รีวิวเวียดนาม : 72 Hours in Hoi An / Da Nang

ฮอยอัน – ดานัง กับ GoPro HERO8 Black

‘ฮอยอัน-ดานัง’ 2 เมืองของเวียดนามที่ควรค่าแก่การกลับไปเยือนหลาย ๆ ครั้ง เพราะนอกจากความเที่ยวง่ายสบายกระเป๋าแล้ว ยังเป็นเมืองมรดกโลกใกล้บ้านเราที่ครบรสทั้งวิถีชีวิต อาหารการกิน สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานหลากวัฒนธรรมชวนหลงใหล และธรรมชาติยิ่งใหญ่แบบไม่ต้องตีตั๋วไปไหนไกล ครั้งนี้ทางเราขอพาทุกคนกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำในบรรยากาศเมืองเก่าสุดคลาสสิกที่มีวิถีชีวิตริมน้ำ และโคมไฟเป็นไฮไลต์พระเอกยามค่ำคืนที่ฮอยอัน ก่อนเก็บกระเป๋าขึ้นกระเช้าที่ได้ฉายาว่า “ยาวที่สุดในโลก” ไปเซย์ Bonjour! ที่ตึกสวยสไตล์ฝรั่งเศสท่ามกลางไอหมอกบน Ba Na Hill งานนี้รับรองได้เลยว่า 3 วัน 2 คืน จะต้องกลมกล่อมลงตัวแซ่บนัวกว่าร้านยำร้านไหน … ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูเรื่องราวการเดินทางของเราผ่านรูปถ่ายจาก GoPro HERO 8 Black กล้องจิ๋ว ราคาแจ๋ว ที่เก็บทั้งภาพ ทั้งวีดีโอ ได้ครบทุกมุมมองไม่ว่าจะระยะใกล้หรือไกล แถมยังอึด ทน เหมาะกับคนเดินทางยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายสมัยนี้มาก

ส่วนเวียดนามรอบนี้จะเปิดประสบการณ์ และโลกของเราให้ ‘กว้าง’ ขึ้นแค่ไหน มาดูกันเลย

สำหรับเวียดนามครั้งนี้ … ลืมกล้องใหญ่ไปก่อน ใครอยากพกไปไม่เสียหายแต่เราขอสลัดความวุ่นวาย พกแค่ GoPro HERO8 Black ใส่กระเป๋าเล็ก ๆ ออกไปเดินเที่ยว เพราะนางคือกล้องจิ๋วแต่แจ๋วรุ่นล่าสุดที่เก็บทุกมุมมองได้ครบผ่าน Digital Lens ทั้ง Wide 16-34 mm, Linear 19-39 mm และ Narrow 27 mm โอ้โหมากแม่!!! นี่แทบไม่ต้องพกเลนส์หลายช่วงไปให้เมื่อย และเบียดพื้นที่เก็บชุดสวยในกระเป๋าเดินทางเลย แถมได้ภาพสวยคมชัดทุกระยะกับความละเอียดภาพ 12 ล้านพิกเซล ไว้อัพโปรไฟล์แบบสะดวกทันใจ พร้อมด้วยโหมดถ่ายรูปที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษอย่าง SuperPhoto ที่คราวนี้อัพเกรดมาให้ถ่ายภาพได้คมชัด สีสวยสดใสกว่าเดิมแม้ในที่แสงน้อยหรือแดดร่มลมตกอีกด้วยจ้า

หน้าพร้อม ชุดพร้อม กล้องก็พร้อม ทางเราก็บินตรงลงดานังแล้วมุ่งหน้าสู่อดีตเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ‘ฮอยอัน’ เมืองแรกที่เราอยากพาพวกเธอมาทำความรู้จัก ซึ่งหลังจากแลนด์ดิ้งปั๊ปก็เรียกแกร็บคาร์ตรงดิ่งมาด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 40 นาที เมืองท่าแห่งย่านเมืองเก่าก็ออกมาต้อนรับด้วยสถาปัตยกรรมตึกสวยที่ผสมผสานศิลปะของชาวเวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย เอาไว้ในภาพของตึกสีเหลืองสดใสที่ได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี

ภาพศูนย์กลางการค้าในอดีตยังสะท้อนมาจนถึงปัจจุบัน หน้าบ้านหลังเก่าที่ตอนนี้เปิดขายอาหารพื้นเมือง ของที่ระลึก และงานศิลปะหัตถกรรมให้คนที่แวะเวียนมาที่นี่ได้แวะพัก นั่งชิลล์ ช้อปปิ้งเพลิน ๆ ตลอดสองข้างถนน โดยเฉพาะชุดอ่าวหญ่ายที่สาว ๆ สวมใส่เดินขวักไขว่ไปมาโพสท่าสวย หรือหมวกงอบ Nón Lá ที่มาถึงเวียดนามแล้วต้องลองใส่ ไม่เช่นนั้นจะเหมือนมาไม่ถึงถิ่น และด้วยความที่ตึกเก่าแก่ของที่นี่โดดเด่นเฉิดฉายด้วยสีเหลืองน่ารักภายใต้ท้องฟ้าสีครามทั่วทั้งเมือง คนส่วนใหญ่จึงเลือกปั่นจักรยาน และนั่งรถจักรยานสามล้อเบาะแดงที่เรียกว่า ‘แซบาแบ้ง’ หรือ ‘Cyclo’ เพิ่มความชิลล์ ทำให้เราอดใจเก็บภาพมุมต่าง ๆ ในเมืองไว้ไม่ไหวจนเมมเกือบเต็ม

01 Japanese Covered Bridge

ปักหลักโลเคชั่นแรกกันที่สะพานญี่ปุ่น แลนด์มาร์กสำคัญในเมืองเก่าฮอยอันที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ถูกสร้างโดยชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอาศัยในเมืองเมื่อ 400 กว่าปีก่อน เพื่อเชื่อมสองชุมชนเวียดนามและญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน โดยคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างชัดเจน เราจะเห็นได้จากหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู จุดนี้ทางเราเก็บภาพบรรยากาศของสองชุมชนที่เชื่อมกันด้วย Linear ระยะถ่ายมุมมองปกติ ที่ลบความขอบโค้งแต่ก็ยังได้มุมที่กว้างอยู่ ใบนี้จึงเห็นได้ครบทั้งสถาปัตยกรรมและสะพานข้ามแม่น้ำที่สะท้อนลงบนน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำทูโบน

02 Phuc Kien Assembly Hall

ต่อกันที่โลเคชั่นที่ได้รับวัฒนธรรมมาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในช่วงปี พ.ศ.2388-2428 จะเห็นได้จากบ้านเก่าแก่ประจำตระกูลกว่า 20 หลังริมถนน ตลอดจนสมาคมจั่วฟุกเกี๋ยนแห่งนี้ที่ถือเป็นสมาคมชาวจีนที่ใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอันเลยก็ว่าได้ ด้านในจึงมีศาลเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ศาลบรรพบุรษชาวฟุกเกี๋ยน และศาลเจ้าแม่ทับทิม(ทินเห่า)ไว้เคารพกราบไหว้ระลึกถึงบรรพบุรุษและเป็นที่พบปะของคนแซ่เดียวกันที่อพยพมาจากฟุกเกี๋ยน สวยงามตั้งแต่ประตูทางเข้าสีแดงเขียวขนาดใหญ่ ไปจนถึงด้านในที่มีงานแกะสลักไม้ลายสวยน่าชม สำหรับบรรยากาศด้านในศาลเจ้าที่แสงค่อนข้างน้อย แต่เมื่อปรับโหมด SuperPhoto ที่มาพร้อม HDR ที่ดียิ่งขึ้น ก็ช่วยเก็บรายละเอียดทั้งสีและความคมชัดไว้ได้อย่างครบถ้วน นี่แหล่ะความเก๋ของ GoPro HERO8 Black ที่ดีจนอดบอกต่อไม่ได้

