รีวิวภูเก็ต :: Summer in Phuket Island 2022 with Lambretta

ทริปนี้เราอยากชวนทุกคนไปกอบโกยลมทะเล สะสมความสุข รวบรวมความเบิกบาน เพิ่มเติมความเฟรซ กับเดสติเนชั่นระดับโลกอย่าง “ภูเก็ต” แบบสบาย ๆ สั้น ๆ 2 วัน 1 คืน 7 พิกัด แต่ครื้นเครงครบทุกรส เริ่มจากย่านเมืองเก่าภายใต้ตึกสไตล์ชิโนโปรตุกีสหลากสีสัน แล้วไปฮอปปิ้งกับคาเฟ่สุดชิคคูล พักผ่อนเต็มอิ่มในลักชัวรี่ พูลวิลล่า ก่อนไปปิดทริปแบบชิล ๆ นั่งมองวิวทะเลที่สวยระดับโลก พร้อมกับรถคลาสสิคระดับตำนานอย่าง Lambretta V200 Special ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ขับไปไหนก็อุ่นใจแถมจับมาเป็นพร็อพถ่ายรูปแบบเท่ ๆ ได้แสนเก๋ไม่ซ้ำใคร

ซัมเมอร์นี้ใครอยากจัดทริปแบบชิว ๆ เต็มไปด้วยความฟิวกู๊ด ขอให้ยกขบวนแล้วขับตามเรามาเลย

ก่อนจะออกสตาร์ทแบบนอนสต๊อปกับพิกัดป๊อบ ๆ เราจะขอแนะนำเพื่อนคู่ใจ Lambretta V200 Special สกู๊ตเตอร์สไตล์เรโทรฉบับดั้งเดิม ที่ขับไปไหนก็มีแต่คนเหลียว จะเลี้ยวไปไหนก็มีแต่สาวกรี๊ด เพิ่มเติมคือมั่นใจในทุกการขับขี่ยิ่งขึ้น เพราะนอกจากทุกชิ้นส่วนจะอิมพอร์ตมาจากอิตาลีแล้ว เจ้าคันงามนี้ยังมีระบบภายในสุดล้ำจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ โครงเหล็กของตัวรถก็ใช้การออกแบบแนวคิดเดียวกับเครื่องบินทำให้รถมีน้ำหนักเบา ดูแลรักษาง่าย และมาในคอนเซปต์ “Wonderful Retro” ยืนหนึ่งง่าย ๆ แบบไร้ข้อกังขา งานนี้ใครที่เทใจให้ความคลาสสิค ต้องไม่พลาดจริง ๆ

DAY 1

01 Honest Coffee & Service

เริ่มต้นโลเคชั่นแรกกับ Honest Coffee คาเฟ่สไตล์ชิโนโปรตุกีส ที่กระแทกตาเราตั้งแต่แรกเห็น ตัวตึกสีขาวสว่างสดใสช่างเข้ากับรถสไตล์เรโทร Lambretta V200 Special สี Lucido White จนไม่อาจอดใจลองแวะดู เพราะน่าจะถ่ายรูปออกมาได้คลูทั้งคน ทั้งรถ แต่ถ้าใครอยากได้รถสไตล์เท่แบบโฉบเฉี่ยวคมเข้ม ก็ยังมีสี Milano Black ให้ได้เลือก ส่วนใครชอบความสดใสแบบขั้นสุด เขาก็มีสี Sicilion Orange สีส้มสุดฉ่ำที่ได้ inspiration มาจากผลส้มบนหมู่เกาะ Sicily อันอุดมสมบูรณ์ ใครชอบสไตล์ไหนถูกใจสีอะไร ไปเลือกแล้วขี่มาเที่ยวตามเราได้เลย

