รีวิวมาเก๊า :: The BEST Macao Itinerary and Things to Do in 2023

เตรียมขยี้ตาให้ดี เพราะทั้ง 22 โลเคชั่นต่อจากนี้ คือความคอนทราสต์อันแสนลงตัว กับแพลนเที่ยว #มาเก๊า 3 วัน 2 คืน ฉบับอัพเดท 2023

ทริปนี้ชายไทยหน้าตี๋อย่างเราขอพาทุกคนบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปย้อนรอยความเก๋าที่ไม่เคยเก่าของ Macao เมืองสุดชิค ประวัติยาวนาน ผสมผสานสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมเก่าแก่ระหว่างจีนกับโปรตุกีสจนกลายเป็นแหล่งอนุรักษ์ทรงคุณค่าที่ได้ขึ้นทะเทียนมรดกโลกมากถึง 20 แห่ง แน่นอนว่านอกจากลัดเลาะลอดเสาโรมันสู่หอนาฬิกาบิกเบน ชิมทาร์ตไข่ใกล้หอไอเฟล เก็บแลนด์มาร์คฮอตฮิตที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนมาเก๊าแบบทุกครั้งแล้ว เราจะมาอัพเดทมุมชิคที่ต้องแชะ ตะลุยกินอาหารคาวหวานจานฮิตให้เพลินพุง เอาให้เต็มอิ่มในทุกด้าน ได้ภาพถ่ายที่ไม่รู้ต้องลงอีกกี่เดือนถึงจะหมด

ไปจ้าาา!!! ออกไปรับความสุขสันต์ หรรษา เฮฮาแบบครบเครื่อง ที่มาเก๊าพร้อมเก๊ากันได้เลย

หากแอร์เอเชียบินถึงไหน เราก็ไปถึงนั่น และยิ่งเป็นสายการบินโลว์คอสต์เจ้าเดียวที่บินตรง กรุงเทพฯ – มาเก๊า แน่นอนว่าทางเราไม่พลาด!!!! สำหรับเส้นทางนี้เค้าจะมีเวลาให้เลือกวันละ 2 เที่ยวบิน จะบินเช้าตรู่ถึงสาย ๆ เที่ยวได้กรุบ ๆ หรือจะบินค่ำไปนอนเอาแรงสักคืนก็เอื้อกับคนทำงาน ไม่ต้องลาวันศุกร์ สะดวกช่วงไหนจัดไปโล๊ดดดด แต่ใด ๆ คือต้องไม่ลืมกดจองแพ็คสุดคุ้ม!! ที่คุ้มจริง คุ้มจัง เพราะได้ทั้งน้ำหนักโหลดกระเป๋า 20 กิโลกรัม เดินขึ้นเครื่องไปนั่งไขว่ห้างเก๋ ๆ บนที่นั่งที่เราเลือกเอง รอรับประทานอาหารให้อิ่มหนำ ไม่ต้องเสียเวลาหามื้อเช้าอีกรอบ จิบน้ำดับกระหายแล้วงีบสักนิด ไม่ถึงสามชั่วโมง เครื่องก็โค้งคำนับสู่สนามบินมาเก๊า หยิบกระเป๋าเริงร่าต่อได้ทันที เที่ยวสนุกสบายกระเป๋าตังค์แบบสุด ไอเลิฟ!!!!!!

Day1

01 Municipal Affairs Bureau

ลากกระเป๋าเข้าที่พัก แล้วเราก็ออกมาตามหาจุดเช็คอินแรกกันที่ Municipal Affairs Bureau หรือเรียกกันอีกชื่อว่าตึก IAM อาคารสีขาวสไตล์นีโอคลาสสิก ที่สร้างมานานกว่า 239 ปีแล้ว และได้รับการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่เมื่อปี 1940 ที่นี่ถูกเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนบทบาทมามากมาย ตั้งแต่เป็นสภาเทศบาลแห่งแรก พิพิธภัณฑ์ ไปรษณีย์ อนามัย ฯลฯ ภายในมีทั้งห้องประชุม โบสถ์เล็ก ๆ เชื่อมติดกัน และห้องสมุดที่ถอดแบบ ห้องสมุดในปราสาท Convent of Mafra ของโปรตุเกส ส่วนด้านนอกก็จะเป็นสวนสวยสไตล์โปรตุเกส ให้เราไปเดินโฉบ ทำตัวเท่ โพสท่าเผลอ ได้ภาพฟีลวินเทจกันด้วย

จุดเด่นที่เราจะเห็นไปตลอดทริป คือ กระเบื้องเคลือบลายโปรตุเกสอันมีเอกลักษณ์ สำหรับตึก IAM จะเป็นสีน้ำเงินขาวออริจินัลเลย ติดอยู่ตรงโถงบันไดหิน มีเสาไฟทรงคลาสสิก และแสงธรรมชาติที่สาดส่อง ดูน่าเกรงขาม หากสังเกตดี ๆ จะมีหินแกะสลักโบราณติดอยู่บนผนัง เป็นภาพของพระแม่มารีย์พร้อมเหล่าบริวาร ย้ายมาจากโบสถ์  Holy House of Mercy ที่ถูกทุบทำลายเมื่อ 140 ปีก่อน ถือเป็นศิลปะหินแกะสลักที่อ่อนช้อยที่ใครมาจะต้องแวะชม บอกเลยว่าแค่โลแรก เราก็กดชัตเตอร์จนกล้องต้องร้องขอชีวิตแล้ว

