รีวิวเกาหลีใต้ :: Seoul City Guide 2022 with vivo V25 5G 🇰🇷

ได้เวลาไปตามหาแรงบันดาลใจ รีฟิลความครีเอทให้กับสมองที่ เกาหลีใต้ หนึ่งประเทศแห่งแพชชั่นในภูมิภาคเอเชียกันแล้ว!!

โดยทริปนี้ … เราตั้งใจบินลัดฟ้าแลนด์ดิ้งคูล ๆ สู่กรุง SEOUL อีกเมืองที่มีความเจริญหูเจริญตาด้วยศิลปะอย่างก้าวกระโดด เหมาะแต่งตัวคุมโทนแบบจัดเต็ม เพื่อไปร่วมเฟรมกับอาคารฟอร์มเท่จากสถาปนิกระดับโลก ชมนิทรรศการคอนเซปต์เก๋ แวะเช็คอินคาเฟ่ที่คัดมาชิคเก๋ระดับมาสเตอร์พีซ แวะชมสถานที่ประวัติศาสตร์พอหอมปากหอมคอ แล้วไปกันต่อที่สตรีทฟู้ดที่ทำให้เราอุทาน “ชินจ่ะ มาชิซอโย” ได้อย่างไม่หยุดหย่อน แน่นอนแพลนเที่ยวจุก ๆ แบบจุใจอย่างนี้ ก็ขอเดินตัวปลิวเก็บโมเม้นต์ดี ๆ ด้วย vivo V25 5G สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่สามารถบันทึกภาพความประทับใจทั้งกลางวันกลางคืนได้สวยไร้ที่ติ จะดีงามตามแบบฉบับอัพเดท เที่ยวโซลปี 2022 แค่ไหนก็ลองเลื่อนลงมาชมพร้อม ๆ กันได้เลย

ก่อนจะไปเริ่มพิกัดแรก ทางเราขออนุญาตอินโทรรูปลักษณ์ของน้อง vivo V25 5G ก่อนเลย ประทับใจแรกกับสี Diamond Black สีดำประกายระยิบระยับประหนึ่งเพชรเม็ดงาม จะพกไปเที่ยวก็เท่ หรือจะถือออกงานก็ดูหรูหรา ประทับใจต่อมาคือกล้องมีให้ถึง 4 ตัว กล้องหลัก OIS Ultra-Sensing 64MP (f/1.79) กล้อง Super Wide-Angle 8MP (f/2.2) เก็บกว้างได้ถึง 120 องศา กล้อง Super Macro และกล้องหน้าความละเอียด 50 MP มาพร้อมกับ eye auto focus อัดมาให้เยอะขนาดนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สภาพแสงแบบไหน ก็ถ่ายรูปได้ตอบโจทย์อย่างแน่นอน

01 Théâtre des Lumières

อ่านเป็นไทยด้วย accent ฝรั่งเศสว่า ‘เธียเตอร์ เด ลูมิแยร์’ พิกัดนี้ตั้งอยู่ภายในโรงแรมวอล์คเกอร์ฮิล สถานที่จัดนิทรรศการงานศิลปะและวัฒนธรรม เปิดมายาวนานกว่า 50 ปี บนพื้นที่กว้างกว่าสามพันตารางเมตร โดยครั้งนี้เราตั้งใจมาชมงาน ‘Gustav Klimt, Gold in Motion’ การนำผลงานชิ้นเอกที่ทำจากทองคำเปลวและสีทองอร่ามส่องประกายของกุสตาฟ ศิลปินชื่อดังสมัยปลายศตวรรษที่ 19 กลับมาโลดแล่นอย่างมีชั้นเชิง ผ่านการฉายด้วย HD Projectors ฉาบบนผนังในห้องโถงใหญ่อันมืดสนิท ประกอบเสียง และวิดีโอระบบ 3D Sound พร้อมเทคโนโลยีอีกมากมายที่ช่วยให้ทุกอย่างลงตัว สวยจนเรากรี๊ดทุกครั้งที่ปราดตามอง ยืนตรงไหนก็ถ่ายรูปได้เลิศ ๆ

