รีวิวญี่ปุ่น : A Food Lover’s Guide to Eating in Sapporo

ญี่ปุ่นรอบที่ล้าน ซัปโปโรรอบที่ร้อย ก็ยังมีอะไรดี ๆ ให้รีวิวได้ไม่หยุดไม่หย่อน ก็อย่างที่รู้กันนั่นแหล่ะ ว่าทุกตารางนิ้วบนประเทศนี้มันมีอะไรใหม่ ๆ ให้สัมผัสอยู่เสมอ อย่างหน้าหนาวบนเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่นทริปนี้ที่ตอนแรกทางเราแค่ว่าจะมาเดินให้ละอองหิมะกระทบหน้าเล่น ๆ ฟีลแบบไม่เร่ง ไม่รีบ ไม่ฟิกซ์เวลา แต่ด้วยความชิลและหิวเหมือนโดนสาป ทำให้เผลอกินไปหนักมาก แบบชนิดของคาวไม่ขาด ของหวานก็จุก ๆ วันนี้เลยถือโอกาสรวบรวมอาหารหลากสไตล์ที่ได้เช็คอินกินดะไป 19 ร้าน !! มาเป็นไกด์ให้สำหรับคนที่คิดว่าจะไปเที่ยวซัปโปโรให้ลองเลือกกันดู เผื่อจะมีร้านไหนเป๊ะปังโดนใจ … จะได้ตามไปโดนกัน

01 Kaisen-Ichiba Kitano Gourmet

ประเดิมโลเคชั่นแรกกันที่ Sapporo Jogai Market ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในซัปโปโร ที่นี่เปิดขายกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า มีร้านค้าเรียงรายกว่า 80 ร้าน ส่วนอาหารจานเด่นของตลาดปลาแห่งนี้เรายกให้ Seafood Rice Bowl หรือ Kaisendon จากร้าน Kaisen-Ichiba Kitano Gourmet ที่เปิดขายมายาวนานกว่า 70 ปี ด้วยปริมาณและคุณภาพความสดราวกับดำลงไปกินใต้ทะเล ก็ต้องบอกว่าคุ้มมากเว่อร์ อย่างหน้ารวมซีฟู๊ดแบบยกทะเลมาไว้ในถ้วยนี้ … ราคาแค่สามพันนิด ๆ ของทะเลทั้งหมดหวานสดชื่น ไร้กลิ่นคาว รสกลมกล่อม จนโชยุที่ตั้งตรงหน้าดูไร้ค่าไปเลยจ้า

02 Kani Honke Sapporo

พอนึกถึงฮอกไกโดก็นึกถึงขาปู พอถึงถึงขาปูก็นึกถึง Kani Honke Sapporo ร้านนี้เค้าเปิดมายาวนานกว่า 50 ปี มีมากกว่า 10 สาขาทั่วประเทศ แม้ต้นกำเนิดของร้านจะอยู่ที่เมืองนาโงย่า แต่ที่ซัปโปโรก็เป็นสาขาที่มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่มากเช่นกัน โดยปูที่ขึ้นชื่อของร้านจะเป็นปูยักษ์ ปูหิมะ และปูขน ซึ่งต้องเป็นปูที่มาจากเมืองโทมะโคไมเท่านั้น ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง ก็จะต้องเป็นของที่ดีต่อร่างกายด้วย เช่น น้ำมันทอดก็ต้องเป็นน้ำมันเรพซีด จากออสเตรเลียที่ไม่ดัดแปลงพันธุกรรม ผักปลอดสารจากฟาร์มที่ผูกขาด คัดสรรมาแล้ว นอกจากซาชิมิแล้วเขายังทำปูได้หลากหลายทั้ง นึ่ง โคร็อกเกะ กราแตง(อบชีส) ชุบแป้งทอด ซูชิ ชาบูชาบู ฯลฯ

เนื่องจากเรามาช่วงเย็น เลยขอจัดชุดใหญ่ก่อนกลับที่พักสัก ด้วยเซ็ตหม้อไฟสำหรับ 1 คน เขาจะมีจานเรียกน้ำย่อยที่เป็นปู 3 แบบ ขาปูนึ่ง เสิร์ฟพร้อมมันปู และซาชิมิปู ที่แค่เอาตะเกียบคีบก็หยิบออกมาได้ทั้งชิ้น พอกินเข้าไปแล้วคือรสชาติดีมาก สด ฉ่ำน้ำปูคละเคล้ากัน มีกลิ่นทะเลประปราย ในส่วนของหม้อไฟหลังจากพนักงานแนะนำอาหารทุกจานเสร็จเขาก็จะต้มให้ เราก็นั่งรอเขาทำ คือละเมียดในการต้มมาก มองเพลินจนลืมไปเลยว่าหิว พอได้ลองลิ้มรสหม้อไฟแล้วบอกเลยว่าน้ำซุปหวานชื่นใจมากไม่ต้องจิ้มอะไรเลย เมื่อเรากินใกล้หมดพนักงานก็กลับมาพร้อมข้าวหนึ่งถ้วย เทใส่หม้อเดิมพร้อมมันปู ทำเป็นข้าวต้มให้ จุดนี้แหละอร่อยมาก น้ำผักและปูรสหวานกำลังดีซึมเข้าเม็ดข้าว ทำให้เราหยุดไม่ได้ กินจนหมดหม้อไม่เหลือน้ำสักหยด