03 Ba Mu Temple Gates

อีกมุมไฮไลต์ที่อยากชวนพวกเธอมาชมความยิ่งใหญ่ก็คือ Ba Mu Temple Gates ประตูวัดโบราณที่อลังการด้วยภาพสะท้อนน้ำจากสระบัว ดึงดูดให้เราไปชมความปราณีตลวดลายดั้งเดิมของศิลปะเวียดนามบนบานประตูอย่างใกล้ชิด ด้วยอายุอานามที่ยืนหยัดมาถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปเกือบ 400 ปี ทำให้บางส่วนทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ถูกบูรณะจนกลับมาสวยงามปนความขลังอย่างลงตัว โดยมีประตูทั้งหมดด้วยกัน 3 บาน หากจะเก็บความงามให้ครบ เราจึงขอสวิตส์ไปที่ระยะ Wide เพื่อเก็บภาพกว้าง ๆ ให้เห็นเหมือนตามองจริง ๆ สำหรับการสวิตส์เปลี่ยนไปมาได้ไวอย่างใจนึกแล้ว สิ่งที่เราชอบใน GoPro HERO8 Black อีกอย่างหนึ่งคือการถ่ายภาพแนวตั้ง ที่ไม่ใช่แค่ตะแคงถ่ายเหมือนเดิมอีกต่อไปแต่มุมมอง และฟีเจอร์ไอคอนต่าง ๆ หมุนตามมาให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้นเพียงแค่เราหมุนตัวกล้อง .. เลิศอยู่เด้ออออ

04 Mot Hoi An

แวะพักเติมความสดชื่นเหมือนยืนบนไหล่เขากันสักนิดที่ Mot Hoi An ร้านชาดอกบัวเลื่องชื่อที่ไม่ได้มีดีแค่สตอรี่ แต่รสชาติถูกปากตรงจริตด้วยความหอมของกลิ่นเกสรดอกบัว รสชาตินัว ๆ คล้ายชามะนาว แต่ฟินกว่าหลายเท่าตัวนัก ใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทำมาจากดอกบัว ด้วยพร็อบหน้าร้านที่จัดดิสเพลย์โชว์ไว้อย่างสวยงาม ท้ังดอก ทั้งใบ เก็บเกสรมาวางเรียงไว้ให้ชมของจริง ฟินจริงที่หน้าร้าน จนคนต่อแถวยาวไปสามบ้านสี่บ้าน

05 FaiFo Coffee

ไปเมืองไหนเราก็ไม่พลาดแวะนั่งพักขาจิบกาแฟ แต่หากมาที่ร้าน FaiFo Coffee ขอบอกว่าจากพักจะเปลี่ยนเป็นพุ่งตัวไปเก็บภาพเสียมากกว่า เพราะตึกแถว 3 ชั้นแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของคาเฟ่ยอดฮิตประจำเมืองที่ต่อให้คนเยอะแค่ไหน เราก็จะสู้ไปด้วยกัน เพราะที่นี่ที่มีชั้น Rooftop ให้ชมวิวสวย ๆ ของเมืองฮอยอันจากมุมสูง โดยทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารพื้นเมือง ขนมหวาน และเครื่องดื่มหลากหลายสไตล์ แต่มื้อนี้เราขอสั่ง FaiFo Coffee Signature กาแฟซิกเนเจอร์ของเวียดนามที่ใช้ที่กรองค่อย ๆ ดิปกาแฟทีละหยด ๆ ลงบนนมข้นหวาน ระหว่างรอก็ถ่ายภาพมุมไฮไลต์ที่มองออกไปเห็นวิว City Scape ของหลังคาบ้านในมุมสูง ผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ด้านล่าง เเละสีสันของหลังคารถสามล้อก็สวยงามแปลกตาราวกับถ่ายจากมุมโดรน

06 Boulevard Gelato & Coffee

ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสะพานญี่ปุ่น อยากชวนให้พวกเธอลองเลี้ยวมาลิ้มรสไอศครีมเจลาโต้ขึ้นชื่อในฮอยอัน ที่ขึ้นชื่อเรื่องไอศครีมโฮมเมดที่มีหลายรสชาติน่าลอง ไม่ว่าจะเป็น White Chocolate, Tiramisu, Vanilla Bour Bon ฯลฯ รวมถึงรสชาติสำหรับชาว Vegetarian และคนที่ทาน Gluten Free ให้เลือกสั่งมานั่งดับร้อนในแอร์เย็นฉ่ำบนชั้นสอง หรือใส่โคนเดินชิมไปชิลล์ไปต่อในเมืองเก่า อ้อและที่นี่ยังมีเมนูอื่น ๆ อย่างพวก มิลค์เชก กาแฟดริป และเมนูน้ำผลไม้รีเฟรชชิ่งอีกเพียบเด้อ