นอกจากผลงานเด่น ๆ อย่าง The Kiss, Judith ของกุสตาฟแล้ว เขายังมีงานมีเดียอาร์ตที่น่าสนใจอีกมากมาย อย่างของ Yves Klein ศิลปินผู้มีสีน้ำเงินอัลตรามารีนเป็นลิขสิทธิ์ในการทำงานศิลปะเป็นของตัวเอง, งาน Verse จาก Thomas Vans และงานสมัยใหม่อันหนักแน่นจาก SpectreLab เป็นต้น โดยทั้งหมดที่กล่าวมาเค้าจะฉายวนรอบ รอบล่ะประมาณ 1 ชั่วโมง โดยค่าเข้าชมอยู่ที่ 29,000 วอน งานนี้จัดยาว ๆ จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2566 ใครกำลังแพลนมาเที่ยวโซล จดที่นี่ลงลิสต์ได้เลย เป็นอีกงานแจ่ม ๆ ที่คุ้มค่า คุณภาพคับจอแน่นอน

และแน่นอนไม่ว่าเธียเตอร์แห่งนี้จะมืดสนิทขนาดไหน เราก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศมาฝากทุกคนได้อย่างสวยงามด้วย Super Night mode ของ vivo V25 5G ที่ถ่ายออกมาได้คมกริบ แตกทุกเฉดสีได้ตรงตามจริง จะโพสต์รูปจากกล้องเรียล ๆ โนฟิลเตอร์ก็เลอค่า หรือจะลองเอาไปปรับแสง ทำโทนเป็นของตัวเองก็ได้ภาพที่ชัดเจนไม่เสียรายละเอียด สำหรับคนที่ชอบเดินดูงานในแกลเลอรี ชมแสงไฟยามค่ำคืนแบบเรา น้องรุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นชอยซ์ที่ดีงามจริง ๆ ที่ต้องมีคู่กาย

02 Dongdaemun History & Culture Park

ออกมารับอากาศเย็น ๆ ใต้ผืนฟ้าอันสดใสกันต่อที่อุทยานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทงแดมุน แวบแรก!!! เรารู้สึกแปลกตากับตัวอาคารที่แสนโมเดิร์นแตกต่างจากที่เราจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง อาคาร ddp นี้เป็นผลงานชิ้นเอกของ Zaha Hadid นักออกแบบชาวอังกฤษ-อิรัก ตัวแม่แห่งวงการสถาปัตย์ เป็นสถาปนิกหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัล Pritzker Architecture Prize โดดเด่นด้วยสไตล์ neofuturist ล้ำยุคหน่อย ๆ เน้นความอ่อนช้อยด้วยเส้นโค้งอันเป็นเอกลักษณ์ ทำเอาคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ออกอาการเนื้อเต้น อยากเข้าไปชมนิทรรศการภายในใจจะขาดแล้ว

ที่อุทยานมาตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ เป็นเพราะพื้นที่ตรงนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโชชอนถึงช่วงการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่น และเพิ่งเปลี่ยนเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2014 นี่เอง ภายในเขาแบ่งเป็นสัดส่วน มีทั้งพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ อนุสรณ์สถานสนามกีฬาทงแดมุน แกลเลอรีจัดแสดงผลงานหมุนเวียน ร้านค้า ร้านอาหาร มุมถ่ายรูปอินดอร์เอาท์ดอร์อีกเพียบ! เตือนเลยว่า เตรียมบริหารน่องมาให้ดี ๆ เพราะทางนี้เดินขาแทบแตก