03 Soup Curry Garaku

แค่บอกว่าแกงกะหรี่ … บางคนก็อาจจะร้องยี้อยู่ในใจ แต่เราขอบอกเลยนะว่าเครื่องเทศแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นเขาน่ะเด็ดไม่เหมือนใคร เพราะกลิ่นจะไม่ฉุน รสไม่จัด เนื้อไม่หยาบเท่าหลาย ๆ ประเทศที่ทางเราเคยลองมา โดยเฉพาะแกงของร้าน Soup Curry Garaku ที่เราขอพูดตรง ๆ จากใจคนไม่ชอบข้าวหน้าแกงกะหรี่ว่าร้านนี้ให้สามผ่าน โอเคกินได้ !! ถ้าคนที่ชอบแกงกะหรี่ได้มาชิมทางเราเชื่อว่าต้องติดใจแน่นอน

แกงที่นี่เขาจะน้ำใส ๆ ไม่ข้นเหมือนร้านทั่วไป ใช้เครื่องเทศลับกว่า 12 ชนิด ต้มกับซุปสต๊อกกระดูกหมู ไก่ และผักมีกลิ่น ทำให้แกงเขาหอมกำลังดี ในแต่ละจานเราสามารถเลือกความเผ็ดได้ตามชอบ ส่วนน่องไก่ตุ๋นที่อยู่ในแกงก็นุ่มกำลังดี เคี้ยวแล้วเด้ง ๆ ไม่เหนียว ที่สำคัญวัตถุดิบที่ใช้มาจากฟาร์มในฮอกไกโดทั้งหมด รับรองเรื่องความสด และคุณภาพ ถ้าใครมาขอแนะนำให้มาช่วงก่อน หรือหลังมื้ออาหารนะ เพราะคิวยาวมากเด้อ

04 Ramen Shingen

ร้านราเมงที่ดูแสนธรรมดา แต่พออ่านรีวิวแล้วมีคนนึงกับบอกว่า เดินทางออกจากซัปโปโรไม่ได้ถ้าไม่ได้มากินราเมงร้านนี้.. เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่า อะไรจะขนาดน๊านนนนน? เพราะราเมงในญี่ปุ่นเด็ด ๆ มีตั้งเยอะแยะไม่เห็นต้องผูกใจไว้ร้านไหนเลย จนเราได้มาลองชิมเองกับเมนูที่เป็น the must คือราเมงซุปมิโซะ ซึ่งเป็นซุปประจำเมืองซัปโปโร

จุดเด่นของ Ramen Shingen คือความเข้มข้นของซุปจากมันในกระดูกหมูที่เคี่ยวมาหลายชั่วโมง สร้างความกลมกล่อม ส่งกลิ่นเย้ายวนไปถึงนอกร้าน ใส่เกลืออย่างดีเข้าไปเพิ่มรสเค็ม ทำให้ซุปมีรสชาติหนักแน่น ตรงใจคนชอบกินเค็มอย่างเราเป็นที่สุด เมื่อกินกับเส้นราเมงสดที่ลวกด้วยอุณภูมิและเวลาที่พอเหมาะแล้ว มันคือความลงตัวที่ทำให้ร้านนี้กลายเป็นหนึ่งในใจเราเช่นเดียวกับนักรีวิวคนอื่น ๆ เลยทีเดียว เชื่อแล้วว่า 4.5 ดาวที่ได้จากนักรีวิวสามพันคนนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย มีเพียงอย่างหนึ่งที่เราติด คือราเมงถ้วยใหญ่มากแต่มีหมูมาให้ชิ้นเดียว ถ้าใครคิดว่าไม่พอให้รีบสั่งหมูเพิ่มนะจ๊ะ

