาศฟรีวีซ่า เรากะเพื่อนก็ไม่รีรอ ที่จะหาวันเพื่อเดินทางไปเที่ยวสักครั้ง ซึ่งเราได้ข้อสรุปว่าทริปนี้ของเราจะไปในเดือนธันวาปี 59 ก็คือปลายปีที่แล้วนี่เอง
DAY 1
เราออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ
Tip : กรุงเทพฯ-เถาหยวน มีเที่ยวบินและสายการบินที่
นี่คือความสวยงามและความอลั
หลังจากที่รับกระเป๋าจากสาย
Local Sim ปัจจุบันมีให้บริการอยู่ 3 รายใหญ่ใหญ่ คือ Taiwan Mobile, Chunghwa Telecom และ Far EastTone หลักฐานที่ใช้ซื้อซิมก็แค่ Passaport บวกกับยื่นหน้าสวยสวยให้เค้
พอได้ซิมเรียบร้อยเราก็ไปต่
นี่คือสถาพภายในรถนะครัช เออแกรตรงเบอะนั่งมีเลขที่น
เอฟวายไอ.ข้อเสียของการนั่ง
ประมาณ 1 ชั่วโมง รถบัสก็พาเรามาถึงที่ Tipei Main Station สิ่งที่เราจะทำต่อก็คือเอาป
Easy Card คือทางเลือกที่ดีย์งามที่สุ
หลังจากได้บัตรเรียบร้อยเรา
พอถึงสถานีปลายทางของเรา ก็แค่เดินเท่เท่ออกทางออก 14
ก็จะมาโผล่ที่ตึกของ รร ที่เราจะพักในครั้งนี้ Royal Host คือตึกที่เค้าแบ่งเช่าเป็นชั้นชั้น โดยที่พักของเราจะอยู่ในชั้
พิกัด รร : https://goo.gl/maps/

คือ ตอนจองเราค่อนข้างโอเครมากก
เราจองผ่านเวบนี้เลยครัช
Da-an 大安 : https://asiayo.com/
( ปล.มันเปนภาษาจีนนะหาคนรู้ภ
ส่วนห้องที่เราจองทั้งสองคื

ความดีงามที่เราได้บอกตั้งแ
หลังกดรหัสผ่านเข้าไปในโซนที่พัก เราจะพบกับความอาร์ทของรูปภ









https://asiayo.com/itemview_1282.html東區 A plus:
https://asiayo.com/itemview_1281.htmlสองอันนี้ก็เป็นเจ้าของเดียวกันกะอันที่เราพัก เพราะฉะนั้นความปลอดภัย ควาสะอาด ความสะดวก ไว้ใจได้เช่นกันหลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย ล้างหน้าล้างตาก้มดูเวลาก็ 5 โมงเย็นล่ะ ถึงเวลาที่เรากะเพื่อนจะออกไปเที่ยวกันบ้างแล้ว .




ที่ไทเปจะมีร้านให้เลือกทานกันค่อนข้างเยอะ แต่ร้านที่คนไต้หวันแนะนำ คือ ร้านนี้เลยตามรูปเพราะแว้อ่านชื่อไม่ออกจร้า เอฟวายไอ.เราได้ลองทั้งแบบร้อนและแบบเย็นเราว่าแบบเย็นดีย์งามกว่า
พิกัดร้าน : https://goo.gl/maps/QdXELAdV6vk



ส่วนเมนูก็เปนจานเด็ดแบบฉบั
ปล.อาหารไต้หวันรสชาติโอเคร
พิกัดร้าน : https://goo.gl/maps/

หลังจากอิ่มมื้อเย็นเราก็มา
พิกัด : https://goo.gl/maps/
ความตั้งใจของเรากะเพื่อนคื
ปล.ร้านแต่ล่ะร้านต่อไปนี้อ