03 Yeouido Hangang Park  

It’s time for Picnic!! โลนี้ขอเอาใจวัยรุ่นวัยใสผู้เสพติดบรรยากาศอันคึกครื้นไปด้วยผู้คน ชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวง ด้วยการซื้อของกิน จัดพร็อพมานั่งปิกนิกกันที่สวนสาธารณะยออีโดฮันกัง สวนขนาดใหญ่ที่ตั้งเลียบแม่น้ำกังเป็นเส้นยาวกว่า 8.4 กิโลเมตร เป็นพื้นที่กว้างในเมืองหลวงที่สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล มีงานประจำปีอันยิ่งใหญ่อย่างงานดอกไม้ไฟนานาชาติ เทศกาลชมดอกซากุระ ชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือจะเช่าจักรยานไปตามจุดเช็คอินต่าง ๆ ก็ทำได้ตลอดทั้งปี 

เจอบรรยากาศชิล ๆ แบบนี้ เราก็ไม่รอช้า รีบจัดวางของว่าง ขนม เครื่องดื่มที่เตรียมมาอย่างสวยงาม นั่งเนียนเป็นออนนี่ โอปป้ากรุงโซลกันสักกรุบ จากที่มอง ๆ ก็เห็นผู้คนทั้งพนักงานออฟฟิศ แม่บ้าน เด็กนักเรียน นักท่องเที่ยวมากมายมานั่งอ้อยอิ่ง ปล่อยเวลาผ่านไปพร้อมสายน้ำและลมเอื่อย เหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งการพักผ่อนไปพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ให้ผู้คนได้มาปลดปล่อยพลังและความเครียดออกจากร่างกาย พร้อมเพลิดเพลินกับธรรมชาติท่ามกลางเมืองใหญ่ที่ดีจริง ๆ 

04 Protokoll Roaster

จากที่ได้ไถฟีดดูเทรนด์คาเฟ่เกาหลีตอนนี้ ทางเราก็สรุปได้ว่าเขานิยมทำเป็น co-working space กันเยอะมาก และจากร้านสไตลน์นี้มากมายที่กระจายอยู่ทั่วโซล มงก็มาลงที่ Protokoll Roasters คาเฟ่ธีมเท่บนชั้นสองของอาคารทรงเรียบ เดินมาจะเจอกรอบรูปใหญ่ยักษ์ เป็นป้ายร้านรอต้อนรับเราแบบตะโกน นางร่ายมนต์ดึงดูดเราด้วยความดิบเท่ คุมโทนสีขาวดำ ตกแต่งด้วยวัสดุไม้เพิ่มบรรยากาศอบอุ่นและดูไม่ตึงเครียดจนเกินไป มีกระจกบานใหญ่เผยให้เห็นแมกไม้ด้านนอก พร้อมแสงธรรมชาติที่ฉาบทำมุมอย่างสวยงาม เฟอร์นิเจอร์เน้นความเรียบเป็นระเบียบ เดินขึ้นมา เราจะเห็นภาพคนเกาหลีมาทำงานกันอย่างจริงจัง มีกลิ่นกาแฟหอมเตะจมูกเคล้ากับเพลงเพราะ ๆ เป็นสเปซที่ใช้ร่วมกัน แต่กลับมีความเป็นส่วนตัวอย่างน่าประหลาด

เรื่องกาแฟของที่นี่คือจริงจังไม่แพ้ที่ไหนเลย เพราะเขามีห้องคั่วเป็นของตัวเอง มีทั้งเบลนด์เฉพาะของทางร้าน, เมล็ด Ethiopia, Colombia, El Salvador, Kenya เด็ดกว่ากาแฟก็คือบาริสต้านี่ล่ะ ลุคดี แต่งตัวเนี๊ยบเน้นสีดำประจำร้าน มาดการชงก็เท่จนอยากกลับไปเลียนแบบ การชงมีให้เลือกทั้งแบบแมชชีนและดริป ซึ่งบอดี้ตัวซิกเนเจอร์จะออกเข้มนิด ๆ กำลังดีสำหรับเรา ส่วนขนมจะมีไม่กี่อย่าง เช่น สโคน แซนด์วิช ลองนั่งเนียนเป็นวัยรุ่นเกาหลี หยิบหนังสือที่เขามีมาเปิดอ่าน มันก็ชิลดีเหมือนกันนะ