ยังไม่ทันเลือกที่นั่ง … แค่เปิดประตูเข้าไป กลิ่นกาแฟอโรม่าหอมชื่นใจก็ปะทะจมูกแบบจัง ๆ ยิ่งเสริมเอเนอร์จี้ให้กับเราตั้งแต่แรกเริ่ม คาเฟ่นี้ยิ่งดูก็ยิ่งเพลินยิ่งเพลินก็ยิ่งน่าดู เพราะการออกแบบที่ใช้สีอ่อนสไตล์เรียบหรู กับทรงโค้งของประตู หน้าต่างบานใหญ่ช่างดูร่วมสมัยเข้ากับบรรยากาศของย่านเมืองเก่า ด้านข้างของตัวคาเฟ่มีสเปซเล็ก ๆ ไว้ปลูกดอกไม้ต้นไม้จิ๋ว ๆ เรียงแถวริมทางเดิน ให้มองเพลิน ๆ ระหว่างจิบกาแฟ จะเลือกนั่งด้านในก็สบายดี หรือจะเลือกนั่งมุมเอาท์ดอร์จิบกาแฟรับแสงแดด ชมวิวสบาย ๆ สไตล์หนุ่มสาวอิตาลีก็ปังไม่แพ้กัน

ทางร้านค่อนข้างพิถีพิถันกับกาแฟเป็นอย่างมาก โดยเราสามารถเลือกเมล็ดได้ว่าจะเอาการคั่วระดับไหน พนักงานก็พร้อมรังสรรค์ให้แบบ Special ในทุกแก้ว ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์ที่เราได้ลองทานแล้วอยากจะแนะนำต่อก็คือ Pineapple Affogato ไอศครีมโฮมเมดเย็น ๆ รสสับปะรด ท็อปด้วยเอสเปรซโซ่ร้อนรสขม เป็นขั้วตรงข้ามที่เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ หรือใครอยากสดชื่นเต็มตา จะสั่งกาแฟ Cold Brew ในแพ็คเกจสุดชิคก็ดีมาก ๆ ส่วนขนมเขามี Soft Cookie หน้าต่าง ๆ ให้เลือก เราลองสั่งแอปเปิ้ลคัมเบอร์ คุกกี้รสชาติหวานนิด ๆ มี Texture กรุบ ๆ ให้เคี้ยวเพลิน ๆ

ก่อนจะมูฟออนไปพิกัดถัดไปจะบอกว่า Scooter คู่ใจสไตล์เรโทรของเราในวันนี้ นอกจากจะสวยโฉบเฉี่ยวคลาสสิกทุกองศาแล้ว แต่ละชิ้นส่วนก็ยังมีฟังก์ชันการทำงานที่ช่วยให้ทุกการขับขี่ดียิ่งขึ้น อย่างเช่นตะแกรงด้านหน้าที่ทำจากเหล็กชั้นดี นอกจากจะเพิ่มความวินเทจให้ลุคหล่อยิ่งขึ้นแล้ว ยังเอาไว้ติดสัมภาระเดินทางไกลได้สะดวกสบาย คนซ้อนท้ายก็มีที่นั่งกว้างมากขึ้น กระบังลมหน้ารูปทรงโค้งมน นอกจากจะเพิ่มความคลาสสิค ก็ยังเป็นตัวช่วยสำหรับลดแสงสะท้อนบนจอไมล์ ให้ขับได้สะดวกสบายแม้อยู่ในกลางแจ้ง บอกเลยนะว่าคันนี้ เขาออกแบบมาหมดจดและคิดมาดี เพื่อผู้ขับขี่โดยเฉพาะ

02 Phuket Old Town

ขับตรงมาเรื่อย ๆ บนถนนวันเวย์ ไม่นานก็พบกับแลนด์มาร์คอายุกว่าร้อยปี ไม่ว่าใครก็ต้องแวะมาถ่ายรูปสักครั้งหนึ่ง เพราะเดี๋ยวจะเหมือนมาไม่ถึงย่านเมืองเก่าของภูเก็ต ตึกสีเหลืองบนหัวมุมถนนผู้แสนจะโดดเด่นนี้ คือ หอนาฬิกาพรหมเทพ ที่เข้ากันดี๊ดีจนเหมือนสร้างออกมาเป็นคู่ซี๊กันกับ Lambretta V200 Special จนเราต้องขับรถมาเลี้ยว กดแชะหน้าตึก และความดีงามของเจ้าสกู๊ตเตอร์เพื่อนคู่ซี้คันนี้ คือขับง่าย ชินมือไว เพราะใช้เกียร์ Automatic CVT ใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีด และใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานไอเสีย EURO4 ทำให้ขับชิวได้โฉบเฉี่ยวไม่เสียบรรยากาศ