07 Night Market

ปิดท้ายวันอย่างโรแมนติกด้วยการนั่งเรือข้ามแม่น้ำทูโบนซึมซับบรรยากาศ สวมบทบาทเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่เมืองนี้กันสักประเดี๋ยว ให้เสน่ห์ของกาลเวลาได้เชื่อมต่อระหว่างอดีตและปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกันอย่างช้า ๆ ด้วยภาพพระอาทิตย์ยามเย็นค่อย ๆ ลับฟ้า ก่อนแทนที่ด้วยแสงจันทร์ และโคมไฟที่ประดับประดาเข้ามาแทนที่ ลุงเจ้าของเรือจะสะกิดยื่นกระทงกระดาษใบน้อยให้ลอยลงแม่น้ำแบบไม่ต้องรอพระจันทร์เต็มดวงแบบวันลอยกระทง เพราะที่นี่สามารถพายเรือออกมาลอยได้ทุกวัน งานนี้ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพความประทับใจอีกสักนิดสักหน่อยก่อนลอยจริงแบบไม่ต้องกลัวตกน้ำ เพราะอะไรหรอแม่? เพราะ GoPro HERO8 Black กันน้ำได้ลึกถึง 10 เมตร ยังไงล่ะจ๊ะ … แต่ใครจะดำน้ำลงไปเก็บก็ว่ากันอีกทีนะ ฮ่า ๆ

ข้ามสะพานไปไม่กี่อึดใจก็จะเจอกับตลาดไนท์มาเก็ตเล็ก ๆ ที่เธอต้องประทับใจกับโคมไฟหลากสีหน้าร้านที่เปิดให้ถ่ายรูปบ้างก็ดี โดนด่าฟรีก็มี ( ถ้าไม่ซื้อ ) แต่เชื่อเถอะว่าโคมไฟแต่ละใบสวยงามเป็นเอกลักษณ์จนต้องอดใจไม่ได้ที่จะซื้อเป็นของที่ระลึกกลับไปแน่นอน ช่วงนี้ชี้แนะ!!! ข้อดีที่มากับ GoPro HERO8 Black อีกหนึ่งอย่างคือ Night Mode ที่เราลองเก็บภาพโคมไฟยามค่ำคืนมาคือโอเคใช้ได้เลย เก็บรายละเอียดของภาพ เห็นถึงลวดลายผ้าของโคมไฟแต่ละใบได้ค่อนข้างดีไม่จกตา อ๊ะ อ๊ะ ส่วนใครที่เป็นสาย Video ชอบทำ Vlog จะไม่พูดถึงโหมดวีดิโอคงไม่ได้ เพราะนอกจากนางจะมาพร้อมความคมชัดระดับ 4K ได้ 60 เฟรมต่อวินาที และมี Digital Lens ให้เลือกเหมือนโหมดถ่ายภาพแล้ว น้องแปดของเราก็ยังมากับ HyperSmonth 2.0 ที่ช่วยกันสั่นได้ดีกว่าเดิมโดยไม่ต้องต่ออุปกรณ์เสริม ทีนี้จะทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์แค่ไหนก็ได้ภาพที่ลื่นสมูทแน่นอน หรือใครอยากไลฟ์สตรีมมิงอวดทริปเที่ยวของตัวเองผ่าน Facebook ก็จัดเต็มคุณภาพ Full HD ถึง 1080p เลยทีเดียวเชียว ส่วนอีกหนึ่งฟังก์ชันที่เราชื่นชอบมากขอยกให้ TimeWarp 2.0 กับ Speed ที่กล้องจะปรับให้อัตโนมัติตามสภาพการเคลื่อนไหว และยังสามารถกดหยุดได้เหมือนถ่ายวีดีโอปกติ รวมถึงโหมด Slowmotion ที่ทำได้ดีดว่าเดิมถึง 8 เท่า! ทีนี้จะตัดต่อวิดิโอเท่ ๆ สนุก ๆ ก็ไม่ยากอีกต่อไปแล้วหล่ะ

08 Ba Na Hills

ตัดภาพมาที่เมืองดานัง อดีตเมืองท่าสำคัญในสมัยที่ฝรั่งเศสล่าอาณานิคม ที่นี่มีอีกหนึ่งสถานที่สำคัญน่าชื่นชม และมีผู้คนหลั่งไหลมาเยือนกันอย่างไม่ขาดสายนั่นก็คือ Ba Na Hills สถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่อุดมสมบูรณ์ ที่เราต้องนั่ง Cabin Car ขึ้นไปจึงจะเห็นความงามของธรรมชาติเบื้องล่าง ทั้งป่าเขาลำเนาไพรเขียวขจี สายธารน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลดหลั่นกันเป็นขั้นสวยงาม และ Cabin Car แห่งนี้ได้รับการบันทึกจาก Guinness World Record ว่ายาวที่สุดและสูงที่สุดในโลกโดยไม่หยุดพักถึง 5 กิโลเมตร