05 T(ER)T(RE)

คาเฟ่ยอดฮิตที่นอกจากจะขายกาแฟรสชาติดีแล้ว เขายังเสิร์ฟวิวเมืองหลักล้านให้เราดื่มด่ำกับบรรยากาศกรุงโซลได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ร้าน T(ER)T(RE) เป็นคาเฟ่ธีมสีฟ้าในอาคาร 4 ชั้น  ชั้นล่างจะเป็นโซนเคาน์เตอร์กาแฟรับออเดอร์ ชั้น 2 เป็นโซนที่นั่ง หันหน้าออกหน้าต่างรับวิวเมืองผ่านกระจกบานใหญ่ เช่นเดียวกับชั้น 3 แต่จะได้วิวที่สูงกว่าและที่นั่งเป็นแบบม้านั่งยาว มีความโล่งโปร่งกว่าเล็กน้อย และชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้ารับลมแบบ 360 องศา วางเก้าอี้ทรงเก๋เหมือนงานอาร์ต จากมุมนี เราจะมองเห็นแลนด์มาร์กใหญ่ ๆ ของเมืองทั้ง Namsan Seoul Tower, ddp, Changsin-dong ฯลฯ โดยทางร้านเปิดให้บริการตั้งแต่ 11:30-22:00 น. จึงสามารถชมวิวได้ทั้งตอนกลางวันฟีลสดใส และยามค่ำคืนแสนโรแมนติก

เรื่องของเมนูบอกเลยว่ามีเครื่องดื่มให้เลือกเยอะมากทั้งกาแฟ ชา และแบบมีแอลผสม ส่วนขนมจะเป็นพวกครัวซองต์ บราวนี่ ขนมอบต่าง ๆ ไม่กี่อย่าง เราลองสั่ง MARMALADE POUND เค้กปอนด์ทรงกระบอกเนื้อสีน้ำเงินเข้ม โปะด้านบนด้วยครีมสีขาว เมื่อผ่าออกมาจะเจอแยมรสส้มสีฟ้าไหลย้อยออกมา เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร และ LOTUS ANG BUTTER ขนมบิสกิตโลตัสในตำนานที่สอดไส้กับเนยชั้นดีรสนัวและโยกัง วุ้นถั่วแดงหนึบ ๆ มีความหวานหอม เท็กเจอร์กรุบกรอบ เข้ากันดีกับ Black Latte ที่เสิร์ฟแยกนมและกาแฟให้มิกซ์ดื่มเอง ชุดนึงให้มาสามชิ้น บอกเลยว่าอิ่มจุกไปพร้อมกับความฟิน

06 Nudake

บอกเลยว่าร้านนี้เป็นคาเฟ่ที่ก้าวไปอีกสเต็ปของคอนเซปต์คาเฟ่เกาหลี เป็นร้านที่เกินคาดทุกอย่าง ทำเราตกตะลึงได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าร้าน แม้ด้านนอกจะดูเรียบง่ายเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวครีม เพ้นท์สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงอันใหญ่อยู่บนผนัง พร้อมช่องประตูที่จะนำเราไปอีกโลกแห่งจินตนาการ เมื่อเปิดเข้าไปด้านใน เราเห็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างลึกแบบไร้เสากั้น เหมือนโถงแกลเลอรีขนาดกลาง มีโต๊ะกลมตัวใหญ่วางอยู่กลางร้าน 3 ตัว จัดวางงานประติมากรรมอยู่เต็มไปหมด พอเข้าไปดูใกล้ ๆ แทบกรี๊ด!! เพราะที่เห็นนี้คือขนมของทางร้านที่ให้เรามาจิ้มเลือก ด้วยคอนเซปต์ ‘Make New Fantasy! Cake of your dreams’ บอกเลยว่าแฟนตาซีจริ๊ง แถมเขายังมีอีกหลายสาขาด้วย