จากนั้นเราก็ขับชิวไปเรื่อย ๆ พลางชื่นชมถนนหนทาง ร้านรวง คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านของขวัญ ของฝาก Street Art ในย่านนี้ จนทั่วทั้งถนนดีบุก ถนนพังงา และซอยรมณ์มณี ตึกที่เห็นเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทางนี้เป็นการผสมผสานของ 2 วัฒนธรรม ไชนีสและโปรตุเกส จนกลายมาเป็นสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะขับรถเล่น หรือเดินเล่น แค่แต่งตัวย้อนยุค เชิ้ตขาวกางเกงสแล็คทรงตรง เหน็บหมวกทรงคลาสสิคมาสักหน่อย ก็ได้ฟิวเป็นหนุ่มยุควินเทจสุดเท่เนเวอร์ดาย

เดินเล่นเรื่อยเปื่อยสายตาก็ไปสบกับไอศกรีมชื่อเก๋ ที่ทำมาจากขนมโบราณ เอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ต อย่างเต้าส้อ เราเลยขอลองชิมไอศครีมเนื้อเนียน รสชาติเข้มข้นจนเหมือนได้กินเต้าส้อทั้งลูก แค่เย็นกว่า หวานกว่า กินง่ายกว่า สักคำสองคำ จนเผลอกินหมดในแปบเดียว งานนี้บอกได้ว่าเป็นการครีเอทให้คนเข้าถึงรสชาติขนมพื้นเมืองภูเก็ตแท้ ๆ ได้อย่างดีเยี่ยมไปเลย

03 MOONSTo̲̲NE

เปลี่ยนมู้ดจากเมืองเก่ามาทำหน้าที่คาเฟ่ฮอปเปอร์ที่เราถนัดกันต่อ กับร้านน้องใหม่ที่จะมาเปลี่ยนมู๊ดจากย่านเมืองเก่ามาทำหน้าที่คาเฟ่ฮอปเปอร์ที่เราถนัดกันสักนิด เพราะบริเวณท่าเรือวิสิษฐ์พันวา เขามีคาเฟ่เท่ ๆ ในชื่อแสนเก๋ว่า MOONSTo̲̲NE ร้านกาแฟริมทะเลที่เก๋ในทุกสัดส่วน เพราะไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้าต่าง เคาน์เตอร์รับออเดอร์ โต๊ะเก้าอี้ ล้วนตกแต่งเน้นทรงกลมเรขาคณิต แถมมองจากมุมไหนก็สามารถเห็นได้ทั้งวิวทะเล ทั้งเกาะน้อยเกาะใหญ่ อยู่รายล้อม งานนี้บอกได้เลยว่าทางเราพร้อมถ่ายรูปเป็นที่สุด

ร้านน่ารัก ขนมก็ยังหน้าตาเกาหลีเกาใจ แค่มองก็สัมผัสได้ถึงความละมุน ยิ่งได้ลองลิ้มชิมรสก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความดีงาม โดยเฉพาะเมนูชูโรง Calm Mood คาปูชิโน่เย็น ท๊อปด้วยมูสสูตรพิเศษตีเองของทางร้าน จนออกมานุ่มละมุน อร่อยถูกใจ ดื่มแล้วรู้สึกอารมณ์สงบสมชื่อ ยิ่งได้ทานคู่กับช็อคโกแลตคาราเมลมูสเค้ก ช็อกโกแลตเนื้อเนียนหอมกลิ่นคาราเมล ที่หวานกำลังดี ไม่เลี่ยนจนเกินไป ทุกอย่างก็ยิ่งดูนุ่มนิ่ม อร่อยในปาก ละลายในใจ จนไม่อยากให้หมดชิ้นเลย