05 Houryu Ramen Flagship Store

ร้านราเมงใกล้ย่านช้อปปิ้งสุดฮิตซูซูกิโนะ ที่เราเดินผ่านกี่ที ๆ ก็เห็นคนมายืนรอต่อแถวอยู่เสมอ พอมีเวลาตามล่าร้านอาหาร ร้านนี้จึงไม่รอดพ้นจากลิสของเรา Ramen Horyu Souhonten ถือเป็นร้านเก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1957 ซุปที่ทำให้ร้านนี้เป็นที่รู้จัก จนเข้าไปอยู่ในนิตยสารมิชลินไกด์ได้ คือ ราเมงซุปมิโซะ นั่นเอง ตัวน้ำซุปที่ลุ่มลึก หวานเค็มกลมกล่อมกว่าที่ไหน ๆ ซดไปแกล้มกับหมูชาชูที่เคี่ยวหลายชั่วโมง จนนุ่มแทบละลายในปาก กลิ่นเนื้อหมูและซุปหอมขึ้นจมูกมันดีงามมาก คีบเส้นมาก็ต้องตกใจ เพราะเขาใช้ราเมงเส้นหยักที่หาทานได้ยาก แต่ก็นิ่มเด้งไม่แพ้ราเมงเส้นตรงเลย แถมยังอุ้มซุปไว้ในเส้นได้ดีกว่า ทำให้ทุกคำที่กินมีรสชาติที่ดี  ถ้าใครไม่ชอบมิโซะ เขาก็มีซุปโชยุ ชิโอะให้เราเลือกเช่นกัน และอีกสิ่งที่เป็นจานเด่นของที่นี่คือราเมงฮาลาล(อาหารมุสลิม) โดยซุปและทุกอย่างในถ้วยนั้นปราศจากเนื้อหมูและแอลกอฮอล์ แต่จะใช้เนื้อวัวเจงกีสข่านแทน ส่วนถ้วยและช้อนจะมีสัญลักษณ์จุดเขียวไม่ปะปนกับถ้วยทั่วไป

06 Sapporo Ramen Republic

ร้านราเมงไปแล้วสอง แต่บอกเลยว่าสายรักเส้นแบบเราแค่นั้นมันไม่พอเพราะเรากินได้ทุกวัน อีกโลเคชั่นกินราเมงต่อมาที่อยากแนะนำคือ Sapporo Ramen Republic แหล่งรวมราเมงบนชั้น 10 ของห้าง ESTA (ใกล้กับสถานีรสไฟใต้ดิน Sapporo) ตกแต่งเหมือนเราเดินอยู่ในยุคเอโดะสุดคลาสสิค ยุคที่ราเมงกำลังเป็นที่รู้จัก โดยเค้ารวบรวม 8 ร้านราเมงเจ้าดังบนเกาะฮอกไกโด คัดสรรจากหลายเมืองทั้งฮาโกดาเตะ โอตารุ อาซาฮิกาวะ ฯลฯ แต่ละร้านก็จะมีทีเด็ดของน้ำซุปแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นมิโซะ โชยุ ซุปใส ซุปเผ็ด ซุปใส่ขิง ซุปงา นานาซุปเลือกได้ตามจริต และความชอบของเราได้เลย ถ้ามากับเพื่อนเยอะ ๆ ให้พามานี่แหละแยกย้ายกันกินไม่มีผิดหวัง ไม่ต้องตีกันให้เหนื่อยแน่นอน

เราเลือกนั่งที่ YUKIMURA อีกร้านที่ยืนหนึ่งเรื่องซุปมิโซะจนเป็นที่ชื่นชอบของคนญี่ปุ่นอย่างมาก เราลองหารีวิวแล้วมีแต่คนญี่ปุ่นแหละมาเช็คอิน ติดดาวกันเยอะแยะไปหมด และก็เป็นราเมงอีกถ้วยที่ไม่ทำให้เราผิดหวัง ตัวซุปนั้นเข้มข้น หวานมันกระดูกหมู หอมเต้าเจี้ยว ออกไปทางเค็มแบบกลมกล่อมตามแบบฉบับมิโซะแห่งซัปโปโรขนานแท้ กินกับเส้นราเมงที่ลวกไม่สุกมากเกือบนุ่ม แต่ออกไปทางเด้งมากกว่า มีไข่ หมู และข้าวโพดโรยหน้า ให้กินตัดกันไม่รู้เบื่อ ฟินไปถึงดาวอังคารเลยจ้า แต่สำหรับเราติดเรื่องหมูด้านบนนิดนึง ไม่รู้ว่าเป็นเท็กเจอร์ที่ทางร้านตั้งใจอยู่แล้วหรือเปล่า รู้สึกว่ามันแข็ง และแห้งไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วคือกินหมดอยู่ดี 5555

07 Nemuro Hanamaru Sushi

ซูชิสายพาน เป็นอีกหนึ่งซิกเนอเจอร์ของอาหารญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าจะไปเมืองไหนเราก็ต้องหาร้านแบบนี้กินทุกครั้งไป แต่ถ้าเป็นที่ซัปโปโรเราขอยกให้ Nemuro Hanamaru Sushi เป็นร้านที่มีคนมาต่อแถวตลอดเวลาอย่างน้อยก็ต้องรอกันสัก 20 นาทีแหละกว่าจะได้กิน ความไม่ธรรมดาของซูชิร้านนี้คือ ชิ้นโต เครื่องแน่น อุนิเห็นตอนเขาตัดราดคือพูนช้อนอะแก ไม่งกเต็มปากเต็มคำ ราคาเริ่มต้นมีตั้งแต่หลัก 100-400 เยน หรือจะเป็นเซ็ตแบบแกรนด์ ๆ หลายพันเยนก็มีให้เลือกเหมือนกัน ถ้าให้รีวิวก็ขอพูดรวม ๆ คือชอบทุกจาน เนื้อปลาเด้งสดมีมันปลา โอเมก้าแน่น ๆ ไร้กลิ่นคาว ถามถึงกุ้ง หรือหอยโอตาเตะก็หวานละมุนลิ้นจนแทบละลาย กินไปต้องร้อง “อุไม” ในใจดัง ๆ ไป พิกัดร้านนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 ตึก JR Tower Stellar Place ตรงสถานี Sapporo เลย หายง่ายมาก