คาเฟ่สุดว้าวจัดเสิร์ฟไม่เหมือนใครนี้ ถือเป็นอีกมิติของงานด้านอาหาร ที่ผสมผสานงานอาร์ตให้กลายเป็นขนมได้ดีจนน่าพิศวง เลือกไม่ถูกว่าจะลิ้มลองผลงานศิลปะชิ้นไหนดี เลยเลือกที่เป็นซิกเนเจอร์และหน้าตาถูกโฉลกกับเรามากที่สุด คือ PEAK ขนมสีดำตัดเขียว ด้านในเป็นมัจฉะเนื้อครีมเข้มข้น ล้อมรอบด้วยแป้งครัวซองต์หนานุ่นกินคู่กันลงตัว และ CAULI SMALL เค้กแครอทเนื้อครีมชีสที่แปะดอกกะหล่ำของจริงบนทั่วทั้งก้อน เสียบด้านบนให้สวยเก๋ด้วยหน่อไม้ฝรั่ง พอลองกินตัดสลับกันดูก็ได้รสชาติที่แปลกใหม่ แบบไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน และคงมีแค่ที่นี่ที่เดียว

07 Anyang Art Park

นั่งรถไฟออกจากโซลมายังเมืองอันยางสักนิดสักหน่อย เพื่อมาเดินชมสวนศิลปะสุดป๊อปที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาล้อมรอบด้วยธรรมชาติ หลายคนคงเคยเห็นตามหน้าฟีดโซเชียลอยู่บ่อย ๆ แต่บอกเลยว่าเป็นอีกที่ที่ต้องมาเยี่ยมชมเองสักครั้งจริง ๆ โดยเฉพาะเหล่าอาร์ตฮอปเปอร์ เพราะเขามีจัดงานศิลปะทั้งด้านสถาปัตยกรรมและประติมากรรมจากนักออกแบบชื่อดังทั่วโลกให้ชมกว่า 50 ชิ้นกระจายตามจุดต่าง ๆ และนอกจากจุดถ่ายภาพเด็ด ๆ ที่เราเอามาฝาก เขายังมีคาเฟ่คิ้วท์ ๆ ให้เราเลือกนั่งซึมซับความกรีนเคล้าศิลปะได้อย่างเต็มที่ ได้ทั้งอิ่มท้อง อิ่มตา และอิ่มอกอิ่มใจไปตาม ๆ กัน

อย่างที่บอกว่าเขามีสปอตถ่ายรูปที่เป็นไฮไลต์อยู่มากมาย แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือ Linear Building Up in the Trees อุโมงค์กระจกสีฟ้าเห็นเงาไม้สีเขียวฟุ้งอยู่ด้านนอกพร้อมแสงธรรมชาติที่สาดส่องทั่วทุกอณู ผ่านโครงเหล็กที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงและอ่อนช้อยในเวลาเดียวกัน ด้วยรูปทรงที่โค้งคดไปตามทางเดิน เชื่อมไปยังลานกิจกรรมด้านนอกที่เป็นพื้นไม้ฟอร์มเก๋ ยกพื้นต่างระดับล้อมเป็นวงกลม ให้เราไปนั่งเล่นนั่งชิลได้สบาย ๆ 