04 V Villas Phuket, MGallery

อารมณ์ใจอารมณ์ดีก็ได้เวลาเข้าพัก ณ V Villa Phuket ที่พักระดับ 6 ดาวสุด luxury อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดที่กล้าพูดเลยว่าไม่ปังตรงไหนเอาปากกามาวง เพราะตลอดเวลาที่พักคือสุดปัง!!! จะถ่ายรูปก็สุดจึ้ง มีมุมแกรนด์ ๆ ให้สายคอนเทนท์ได้ครีเอทกันแบบจัดเต็ม จะพักผ่อนก็มีวิวทะเลแบบพาโนราม่าของแหลมพันวาให้ดูได้จากหน้าวิลล่า จะชิวก็ไปนอนดูฟ้าเปลี่ยนสีสะท้อนน้ำทะเลตอนกลางวัน ไปดูแสงอาทิตย์ทอแสงยามเช้า ไปรอมองดาวที่สุกสกาวยามค่ำคืน จะกินก็หรู!! จะอยู่ก็สบาย มีความเป็นส่วนตัวแบบสุด!!

ที่นี่มีพูลวิลล่าทั้งหมด 19 หลัง มีให้เลือกแบบ 1, 3 และ 4 ห้องนอน ภายในและภายนอกจะเน้นการตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทน เพื่อให้เข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ทุกห้องมีขนาดกว้างขวาง  มีระเบียงหันออกทะเลอยู่ข้างสระว่ายน้ำ พักผ่อนได้แบบไม่อึดอัดเลยสักนิด และที่สำคัญทุกวิลล่าจะมีบัตเลอร์คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะขาดเหลืออะไรก็สามารถโทรแจ้งได้ตลอดเวลา สะดวกสบายสไตล์ลูกคุณเป็นที่สุด คืนนี้เราเลือกพักแบบ 3 ห้องนอน พร้อมห้องนั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร ไม่ว่าจะมาเที่ยวกับคู่รัก แก๊งเพื่อน หรือครอบครัว รับรองว่า ทุกห้องเป็นส่วนตัว สนุกได้เต็มที่แฮปปี้ได้ทุกนาทีแน่นอน

บริเวณห้องรับแขกก็เป็นอีกหนึ่งห้องที่ต้องขอชมว่าเลือกมุม เลือกองศาการวางห้องได้ดีมาก เพราะแสงเอยอะไรเอย ล้วนดูดี ลงตัว ดูสวยจนไม่สามารถหยุดถ่ายรูปได้ทุกช่วงเวลา แถมตอนเข้ามายังมีชุด Welcome Set เป็นกล่องของขวัญเล็กทๆ ภายในบรรจุของกินเล่นทั้งคาว และหวานมาให้แบบจุใจ ไม่ว่าจะเป็น Cold Cut, แซลมอน, ทาร์ต, เค้ก รวมถึงมาการอง จะสั่งแชมเปญมาดื่มคู่กันก็ได้อรรถรส หรือจะหยิบกาแฟแคปซูล จากมินิบาร์ ที่มีให้เราดื่มฟรีแบบไม่อั้นก็เข้ากันไม่น้อย

ถ้านอนดู Sunset จากห้องพักมันยังไม่หนำใจพอ ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศกันที่ AKOYA Star Lounge บาร์ Rooftop เปิดโล่ง มองเห็นวิวทะเลได้แบบ 360 องศา มีที่นั่งแบบ Private Zone ริมสระน้ำเล็ก ๆ พร้อมโซฟาขนาดใหญ่ ให้เรามานอนเล่นจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ทั้ง Cocktail และ Mocktail หน้าตาสวย สีสันอร่อย รสชาติถูกใจ จะได้นั่งมองท้องฟ้าเปลี่ยนสี เพิ่มดีกรีความแฮปปี้เกิน 100 เปอร์เซ็นต์