หลายคนอาจจะเซอร์ไพรส์ และสงสัยกับสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปขนาดใหญ่ที่มาตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ราวกับเป็นเมืองเล็ก ๆ ได้อย่างไร ด้วยความที่ Ba Na Hills เคยเป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศสเมื่อครั้งตกเป็นอาณานิคมเมื่อร้อยกว่าปีก่อน และได้สร้างทั้งวิลล่า โรงแรม รีสอร์ต และสาธารณูปโภคที่ทันสมัยเอาไว้ก่อนจะถูกทิ้งให้รกร้าง หลังแพ้สงครามและกลับประเทศบ้านเกิดของตัวเอง จากถนนสายเล็ก ๆ คับแคบ และต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะมาถึงด้านบน ปัจจจุบันอำนวยความสะดวกสบายให้ทุกคนขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นตลอดปีด้วย Cabin Car เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น

09 French Village

บรรยากาศใน French Village คละเคล้าไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นฝรั่งเศส ทั้งปราสาทโออ่าหลังคาทรงมนขนาดใหญ่ที่ชวนให้นึกถึงเจ้าหญิงเจ้าชาย โบสถ์คริสต์ที่จำลองจาก Notre-Dame ในกรุงปารีสมาตั้งไว้ ณ จตุรัสกลางเมือง และร้านรวงคาเฟ่ก็สวยงามราวกับยกฝรั่งเศสมาไว้ที่ดานัง จนอยากยกชาขึ้นมาจิบ และทักทายโต๊ะข้าง ๆ ว่า ‘Bonjour Madame’

นอกจากเรื่องความเล็กกระทัดรัดของ GoPro HERO8 Black ขนาดจิ๋วพกพาง่ายแล้ว ส่ิงที่ทางเรารักอีกอย่างก็เห็นจะเป็นเรื่องการดีไซน์ของตัวกล้องที่ออกแบบขายึดกล้องมาไว้ในตัว สามารถกางออกมาติดกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เลย ไม่ว่าจะไม้เซลฟี่ หมวกกันน็อค ฯลฯ ตอบโจย์สายเที่ยวสุด! แบบนี้สิที่เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋วของจริง

จากฝันที่ไม่กล้าฝัน และทุกอย่างจะไม่ใช่เพียงภาพฝัน เพราะเราอยากแนะนำให้นอนพักที่ Mercure Danang French Village Ba Na Hills กันสักคืนสองคืน เพื่อเก็บภาพความทรงจำของเมืองแบบไร้ผู้คนในเฟรมภาพ รวมทั้งภาพหมอกลงทั่วบริเวณยามเช้าจากริมหน้าต่างห้องที่คนอื่นไม่สามารถเห็นได้ เกียมเสื้อโค้ทสวย ๆ เสื้อผ้าเก๋ ๆ และติ๊ต่างว่าเราซื้อตั๋วไปทัวส์ยุโรปกันได้เลย เพราะอากาศหนาวเย็นจนอุณภูมิลดถึงเลขหลักเดียวเลยจ้า

นอกจากมุมถ่ายรูปมากมายจนใช้ท่าโพสหมดสต็อคที่พกมาแล้ว Ba Na Hills ยังถือว่าเป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเวียดนาม ภายในมี Fantasy Park ชวนหวาดเสียว และ Game Center ให้พักผ่อนหย่อนใจใช้ชีวิตเป็นเด็กอีกครั้ง และกิจกรรมที่มาถึงที่นี่แล้วพลาดไม่ได้ อยากให้ไปต่อแถวรอไว้แต่เนิ่น ๆ คือ Alpine Coaster รถรางที่ไหลไต่ระดับความสูงหลายร้อยเมตรที่ต้องลองนั่งและบังคับด้วยตัวเองสักครั้งนึง เตรียมตัวไว้ให้พร้อม ก่อนพบกับความหวาดเสียวเปลี่ยนโหมดเป็น Live Burst ที่แค่กดทีเดียวกล้องก็จะรัวภาพมาให้เราแบบต่อเนื่อง 1.5 วินาที งานนี้ไม่มีพลาดทุกโมเมนต์สนุก ๆ และวิวสวย ๆ ตอนที่รถรางวิ่งลงไป ส่วนบรรยากาศใน Fantasy Park มืดสลัวมาก แต่ใช้ Night Mode เก็บสีสันของแสงไฟรวมทั้งภาพครื่องเล่นตอนกำลังเคลื่อนไหวให้ออกมาเป็นเส้น Long Exposure สนุก ๆ ได้