08 Jingisukan Daruma Main Shop

สำหรับ Jingisukan Daruma Main Shop เราชอบตั้งแต่เดินเข้าร้านเลย บรรยากาศมันดูเรียล ๆ เป็นร้านเล็ก ๆ โบราณ ๆ ที่นั่งเป็นบาร์นั่งล้อมวงตรงกลางเป็นครัวแบบเปิด ที่เราจะเห็นการทำงานของพนักงานแบบเพลิน ๆ อาหารจัดเสิร์ฟมาด้วยหม้อย่างเล็ก ๆ มีต้นหอมญี่ปุ่น หัวหอมใหญ่โรยไว้อยู่ เอาไว้กินตัดกับเนื้อแก้เลี่ยน พร้อมด้วยเนื้อแกะดิบติดมันเล็กน้อยที่วางแยกมาให้ ข้าว ซุป กิมจิ ต้องสั่งมาต่างหาก คือตอนย่างแล้วมีเสียงฉ่า เราก็เริ่มกลืนน้ำลายแล้ว พอได้กลิ่นเนื้อที่กำลังจะสุก น้ำลายกลับไหลขึ้นมาซะอย่างนั้น มันหอมมากแม้จะมีกลิ่นสาบเล็กน้อย (ตามประสาคนเซนซิทีฟเรื่องกลิ่น) แต่กลิ่นก็ยังน่ากินอยู่ดี จิ้มกับซอสใส ๆ ออกเปรี้ยวหวาน โรยงา เผ็ดนิ๊ดเดียวคือฟินมาก เท็กเจอร์ของเนื้อแกะมันนุ่ม ๆ กรึบ ๆ มีมันซึมออกมาเล็กน้อย คละเคล้ากับน้ำจิ้มคือฟินมาก อาหารอร่อยโหดขนาดนี้คิวก็โหดมากเช่นกัน แต่บอกเลยว่าไม่เสียดายเวลาที่ต้องรอคอยแน่นอน

09 Tokachi Butadon Ippin

มาต่อกันที่เมนูสำหรับคนไม่กินเนื้อ ไม่กินทะเล กับข้าวหน้าหมูย่างเตาถ่านแบบห๊อมหอมจากร้าน Tokachi Butadon Ippin ดูร้านแล้วเหมือนจะธรรมดาแต่รายละเอียดของอาหารนั้นมันมีมากซะจนเราอ่านแล้วถึงกับเอามือทาบอก นอกจากเนื้อหมูและวัตถุดิบทั้งหลายที่ใช้ จะเป็นของที่มาจากภูมิภาคฮอกไกโดทั้งหมดแล้ว ก่อนนำไปย่างเขาจะต้องนำหมูไปหมักในซอสสูตรพิเศษที่ใช้เวลาพัฒนามานานหลายปี หมูทุกชิ้นย่างด้วย binchotan ถ่านไม้ไผ่คุณภาพดีไร้สารตกค้างที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ความพิถีพิถันนี้ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมข้าวหน้าหมูย่างของเขาถึงหอมชวนหิวมากกว่าเจ้าอื่น ๆ

หน้าตาข้าวหน้าหมูที่มาเสิร์ฟอาจดูธรรมดาเหมือนเนื้อจะแห้ง ๆ พอแต่ได้กัดเท่านั้นแหละ ในเนื้อหมูชิ้นโตนี้ชุ่มไปด้วยซอส รสชาติหวานเค็ม พอได้กินกับข้าวสวยจากฮอกไกโดร้อน ๆ นุ่มหนึบแล้วมันคือลงตัวมาก พอเคี้ยวไปเรื่อย ๆ กลิ่นหอมของการย่างถ่านก็ค่อย ๆ ฟุ้งขึ้นจมูกมาเล็กน้อยเป็นอรรถรสที่แปลกใหม่ ซึ่งเมนูซิกเนอเจอร์ของร้านคือ Butazanmai หมูส่วนเนื้อสัน และซี่โครง มีเสิร์ฟเพียง 50 ถ้วยต่อมื้อกลางวันและมื้อเย็นเท่านั้น ถ้ามาไม่ทันสั่ง Butadon เบสิค ๆ ก็ฟินเหมือนกันนะ