DAY 2

เช้านี้ขอเริ่มต้นวันดี ๆ ด้วยอาหารที่ทางโรงแรมจัดเสิร์ฟถึงวิลล่าให้แบบจัดเต็ม โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เสิร์ฟบนโต๊ะในห้องพัก หรือเลือกทานแบบชิค ๆ และได้คอนเทนต์ สไตล์ Floating Breakfast แน่อนสายถ่ายรูปอย่างเราต้องเลือกอย่างหลังแบบไม่ต้องคิด ส่วนอาหารเราเลือกแบบ American Breakfast ที่สามารถเติมได้ทุกสิ่งแบบไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง 6 แบบ แยมโฮมเมดรสเยี่ยม ชีส Cold Cut ไข่หลากหลายสไตล์ วาฟเฟิล แพนเค้ก โยเกิร์ตแทบทุกประเภท ไปจนถึงน้ำผลไม้ บอกเลยว่าอร่อยดีงามทุกอย่าง แถมถ่ายรูปสวย จนอยากให้มีมื้อเช้าแบบนี้ซัก 10 มื้อต่อวันไปเลย

05 MARNI

เพื่อให้อินกับความเป็นอิตาลี หลังจากเช็คเอ้าร์ … เราก็พาตัวเองมาแวะ MARNI ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดในตัวเมือง หน้าร้านดีไซน์เก๋ไก๋และโดดเด่น จากกระจกบานใหญ่ ที่มีกรอบหน้าต่างและประตูเป็นสีเขียวเทอร์ควอยซ์ ประดับด้วยไม้เลื้อย เพียงแค่ขี่ Lambretta V200 Special ผ่าน ก็ให้ฟิวเหมือนร้านกาแฟแถบยุโรป ตัวร้านด้านในปลอดโปร่ง เพราะเพดานสูง ห้องลึก มีโต๊ะให้เลือกนั่ง 5-6 โต๊ะ และที่สำคัญร้านนี้เด่นดังเรื่องของอาหารและวัตถุดิบที่ใช้ ซึ่งพอเราได้ลองทาน ก็ไม่มีข้อค้านเลยสักนิดเดียว

ขอยืนปรบมือให้กับเชฟ และยกให้เป็นร้านเด็ดสุดฮิดเด้นของจังหวัดภูเก็ตเลยจริง ๆ เพราะรสชาติมันสุดจะล้ำค่าขอท้าให้ไปลอง ตัววัตถุดิบทุกอย่างก็คัดเน้น ๆ มาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเมนู CAMATRICIANA cabonara + amatricianna ที่เราเลือกสั่งเส้น Rigatoni เส้นสดที่ทางร้านทำเองคลุกกับซอสสูตรพิเศษหนุบหนับ และพิซซ่าหน้า PROSCIUTTO fresh mozzarella + san marzano tomato prosciutto ก็คือต้องห้ามพลาด จุดเด่นอยู่ที่แป้งพิซซ่าเขาหมักจากยีสต์สดเองถึง 48 ชม. กลิ่นหอมกรุ่นจากเตา แป้งนุ่มเหมือนขนมปัง sourdough เครื่องหน้าก็ให้มาแบบจุก ๆ ทั้งพาม่าแฮมที่เข้ากับชีสได้อย่าลงตัว อร่อยดีงามลงตัวจนตอนนี้ได้เข้ามายืนหนึ่งในดวงใจเราไปแล้ว

06 Patong Beach – Kalim Beach

เติมพลังกายเป็นที่เรียบร้อยเราก็ขอแวะมาเติมพลังใจกันอีกสักหน่อยกับ หาดป่าตอง เดสติเนชั่นขวัญใจของนักเดินทางทั่วโลก หาดหนึ่งของภูเก็ตที่เพียงแค่ก้าวเข้ามาก้าวแรกเราก็จะได้เจอกับถนนสีสันสวยสดใสเป็นสีรุ้ง จนอดอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ แล้วเมื่อขับเรียบหาดไปเรื่อย ๆ รอยยิ้มของเราก็กว้างยิ่งขึ้น และเข้าใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ต่างก็หลงใหลชายหาดของป่าตอง เพราะนอกจากหาดทรายจะกว้างขวางละมุนเท้าแล้ว น้ำทะเลยามคลื่นลมสงบ ก็สวยสดใสเป็นสีเทอร์ควอยซ์ สว่างเจิดจ้ารับกับแสงแดดพราวระยิบระยับ เจอแบบนี้เข้าไปหัวใจของใครจะไม่เต้นระรัวด้วยความสุขบ้างล่ะ