ร้านที่ 4 : เนมูต่อไปที่เราจะแหลก เป็นสตอเบอรี่ มะเขือเทศ เสียบไม้เคลือบน้ำตาล อันนี้จัดว่าโอเครเลยครับสตอเบอรี่เปรี้ยวเปรี้ยวกะน้ำตาลหวานหวานที่เคลือบ พอกัดเข้าไปนี่ลงตัวสุดสุด #แซ่บเว่อ
ร้านที่ 5 : ไม่รู้ว่ามันคือน้ำอะไรแต่เราขอเรียกมันว่า น้ำกบ ดีออกมากเมิงลองดูป้ายสิมีแต่ภาษาจีนกับรูปกบ อีกทั้งแม่ค้าก็หน้าเหมือนกบ ( #ปากหมาไปล่ะกรู ฮ่าฮ่า )

อีน้ำนี้ดูภายนอกคือเหมือนชามะนาวบ้านเราแต่ใส่วุ้นเข้าไปด้วย เห็นคนมุงซื้อเยอะก็เลยลองซื้อดู คำแรกที่ดูดแทบพุ่ง เชี่ย น้ำไรหว่ะ ไม่อร่อยเอาซะเลย …..
*** มันไม่อร่อยแต่ถ้าแกรไปก็ต้องลองนะ ….








Day 2
เรากับเพื่อนตื่นกันแต่เช้าตั้งใจจะตะเวนเก็บที่เที่ยวคาเฟ่ ในกรุงไทเปให้ได้มากที่สุด แต่แล้วเราก็พบว่า 90% ของร้านค้า คาเฟ่ และเอฟเวอรี่ติงจิงกาเบลในไทเปจะเปิดตอนประมาณ 11 โมง แต่ก็ไม่เปนไร เดินเล่นถ่ายภาพไปเรื่อยเรื่อยก็ได้มื้อเช้าวันนี้เราฝากท้องกันที่ร้าน Ireland’s Potato ร้านนี้จะมีหลายสาขา เมนูเด็ดก็ตามชื่อเลย เฟรนฟรายชีสเยิ้ม มันฝรั่งอบชีท จัดว่าเด็ดด

















ได้น้ำดับกระหายแล้วเราก็เดินกันต่อ เออแกร๊อีกอย่างที่แกรจะพบบ
อันนี้ก็คล้ายโดนัทเคลือบน้ำตาลบ้านเราแต่แป้งมีความเหนียวกว่า ส่วนกลมกลมคือขนมไข่เหี้ยชั






พิกัด : https://goo.gl/maps/
วันที่เราไปค่อนข้างคึกคักเ
ตัว Museum จะเป็นตึกสีเทามีทั้งโซนที่เข้าชมฟรี และโซนที่เสียตัง

โซนนี้ฟรีก็เลยเดินเข้าไปดู อิอิ จะเป็นเกี่ยวกับพวกวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี





พิกัดร้าน : https://goo.gl/maps/MiotfM97SpJ2









ส่วนการเดินขึ้นก็ไม่ลำบากเลยมีบันไดตลอดทาง อากง อาม่า ลูกเด็กเล็กแดง เดินได้ทุกคนคอนเฟิมจ๊ะ








อีกหนึ่งไฮไลท์ของการเดินขึ้นมาบนเขาช้างก็คือ การมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเราบอกเลยว่า สวยสัสรัสเซียเอทิโอเปียเอกวาดอ ” ลมเย็นเย็นนั่งมองอาทิตย์ลูกโตโตสีแดงค่อยค่อยลับหายไปหลังเขา “