10 Baristart

มาในส่วนของร้านกาแฟสำหรับสายชิลที่ชอบคาเฟ่เก๋ ๆ บอกเลยว่า Baristart ร้านนี้ มัน เท่ มาก!! หน้าร้านออกแนวมินิมอล อิฐ ๆ ไม้ ๆ ด้านในจะเป็นร้านเล็ก ๆ พื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งเป็นของเคาน์เตอร์ และบาริสต้าสำหรับชงกาแฟ วางสินค้ามากมายของทางร้าน เมื่อเราสั่ง Hot Latte ธรรมดาคุณบาริสต้าก็จะยื่นชาร์จเมนูมาให้เลือกลักษณะนม คือเซอร์ไพรซ์มาก เพราะนมที่เขาใช่นั้นจะต้องเป็นนม Jersey Milk ส่งตรงจากฟาร์มของฮอกไกโด ในชาร์จมีให้เลือกความมันและหวานอยู่สามแบบ

เราลองแบบ Tokachi Jersey หวานมากหน่อย มันน้อยหน่อย แต่ด้วยนมชนิดนี้ที่มีความเข้มข้นสูง และหวานธรรมชาตินิด ๆ จึงเป็นนมที่เหมาะสมสำหรับการชงกาแฟ เพราะสามารถชูรสชาติ และความหอมของกาแฟให้เด่นชัดขึ้น ใครที่ชอบกลิ่นกาแฟผสมนมเราบอกเลยว่าฟินแน่นอน คือยากให้มีรีวิวแบบ 4D จะใส่กลิ่นไปให้ดมด้วย ยิ่งในช่วงหน้าหนาว ที่เราต้องการกาแฟอุ่น ๆ เจอรสและกลิ่นละมุนหอมละไมขนาดนี้ จะรีบยังไงก็ต้องขอแวะซื้อทุกเช้าแหละ

11 CON + ACT

ท่ามกลางหิมะโปรยปรายเราปราดตาไปเห็นหน้าร้านสีแดงอันโดดเด่น ออกแบบอย่างเป็นระเบียบ กระตุกต่อมอยากรู้อยากเห็นของเราเป็นอย่างยิ่ง พอชะเง้อหน้าเข้าไปดูจึงได้รู้ว่าที่นี่เป็นร้านกาแฟ ที่เปิดพื้นที่ให้ชาวเมืองซัปโปโรได้มานั่งทำงาน หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Co-working Space สิ่งที่เห็นภายในร้านคือทุกโต๊ะถูกจับจองไปด้วยผู้คนที่มาพร้อม หนังสือ แล๊บท๊อป นั่งคุย และทำงานกันแบบสงบ ๆ มีเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่เป็นเคาร์เตอร์ขายเครื่องดื่มและไอศกรีม เท่านั้นแหละปากเจ้ากรรมก็เผลอสั่งทั้งสองอย่างแบบไม่ทันคิดว่าเพิ่งกินข้าวอิ่มมาอยู่หยก ๆ สำหรับเรารสชาติกาแฟค่อนข้างธรรมดานะ แต่ที่ว๊าวว.. มากคือไอศกรีมนมฮอกไกโดเจ้มจ้นนี่แหละ มีโรยผงแดง ๆ เข้ากับธีมร้านถ่ายรูปออกมาคือสวยเลยไม่ต้องแต่ง ส่วนรสชาติก็หวาน ๆ มัน ๆ เค็มนิด ๆ หอมนม ถือเป็นของหวานที่ดีงามสุด ๆ

12 Inu no Yaki imo ya san

หลายคนคงเคยเห็นจากรีวิวกันมาเยอะแยะแล้วแหละ แต่เราก็อดใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะแวะไปชมความน่ารักของน้องหมาชิบะ พันธุ์หมาในฝันที่เราอยากได้มาเลี้ยงไว้สักตัว Inu no Yaki imo ya san ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านชุมชน เป็นเหมือนกล่องไม้ริมทาง ขนาดไม่ใหญ่มาก ตรงกลางมีรูให้เจ้าของร้านโผล่หน้ามาพูดคุยกัน นั่นคือ เคนคุง น้องหมาชิบะที่ชะโงกหน้ามารอต้อนรับเราอย่างน่ารักน่าชัง ขยันขันแข็ง เด็กมันช่วยพ่อแม่ทำมาหากินอะเนอะ เราก็ต้องอุดหนุนกันสักหน่อย ขนมที่น้องขายคือมันเผา 1 ถุงราคา 200 เยน มีภาษาไทยเขียนบอกชัดเจน เราต้องเตรียมเงินกันมาให้พอดีนะจ๊ะ เพราะน้องไม่มีตังค์ทอน ให้เราหย่อนเงินใส่ตู้ได้เลย

มันเผาของเคนคุงก็ไม่ใช่ของไก่กา ขายแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวนะ เขาคัดเลือกมาอย่างดีเรากินไปชิ้นนึง ต้องเดินกลับไปหาน้องเพื่อซื้อกินอีกชิ้นอะ ทุกห่อวางวอร์มไว้บนเตาร้อน เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้รับมันเผาอุ่น ๆ ไปทานแน่นอน ทุกชิ้นเต่งตึงดูสดใหม่ กัดไปเจอเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ๆ หนึบ ๆ กลิ่นมันหอมหวาน ฟุ้งขึ้นมาเป็นช่วงเวลาที่ฟินมาก ๆ กลายเป็นของกินระหว่างเดินที่เพลินสุด ๆ นอกจากมันเผาก็มีของฝากต่าง ๆ ทั้งเสื้อ และสติกเกอร์รูปของเคนคุงวางขายด้วย แสดงว่ามีแฟนคลับอยู่เหมือนกันนะเราอะ