แม้ว่าที่นี่จะมีกิจกรรมทางน้ำให้ได้ลองทำมากมายอย่างแล่นเรือใบ หรือว่ายน้ำ แต่สำหรับสายชิวอย่างเรา แค่ได้ปูผ้าซักผืน หยิบหนังสือมาอ่านสักเล่ม สั่งน้ำผลไม้สดปั่นสักแก้วมาดื่ม หามุมสวย ๆ ถ่ายรูปสัก 1 ช็อต แล้วนั่งมองน้ำ มองฟ้า มองคนเดินผ่านไปมา ก็ถือเป็นการเที่ยวหาดป่าตองที่น่าจดจำมาก ๆ แล้ว

ขับลัดเลาะไปเรื่อย ๆ แบบชิว ๆ จากหาดป่าตองถึงช่วง หาดกะหลิม เราจะเจอมุมลับบนเนินโค้ง ที่มีต้นมะพร้าวสูงใหญ่ขึ้นเรียงรายอยู่ริมทาง ติดทะเล ให้เราได้ลงไปแวะถ่ายรูปเก็บภาพมุมสวยแปลกตาจากมุมอื่น ๆ ทั่วไปของภูเก็ต

วันกว่า ๆ ผ่านไปกับเพื่อนคู่ใจอย่าง Lambretta V200 Special เราก็บอกได้เลยว่า สกู๊ตเตอร์คันนี้ตอบโจทย์สำหรับคนชอบขี่รถเที่ยวจริง ๆ เพราะระบบเครื่องยนต์ ระบบเบรค ดีงาม ทำให้ขับง่าย ขึ้นลงเขาก็ยังสบาย แถมมีรูปลักษณ์สไตล์เรโทรสวยโดดเด่น จะถ่ายรูปกับตึกเก่า หรือเอามาถ่ายกลางแจ้งริมทะเล ให้ได้ฟีลบีชบอยเท่ ๆ ก็โดดเด่นสะดุดตาจริง ๆ

07 Windmill Viewpoint

ปิดท้ายทริปให้คอมพลีท ด้วยการมาชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ Windmill Viewpoint จุดชมวิวกังหันลมที่สวยสุดปัง ยืนรับลมจากตรงนี้เราสามารถมองเห็นโค้งอ่าวแหลมกระทิง เกาะกลางทะเล และเรือยอร์ชหรูหราน้ยใหญ่หลายลำได้แบบสบายตาสบายใจ พอหันกลับไปอีกฝั่งก็จะเห็นกังหันขาว ๆ กำลังหมุนอย่างน่ารักยืนโต้ลมรับแดดดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนเราด้วย

ขับมาทั้งวัน ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความดีงามของตะแกรงหลังสำหรับวางสัมภาระ ของเจ้า Lambretta V200 Special เพราะนอกจากจะติดตั้งง่าย รองรับน้ำหนักได้ดีแล้ว ดีไซน์ก็ยังช่วยส่งเสริมลุควินเทจให้มีสไตล์มากยิ่งขึ้น ถือเป็นตัวช่วยเพิ่มฟังก์ชันให้รถเราทำงานได้หลากหลาย

มาภูเก็ตทีไรมันก็ดีต่อใจทุกที ช่วงนี้เริ่มเป็นไฮซีซั่นของทะเลแล้วเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังหาที่ไป ก็ปักหมุดมาลงที่ภูเก็ตได้เลย ขอเพียงมีเพื่อนร่วมทางดี ๆ เหมือนที่เรามี Lambretta V200 Special นี้ก็พอ จะขับขี่ขึ้นเขา ยิงยาวทางราบ ขับก็สะดวก จอดก็สบาย วันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ก็ผ่านไปอย่างคุ้มค่าคุ้มเวลา มาเที่ยวกันเถอะ แล้วเพื่อน ๆ จะรู้ว่าภูเก็ตยังมีอะไรเด็ดให้ตามเก็บอีกเพียบ