10 Golden Bridge

หากใครจำภาพสะพานสีทองลอยฟ้าที่มือุ้งมือใหญ่โอบล้อมท่ามกลางหมอกหนาได้ละก็ นั่ง Cabin Car อีกสายมาลงอีกสถานี ภาพของสะพาน Golden Bridge จะโผล่ทะลุหมอกมาให้ชมกันเบื้องหน้า ซึ่งที่นี่เป็น Destination และที่เที่ยวใหม่ที่ต้องปักหมุดมาให้ถึงเพื่อเก็บภาพความปังยิ่งใหญ่กลับไป โดยสะพาน Golden Bridge มีความสูงถึง 1,400 เมตร และยาวกว่า 150 เมตรไปตามแนวเขา นอกจากนี้บนสะพานยังปลูกดอก Lobelia Chrysanthemum สีม่วงสดใสยาวตลอดทาง สวยงามราวกับว่าได้ซ้อมตายมาอยู่บนสวรรค์ยังไงยังงั้น สำหรับเราจุดนี้ถ่ายรูปสวยทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าหมอกจัด หรือสาย ๆ ฟ้าสวย ก็ล้วนมีเสน่ห์แตกต่างกันไป

11 Le Jardin d’ Amour

อีกหนึ่งสถานที่ที่สวยราวภาพฝัน แต่ตื่นมาแล้วภาพจริงสวยยิ่งกว่า เมื่อเรายืนอยู่ในสวนดอกไม้ Le Jardin d’ Amour แค่ชื่อก็ดูผู้ดี๊ผู้ดีแบบฝรั่งเศส สวนนี้แบ่งออกเป็น 9 โซนให้เดินเล่นถ่ายรูปท่ามกลางดอกไม้ที่เบ่งบานชูช่อรับลมหนาวอย่างจุใจ โดยเฉพาะดอก Hydrangea สีแดงที่บานสะพรั่งเต็มแปลง และเสาปูนรูปร่างแปลกตาที่วางเรียงกันเป็นแพทเทิร์นอย่างยุโรป ที่ต้องขอแทรกตัวเข้าไปหามุมถ่ายรูปเก๋ ๆ จุดนี้ทางเราขอแนะนำให้มาช่วงเช้า คนน้อย ๆ หมอกฟุ้ง ๆ ภาพที่ได้คือปั๊วะปังไร้คนราวกับเป็นเจ้าของสวนก็ไม่ปาน

และทั้งหมดนี้คือภาพจาก GoPro HERO8 Black ที่ช่วยเก็บภาพบรรยากาศ และมุมมองที่แตกต่างอย่างลงตัวของสองเมืองตอนกลางของประเทศเวียดนาม ที่เราอยากให้นิยามว่าเป็นเมืองแห่งการเที่ยวครบรส กลับมาดูภาพทีไรยังอิจฉาตัวเองในทุก ๆ รอบที่ได้ไปยืนท่ามกลางหลากวัฒนธรรมในเมืองเก่าสีสันสดใสอย่างฮอยอัน นั่งเรือข้ามแม่น้ำทูโบนที่อดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่งกระเช้าที่สูงและยาวที่สุดในโลกทะลุหมอกออกไปเจอเมืองฝรั่งเศสบนขุนเขา ครั้งนี้ยังเที่ยวสนุกคล่องตัวกว่าที่เคย เพราะมี GoPro HERO8 Black ที่พกพาสะดวกถ่ายภาพทุกระยะได้ครบจบในเครื่องเดียว ที่สำคัญเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนอัพภาพมาฝากพวกแกได้รวดเร็วทันใจจริง ๆ ไม่ติงนัง พิสูจน์จากภาพทั้งหมดในทริป 3 วัน 2 คืนนี้ได้เล๊ยยย