ตลาดปลา ( fish market ) : คือสถานที่ต่อไปที่เพื่อนเราบอกว่าอยากไป คำถามแรกที่เราเอ่ยออกไป คือ มุงจะไปทำไร บวกกับภาพในหัวตอนนี้ความคาวความตลาดปลาอ่างศิลาลอยมาเลยจร้า เพื่อนบอกว่าทั้ง sea food ทั้ง sashimi ถูกและสดมาก มึงเดินเป็นสเต็ปซ้ายขวาซ้ายตามกรูมาเลย
วิธีการเดินทางไปตลาดปลาก็คือ : นั่ง MRT สายสีน้ำตาลไปลงที่ Zhongshan Junior High School จากนั้นก็เลือกเอาว่าจะเดิน 2 กิโลเมตร หรือ นั่งแท็กซี่ไป สำหรับใครที่จะไปแท็กซี่ให้บอกเค้าว่าไป ไถเป่ยหวี่ซื่อ ถ้าเค้ายังไม่เข้าใจก็ยื่นพิกัดด้านล่างนี้ให้เค้าเลย
พิกัด fish market : https://goo.gl/maps/jqaBH
นี่คือภาพแรกที่เราเจอเมื่อลงจากแท็กซี่ คนนั่งโซ้ยเรียงรายเลยครับบนโต๊ะก็จะมีทั้งปลาดิบ ซูชิ อาหารทะเล เยอะแยะมากมาย กรูนี่ถึงขั้นกลืนน้ำลายเลยจร้า









หอยค่ะหอย ร้านแรกมีความหอย 2 แบบ ที่ย่างบนเตาลักษณะคล้ายคล้ายเตาหนมครกบ้านเรา แต่ร้านนี้ขอผ่านไปก่อนเพราะตอนนี้เรามีความอยากของหวานมากกว่าของคาว
หมึกย่างของคาวผ่านก่อน
เดินเรื่อยเรื่อยดูนู้นนี่นั่นจากที่ตอนแรกหนาวตอนนี้กรูร้อนมากค่ะ คนเยอะและแน่นสุด “เบียดกันชนิดหน้าชนคอกระดอชนตูด” เลยทีเดียวเชียว เบียดจริง เดินไปเดินมาเราก็มาสะดุดตากะขนมร้านนี้
แกรคิดนะ ไข่มุก(ที่เค้าเอาไว้ทำชาไข่มุกที่สีดำดำอ่ะ) + หนมปังก้อนสี่เหลี่ยม + นมข้น แกรว่าสามสิ่งนี่แมทกันป่ะ คือถ้าเอามาวางเรียงกันเราคงจินตนาการไม่ออกว่าขนมมันจะออกมาหน้าตาแบบไหน แต่นี่มาเห็นเค้าทำต่อหน้าต่อตาและวิธีก็แลดูง่ายโคตรโคตร
1. ทอดหนมปังสี่เหลี่ยมให้กรอบนอกนุ่มใน
2. ผ่าด้านหน้า
3. เอาไข่มุกอันดามันที่แช่น้ำแล้วใส่เข้าไป ( ถ้าไม่มีไข่มุกอันดามันอนุโลมให้ใช้ของอ่าวไทยได้ )
4. จากนั้นก็ส่ายนมข้นเยอะเยอะ
เด๋วนะนี่คือเพจทำอาหารหรอ???? ป่าว!! ที่เอามาบอกเพราะเห็นมันทำง่ายและน่าจะทำแหลกเองได้
*** อร่อยชิบหาย งานนี้ก็เลยมีเบิ้ลสอง อิอิ