13 Shirokuma No Crepe (白石区/クレープ)

เครปทั่วไปที่ไหนก็ซื้อได้ แต่สำหรับร้าน Shirokuma No Crepe เรายอมรับเลยว่าเดินตาม IG Story ของคนญี่ปุ่นมาจริง ๆ คือเครปเขาหน้าน่ารักม๊าก ในใจคิดว่าเรื่องรสชาติเอาไว้ทีหลัง ยังไงก็ขอซื้อมาถ่ายรูปสวย ๆ ก่อนแล้วกัน น้องเป็นเครปที่ท๊อปด้วยหมีขาวรูปแบบต่าง ๆ ตัวเดียวบ้าง สองสามตัวบ้าง ซึ่งไส้ก็มีหลากหลายทั้ง สตรอว์เบอร์รี, ชาวเขียวมัทฉะ, ช็อคโกแล็ต จนไปถึงชานมไข่มุก โดยส่วนใหญ่สีสันก็จะออกมาแนวพาสเทลกุ๊งกิ๊ง จนไม่กล้ากินเลยแหละ

ส่วนเมนูที่เราเลือกสั่งคือเครปไส้มัทฉะ หรือชาเขียว มีวิปปิ้งครีม โมจิสามสีน่ารัก ไอศกรีมชาเขียว และเจ้าหมีแสนน่ารักนี่แหละ หน้าตาดูละมุน รสชาติก็ไม่ต่างจากหน้าตาเลยเธอเอ้ยยยยยย แป้งเครปนุ่มมากอันนี้เลิฟสุด ๆ ส่วนไส้ข้างในก็อร่อยตามมาตรฐานเครปญี่ปุ่นอยู่แล้ว อีกอย่างที่ประทับใจคือ ส่วนผสมทุกอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นนม ไข่ หรือผลไม้ คงเป็นของพื้นเมืองในฮอกไกโดเช่นกัน ใช้ของมีคุณภาพแบบนี้มันเลยทำให้รูปก็สวยจูบก็หอมแหละเนอะ ขอยกให้ร้านเครปเบอร์ที่เราอยากให้ทุกคนได้มาลองแล้วกัน

14 池田食品㈱

ร้านขายถั่วชื่อดัง IKEDA ที่มียักษ์ญี่ปุ่นเป็นมาสคอต สินค้าเด่นดังของที่นี่เป็นถั่ว ขนมเซมเบ้ แป้งทอดโบราณต่าง ๆ เราเห็นคนญี่ปุ่นนิยมมาซื้อเป็นของฝากที่ร้านนี้เยอะมาก คงเพราะมีชนิดให้เลือกหลากหลาย และแพ็กเกจที่เป็นอักลักษณ์ดูดีมีสกุล เหมาะกับเอาไปฝากผู้ใหญ่ ส่วนวัยรุ่นที่มาก็จะซื้อไอศกรีม มอนสเตอร์ซอฟเสิร์ฟ ตกแต่งล้อเลียนมาสคอตของร้านมาถ่ายรูปเช็คอินกัน เราเลยลองสั่งมากินบ้าง รู้สึกว่ามันก็เหมือนไอศกรีมนมฮอกไกโดทั่วไป รสชาติไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ถ้าซื้อมาถ่ายรูปสวย ๆ เช็คอินเก๋ ๆ ก็มาได้นะ รับรองไม่ซ้ำใคร

15 パウンドケーキ専門店 cafe Rain/ ハーブバル Rain

ร้านคาเฟ่สองชั้นน่ารักในย่าน Maruyama ย่านแสนสงบที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองซัปโปโรเพียงนิดเดียว แถวนี้จะมีทั้งสนามเบสบอล สวนสัตว์ สวนสาธารณะ และเต็มไปด้วยคาเฟ่สวย ๆ มากมาย เรามาสะดุดตาที่โลโก้รูปร่มเข้ากับชื่อร้าน Cafe rain และคุมธีมด้วยการเสกทั้งร้านให้เป็นสีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยวัสดุไม้สีเข้ม โทนหม่น ๆ เย็น ๆ ทำให้รู้สึกเหงาเบา ๆ แต่อยู่ ๆ ก็อบอุ่นขึ้นมาด้วยกลิ่นกาแฟที่พนักงานกำลังบด ทำให้เราละสายตาที่กำลังมองไปรอบ ๆ ร้านมาดูที่เมนู ที่นี่เขาเสิร์ฟทั้งของคาวและของหวาน ชั้นล่างมีที่นั่งนิดหน่อย ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์กาแฟ และบาร์วางขายขนม ส่วนด้านบนจะเป็นโซนที่นั่ง ให้เราขึ้นไปจับจองกันเอง โชคดีที่ตอนเราไปโซนริมหน้าต่างนี่โล่งว่างพอดี เราเลยได้มุมที่ดีที่สุดของร้านมาครอบครอง