อีกจุดที่ชอบมาก ๆ คือ Dimensional Mirror Labyrinth เขาวงกตทำจากสแตนเลส 115 ชิ้น ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนธรรมชาติโดยรอบจนกลายเป็นศิลปะสุดคูล เจอความเขียวกับแสงสวย ๆ ที่ลอดผ่านต้นไม้มาแบบนี้ ต้องขอปัดนิ้วไปที่ Portrit Mode ละลายหลังสักหน่อย ด้วยรูรับแสงที่กว้างถึง f/0.95 พร้อมโบเก้เก๋ ๆ ให้เลือกทั้งวุ้นกลม หัวใจ ผีเสื้อ ฯลฯ ทำให้การถ่ายภาพบุคคลไม่จำเจ แถมการปรับสกินโทนยังเนียนกริบเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์คนชอบถ่ายภาพละลายหลังมากเวอร์

08 Myeongdong

เอาล่ะค่ะคุณผู้ชม หลังจากนี้ … เราขอสวมวิญญาณนักชิม นักช้อปให้สมกับที่รอคอย หลังปาดน้ำลายตอนดูนางเอกในซีรีส์กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ทุกค่ำคืนในทริปนี้ เรามาฝากท้องกันที่ย่านเมียงดง แหล่งช้อปปิ้งและแหล่งรวมสตรีทฟู้ดใจกลางเมืองอันโด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง ถ้าพูดถึงห้างดัง ๆ ที่ไม่ควรพลาดก็คือ Lotte, Shinsegae พร้อมเส้นถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดัง ทั้งเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ แซมกับอาหารริมทางขึ้นชื่ออย่าง ต๊อกบกกี เครันปัง ออมมุ ทวิกิม คิมบับ และอีกมากมาย เอาเป็นว่า มาที่เดียวได้ทั้งกิน ช้อป กลับบ้านพร้อมของฝากแน่นอน

ลองเปลี่ยนถ่ายภาพอินดอร์ฟีลแกลเลอรีในที่แสงน้อย ออกมาถ่ายด้านนอกช่วงกลางคืนดูบ้าง ก็ต้องบอกว่าน้องยังคงสร้างความประทับจิตให้เราอย่างต่อเนื่อง จะชัดทั้งภาพหรือละลายหลังก็ได้มู้ดภาพที่เลอค่ามาก ๆ แถมมีฟีเจอร์ลูกเล่นมากมายให้เลือกใช้ จนได้ภาพถ่ายไม่ซ้ำไม่น่าเบื่อ และอีกอย่างสำหรับ Portrait Mode ในเวลากลางคืนก็ปรับเลือกโบเก้ได้เหมือนกันนะ ว้าวขนาดนี้ต้องมีติดตัวกันสักเครื่องแล้วล่ะ

และที่ขาดไม่ได้เลยคือ กล้องหน้าที่มาพร้อมความละเอียด 50 MP คมชัดทุกท่วงท่าด้วยออโต้โฟกัสความไวแสง และ AI ช่วยปรับโครงหน้า เกลี่ยผิวให้ผ่องใสเป็นธรรมชาติ แถมยังมีโหมด beauty ช่วยเพิ่มสีแก้มสีปากเพิ่มความมั่นใจให้สาว ๆ ได้ถ่ายรูปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเสียเวลาเติมหน้า อยากถ่ายแบบธรรมดาหรือ portrait ก็เก็บรายละเอียดได้ครบทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย

09 Gyeongbokgung Palace

โลเคชั่นสุดท้าย ขอพาทุกคนย้อนรอยไปในยุคราชวงศ์โชซอน ถ้าเทียบกับกรุงเทพก็เป็นเหมือนวัดพระแก้วของบ้านเรานี่เอง พระราชวังเคียงบกกุงแห่งนี้ คือวังหลวงเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในกรุงโซล สร้างมานานถึง 628 ปีแล้ว อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เล่าถึงรากเหง้าความเป็นมาของเกาหลีใต้ได้อย่างดี โดยราชวังแห่งนี้ เดิมมีตำหนักมากกว่าสองร้อยหลัง แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นเข้ามาล่าอาณานิคมจึงโดนเผาทำลายจนเหลือเพียง 10 หลังเท่านั้น แม้ว่าจะตั้งอยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ยังมีมุมทิวเขาเป็นฉากหลัง โดยเฉพาะมุมภูเขาบูกักซาน ที่ขับให้พระราชวังดูสวยงามยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ขัดกับด้านนอกกำแพงที่เต็มไปด้วยตึกสูงและความจอแจ เห็นถึงความคอนทราสต์ระหว่างยุคสมัยอย่างชัดเจน เพราะในนี้ ตัดขาดจากความจอแจจากโลกภายนอก 