สุดท้ายก็ได้เมนูนี้มาลอง ปลาท่องโก๋ใส่ถั่วแดงกะถั่วลิสงต้ม รสชาติใช้ได้ครับไม่ถึงกะฟิน
ออกจากร้านเรากะเพื่อนขอพักเรื่องกินไว้ก่อน ตอนนี้ขอเดินดูพวกของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้าบ้าง เพราะตอนนี้อาหารแมร่งยุตรงคอหอยล่ะ
1 ชั่วโมงผ่านไปทุกสิ่งอย่างที่กินมาเริ่มถูกเอาไปใช้กับการเดิน การชอปปิ้ง ซะหมดเกลี้ยง ความหิวของเพื่อนกะเราก็บังเกิดอีกครา ซึ่งเวลานั้นก็เป็นจังหวะที่พอดี๊พอดีที่เดินผ่านมาเจอร้านร้านหนึ่งเข้าซึ่งแถวยาวมาก เราก็เลยเดินไปส่องดูว่าเค้าขายอะไร
สิ่งแรกที่เราเห็นเค้าวางเปนจานจานก็คือหมึกกรอบแบบที่ใส่เย็นตาโฟบ้านเรา
เรายืนดูกรรมวิธีการทำของเค้าตั้งแต่นำปลาหมึกในจานไปลวกในน้ำร้อนพร้อมกะใบโหระพา จากนั้นก็เอามาปรุงรสด้วยน้ำอะไรสักอย่างลงไปซึ่งเราเดาว่ามันน่าจะเป็นน้ำยำของทางร้าน กลิ่นหอมที่นี่โชยตามลมมาแตะจมูกเราเลย เอาหว่ะแถวยาวแค่ไหนก็ต้องรอ
หลังจากที่เราสั่งกะพ่อค้าว่าขอแซบแซบ เผ็ดเผ็ด ในที่สุดได้มา 1 ถ้วยเรียบร้อย ออที่ร้านมีที่ให้นั่งทานด้วยนะเดินขึ้นชั้นสองไปเลยจร้า
รสชาติแปลกแปลก แย่ก็ไม่ใช่ อร่อยก็ไม่เชิง แต่ก็แดรกกันซะเกลี้ยงเลย เอาเป็นว่าเมนูนี้ขอแนะนำให้ไปลองเอง
ปล.ถ้าไปสั่งกินกันให้บอกพ่อค้าเลยว่าเอาเผ็ดมาก (ขอพริกทั้งสวน) เพราะถ้าแกรสั่งแบบบนี้แกรจะได้รสชาติแบบเผ็ดเบาเบามานั่งแดรก คือเผ็ดแบบนี้สำหรับคนไทยอย่างเราไม่รู้สึกเลย ฮ่าฮ่า
สรุป ณ วันนนี้ 2 วัน 2 คืน น่าจะแดรกไปซะ 80%

DAY 3


บริเวณข้างข้างสถานนีจะมีสวนสาธาระณะ ซึ่งเช้าเช้าแบบนี้ผู้คนมาทำกิจกรรมในสวนกันเพียบเลย ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย จูงหมาเที่ยว เป็นต้น









ถ้าไม่ทันจนิงจริงก็เลือเอาว่าจะเช่านอนนั่นหรือเหมาแท๊กซี่กลับ




สำหรับวิธีขึ้นไปน้ำตก Wulai มีด้วยกัน 3 วิธี คือ นั่งรถไฟเล็ก เดิน และก็แท็กซี่ แต่รอบที่เราไปเหลือแค่ 2 วิธี เพราะรางรถไฟมีปัญหาเนื่องจากโดนพายุไปก่อนหน้าที่เราจะมา ครั้นจะเดินก็ไม่น่าจะทัน สุดท้ายต้องใช้อำนาจเงินฟาดให้แท็กซี่พาขึ้นไปส่ง
ถึงแล้วจ้าน้ำตก Wulai น้ำตกที่สูงถึง 85 เมตร มีความอลังการมากมาก สีน้ำก็ฟ้าส๊วยสวย











อันนี้รูปปั้นชนเผ่าพื้นเมื
เราใช้เวลาเดินเล่น เก็บภาพ ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วจึงค่อยกลับลงมา

*** แค่เดินไปสกิดลุงก็รู้ว่าเร
เราลงมาถึงด้านล่างฟ้าก็เริ


ออกจากบ่อน้ำแร่เราเดินไปหา
ในขณะที่พ่อค้ากำลังทำขนมให้คนที่มาต่อแถวซื้อ อีเจ๊ข้างข้างยืนยกนิ้วบอกเ