ส่วนเมนูที่เลือกมานั้นคือ Pound Cake เมนูของหวานสุดป๊อปของทางร้าน เพราะเห็นใคร ๆ เขาก็สั่งกัน เค้กปอนด์รสชาติต่าง ๆ มีให้เลือกทั้งเอิร์ลเกรย์ ชาเขียว บัตเตอร์ คาราเมลกล้วย กาแฟ ช็อกโกแล็ต ฯลฯ เราสั่งรสเบสิกบัตเตอร์เค้กหอมเนย เนื้อแน่น เสิร์ฟมาพร้อมวิปครีมก้อนเล็ก ๆ ที่ทำรูปทรงเหมือนก้อนเมฆ มีไอซิ่งเป็นรูปร่มและฝนโปรยปราย ดั่งผลงานศิลปะที่เจ้าของตั้งใจทำมาให้ เมนูนี้เราแนะนำให้ทานคู่กับเครื่องดื่มขม ๆ กลิ่นหอม ๆ เพื่อความตัดกันที่ลงตัวมากขึ้น ซึ่งทางเราได้สั่งอเมนิกาโน่มา กินเค้กไปจิบกาแฟไปมันลื่นคอ กินได้เรื่อย ๆ จนหมดในเวลาไม่ถึงสิบนาที และความอร่อยนี้ก็สามารถส่งต่อได้ เพราะเขามีห่อแพ็กเกจจิ้งน่ารัก ๆ วางขายเป็นของฝากให้เราหยิบช้อปกันแทบทุกรสชาติเลย

16 TEASIGN Tapioca & Tea Bar(ティーサイン タピオカ & ティー バー)

ร้านชาผลไม้สัญชาติไต้หวัน ที่มาตีตลาดซัปโปโรได้ปังปั๊วะต้องยกให้ TEASIGN Tapioca & Tea Bar ร้านนี้มีการครีเอทน้ำแต่ละแก้วได้อย่างสร้างสรรค์เมนูก็แสนวาไรตี้ มีตั้งแต่ชานม ชาผลไม้ ชาน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ และกาแฟ ด้วยความเพลย์เซฟสิ่งที่เราได้มาคือชานมไข่มุก บราวน์ชูการ์แสนเบสิค ที่ถ่ายรูปกับหิมะออกมาดูกิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร.. ไม่อยู่เมืองหนาวถ่ายไม่ได้นะแบบเนี้ย นั่งกินท่ามกลางอากาศติดลบ เคี้ยวไข่มุกหนุบ ๆ เหมือนเพิ่งต้มเสร็จ ดูดชาหอม ๆ หวาน ๆ กลืนลงคอมันทำให้เราฟินจนลืมหนาวไปเลย ทางร้านมีขายทั้งแบบ Take away และนั่งทานในร้านนะ ถ้าใครอยากชิลให้ตามเรามาที่สาขานี้เลย (พิกัด https://goo.gl/maps/ZdXpRkq1dZ8rAZqw6 )

17 Cafe’ Blue

ร้านคาเฟ่ที่เป็นบ้านไม้สีขาว ประตูเขียวทรงเหมือนหลุดมาจากซี่รี่ย์ฝรั่งนี้คือ Cafe’ Blue ภายในก็สวยไม่แพ้ภายนอกเลยสักนิดกับเฟอร์นิเจอร์ และพื้นไม้สีเข้ม ตัดกับกำแพงสีขาว สว่างไสวด้วยแสงแดดธรรมชาติที่ส่องผ่านมาทางเพดานกระจก และหน้าต่างบานยาวที่มองออกไปเห็นหิมะกำลังโปรยปราย เปิดเข้ามาความอุ่นของฮีตเตอร์คือแผ่ซ่านไปทั่วร่าง มองไปรอบ ๆ ก็มีแต่คนญี่ปุ่นไม่มีต่างชาติเลยสักคน (ยกเว้นเรา) มันก็แอบฟินเบา ๆ อะเนอะ

ร้านนี้ขายทั้งเมนูคาวและหวาน ซึ่งเรามาช่วงเช้าก็จัดอาหารเช้าเป็นชุดสวย ๆ ไข่ดาว ไส้กรอก สโคนอบใหม่อุ่น ๆ หอมกรุ่น ราดซอสเมเปิ้ลหวาน ๆ ก็คือการเริ่มต้นเช้าได้อย่างละมุนละไม จัดจานคุมโทนพร้อมฉากหลังเป็นหิมะ เหมือนหลุดมาจากพินเทอเรส นี่ถ้ามีเพื่อนใส่เดรสสวย ๆ มานั่งข้าง ๆ นางก็จะเป็นคุณหนูในทันทีเลย ถือเป็น IG Spot จุดใหม่ที่เราคิดว่ามาแล้วปังแน่นอน