นอกจากพระที่นั่งคึนจองวอน พระที่นั่งหลักหลังใหญ่สุดแล้ว ก็มีศาลาคยองฮวีรู ศาลาขนาดใหญ่สำหรับจัดงานเลี้ยงตั้งอยู่กลางน้ำ และที่ชอบสุด ๆ เลยคือศาลาฮยาวอนจอง ศาลาทรงหกเหลี่ยมแสนสวยที่ฉลุลายเกาหลีดั้งเดิมอย่างวิจิตรทั้งหลัง ด้านหน้าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในยุคโชซอน แม้จะเที่ยวช่วงบ่ายเจอแดดจ้า ทางเราก็ไม่หวั่น เพราะกล้องของเราสามารถปรับ Shadow และ Highlight ได้อย่างชาญฉลาด เกลี่ยสวยดีเทลไม่เสีย จะโดนแดดแยงมาทางไหนก็ไม่หวั่น เรื่องรูปไว้ใจ vivo V25 5G ได้เลย แต่ที่ต้องระวังก็คือ อย่าลืมทาครีมกันแดดกันมาด้วยนะ แดดแรงแบบสุดปังม๊ากก

ถ้าให้บอกเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อกล้องจากสมาร์ทโฟน vivo V25 5G ก็ต้องบอกว่าครบตอบโจทย์คนรักการเดินทางอย่างเรามากจริง ๆ ทั้งเรื่องฟีเจอร์ ระยะเลนส์ ระบบ AI เรียกว่าอำนวยความสะดวกได้ทุกมุมมอง และตัวเครื่องยังพกพาง่ายด้วยน้ำหนักเพียง 186 กรัม (เบามาก) ความบาง 7.79 มม. (บางเว่อร์) จับถนัดมือ แถมแบตเตอรี่ชาร์จ 44 w คุณพระ!!! ชาร์จไวจนน่าตกใจ นอกจากสีดำแล้ว ยังมีฝาหลังสีทอง Sunrise Gold สดใสดั่งพระอาทิตย์ยามเช้าที่น้องจะเปลี่ยนสีเข้มขึ้นเป็นสีส้มเหมือนพระอาทิตย์ตก เมื่อเปลี่ยนองศาแสงตกกระทบ สร้างความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทั้งหมดนี้ vivo เขาจัดมาให้ในราคาน่ารักน่าหยิกเริ่มต้นที่ 13,999 บาท (รุ่น 8+128) และ 14,999 (รุ่น 8+256) หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vivo.com/th/products/v25

จบทริปเกาหลีเกาใจกับเก้าโลเคชั่น ที่ทำให้เรารู้ว่าหลังโควิดเกาหลีเขาพัฒนางานด้านศิลปะได้แบบก้าวกระโดดมาก ๆ ยิ่งได้กลับมาสัมผัสกลิ่นอายความคึกคัก เดินช้อปปิ้ง กินอาหารอร่อย ๆ ในย่านที่แสนคิดถึงก็ยิ่งตื้นตัน แถมคาเฟ่ธีมดีจัดเสิร์ฟขนมจานสวยก็มีให้เลือกแบบไม่หวาดไม่ไหว ถ้าเพื่อน ๆ มีพิกัดอะไรที่อยากแนะนำก็แอบกระซิบบอกกันได้นะ เดี๋ยวเจออะไรดี ๆ อีก เราจะมาเล่าสู่กันฟังอย่างแน่นอน