18 Sapporo Beer Museum

เบียร์รูปดาวที่เราเห็นวางขายอยู่ทั่วโลก ต้นกำเกิดเขาอยู่ที่นี่แหละฮะ Sapporo Beer Museum ตึกอิฐแดงที่เห็นนี้มีประวัติความเป็นมาถึง 100 ปี จากเดิมที่เคยเป็นโรงงานน้ำตาล ถูกซื้อมาเป็นโรงงานผลิตเบียร์จนมาถึงปัจจุบัน กว่าจะเป็นเบียร์ Sapporo ได้นั้นต้องมีการศึกษา ค้นคว้า และเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา จนภายในตึกเขาถึงกับจัดพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าวิวัฒนาการของแบรนด์ เราจะได้เห็นเครื่องกลั่นเบียร์ ขวด โลโก้ โปสเตอร์โฆษณาตั้งแต่เบียร์ขวดแรกตั้งวางขาย

การเดินดูพวกนี้เหมือนบิ้วอารมณ์ให้เราอยากลองชิมเบียร์ขึ้นมาเดี๋ยวนั้น เลยรีบเดินไปชั้นล่าง ตรงนี้จะเป็นห้องอาหาร และลานเบียร์จ่ะ ความอยากเมื่อกี๊ทำให้เราต้องพุ่งตัวเข้าไปหาตู้กดเทสติ้งเบียร์เซ็ต ลองให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปว่าเด็ดจริงมั้ย เซ็ตนี้จะมีเบียร์ 3 อย่างคือ Black Label, Classic และ Kaitakushi แม้เราจะไม่ใช่คอเบียร์แยกไม่ค่อยออกว่ามันต่างกันมากขนาดไหน แต่แต่ละแก้วมันมีกลิ่นต่าง ความเข้มต่าง และสีที่แตกต่าง แต่ความอร่อยไม่ต่างกันเลยสักนิด มันนุ่มซอฟชุ่มคอทุกแก้ว และกลิ่นก็หอมเหมือนเบียร์สดดี ๆ นี่เอง เราคิดว่าถ้าใครเป็นคอเบียร์ ยังไงก็ควรมาลองนะ

19 Doraemon WAKUWAKU SKY PARK Café

ร้านสุดท้ายขอจบแบบน่ารัก ๆ ด้วยพี่ม่อนคนเก่ง การ์ตูนเรื่องดังที่ทำให้เราหลงรักญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก ๆ การ์ตูนที่ทำให้เรารู้จักคำว่าอิจฉา เพราะอยากมีโดราเอมอนมาอยู่ข้าง ๆ เหมือนโนบิตะ นั่นก็หมายความว่าเราเป็นแฟนตัวยงของการ์ตูนเรื่องนี้นั่นเอง เหมือนเป็นพรหมลิขิตที่เราแค่เดินผ่านในสนามบิน New Chitose ถึงกับยืนกรี๊ดอยู่หน้าร้านเมื่อได้เห็นธีมคาเฟ่แห่งนี้ โดราเอมอนคาเฟ่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ DORAEMON WAKU WAKU SKY PARK พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน แต่เราไม่มีเวลาที่จะเข้าไปดูข้างในจึงได้แต่นั่งกินขนมน่ารัก ๆ อยู่ตรงนี้แทน

เมนูขนมของร้านจะตกแต่งออกมาให้เข้าธีมกับเรื่อง ทั้งโทนสีที่เน้นขาวฟ้า และรูปหน้าตัวการ์ตูนต่าง ๆ ต้องมีวางแซมไว้ในจาน เราลองสั่งขนมปลาหน้าโดราเอมอนไทยากิ โดรายากิ และลาเต้หน้าโนบิตะ แม้รสชาติมันจะอร่อยแบบมาตรฐานขนมญี่ปุ่น แต่เอาจริง ๆ แค่เห็นหน้าตาขนมเราก็ฟินแล้วอะ ใครที่เป็นแฟนคลับเหมือนเราก่อนเทคออฟ หรือหลังแลนด์ดิ้งก็เผื่อเวลามาชมพิพิธภัณฑ์ แล้วมานั่งคาเฟ่กันก่อนก็ได้นะ

พูดตามตรง ทริปนี้เรากินซะจนรู้สึกผิดกับเครื่องชั่งน้ำหนัก แต่คำว่าพรุ่งนี้ค่อยลดมันยังใช้ปลอบใจเราได้เสมอ บินมาไกลถึงซัปโปโรแกจะมาคอยคุมแคล คุมน้ำตาลทรมานตัวเองทำไม ถ้าน้ำหนักจะขึ้น มันก็ต้องขึ้นด้วยอาหารที่มีคุณภาพสิ ขอสรุปจบแบบเข้าข้างตัวเองว่าถึงเราจะดูกินดุ แต่เราก็กินเพื่อทุกคนนะ และเราจะดีใจมากถ้ามีคนมาตามรอยร้านอาหารทั้ง 19 ร้านนี้ แม้ความอร่อยของคนเราจะไม่เหมือนกัน มันก็ต้องมีสักร้านแหละที่พวกเธอถูกใจ