02 Senado Square  (จัตุรัสเซนาโด)

เดินข้ามถนนมาปุ๊บ ก็พร้อมโพสท่าเซตสองที่ Senado Square หนึ่งในมรดกโลกของมาเก๊า ศูนย์กลางเมืองที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ถือเป็น 1 ใน 4 จัสตุรัสที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของมาเก๊า ใช้จัดงานสำคัญ ๆ ของเมืองตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน ห้อมล้อมด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก สีพาสเทล เดินมองชมดีเทลได้เพลิน ๆ ตั้งแต่ทางเดินที่สร้างแบบโปรตุเกสดั้งเดิม มีน้ำพุขนาดใหญ่ประดับด้วย celestial globe สัญลักษณ์ที่นักเดินเรือใช้ แม้เราจะหน้าตี๋หน้าหมวยขนาดไหนก็สามารถมาถ่ายรูปฟีลยุโรปได้ที่นี่ 

03 Ruins of St. Paul’s (ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล)

ลัดเลาะชมความคลาสสิกจนมายืนประจันหน้ากับแลนด์มาร์กที่เป็นหน้าตาของมาเก๊า ชนิดที่ถ้าไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึง Ruins of St. Paul’s ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล รากเหง้าการตั้งถิ่นฐานของชาวโปรตุเกส นับจากวันแรกที่ลงเสาเข็ม ที่นี่ก็มีอายุมากกว่า 421 ปีแล้ว โดยในปี 1835 ตัวโบสถ์ได้ถูกเผาทำลาย หลงเหลือไว้เพียงบันไดทางขึ้น และประตูอันยิ่งใหญ่ที่เล่าถึงการขึ้นสู่สรวงสวรรค์ทั้ง 5 ชั้นของพระเยซู มีนกพิราบเป็นตัวแทนวิญญาณอันบริสุทธ์ที่ชั้นบนสุด พร้อมรูปแกะสลักพระแม่มารีย์ เทวดา นักบุญผู้ก่อตั้ง และคัมภีร์ไบเบิลไว้อย่างสวยงาม เป็นหลักฐานที่ทำให้เราจินตนาการได้ถึงตัวโบสถ์ ว่ามันจะอลังการสวยงามขนาดไหน เพราะเห็นแค่ประตูก็ตื่นตะลึงจนละสายตาไม่ได้

04  Love Lane

ห่างจากซากประตูโบสถ์เพียงไม่กี่ก้าว เราก็จะเจอกับตรอกอันหวานฉ่ำ Love Lane ที่แปลตรงตัวจากภาษาโปรตุเกส Travessa da Paixão ถนนแห่งความรักสายสั้น ๆ ความยาวประมาณ 50 เมตร มีความเงียบสงบเหมาะแก่การออกเดท อีกทั้งอาคารทั้งด้านหนึ่งยังทาด้วยสีชมพู ตัดกับประตูหน้าต่างสีเขียว คู่สีสุดคิวท์ อีกฝั่งเป็นอาคารสีเหลืองหวานแหวว เข้าคู่กับพื้นถนนที่ทำจากหินสุดคลาสสิก เห็นแล้วอยากจะโคฟเป็นโรมิโอ-จูเลียตให้รู้แล้วรู้รอด และอย่าลืมหันกลับไปเก็บภาพมุมเสยของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลกันด้วย ถือเป็นอีกมุมมหาชนที่เท่ไม่หยอกเลย

และล่าสุดฉบับอัพเดท 2023 ตอนนี้เขามีคาเฟ่สุดป๊อป % ΔRΔBICΔ สาขา Travessa Da Paixao มาเปิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยร้านตรงนี้จะเน้นสีขาวสะอาด ตกแต่งแบบมินิมอลขั้นสุด แถมมีกระเบื้องสีน้ำเงินอ่อน ๆ ลายโลโก้ร้าน แซมไปกับศิลปะแบบโปรตุเกส มีให้เลือกนั่ง 2 ชั้น หรือจะหยิบแก้วออกมาเป็นพร็อปถ่ายรูปเล่นด้านหน้าแบบเราก็ไม่ติด จากที่ย่านนี้เคยเป็นแค่ไอจีสปอต ตอนนี้ได้กลายเป็นย่านคาเฟ่ฮอปปิงด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแบบนี้ ไม่มาไม่ได้แล้วปะ?

05 Portuguese Street

อีกหนึ่งสปอตสำหรับเหล่าโฟโตกราฟเฟอร์สายอาร์ต กับอาร์ตยุคเก่าที่ทรงคุณค่าและยังมีความสมบูรณ์ผสานวอลล์อาร์ตแบบใหม่บริเวณ Portuguese Street หรือ Calcada do Amparo ตรอกเล็ก ๆ ฝั่งตรงข้าม Love Lane ที่สมัย 338 ปีก่อนเคยเป็นที่ตั้งศุลกากร จัดการเรื่องค้าขายกับต่างประเทศในสมัยราชวงศ์ชิง ก่อนจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในปี 2019 จุดเด่นของที่นี่คือผนังที่ติดกระเบื้องโบราณเอาไว้เป็นลายสวยงาม แซมกับสตีทอาร์ตเท่ ๆ ของศิลปินยุคปัจจุบัน ร้านรวงส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร แกลลอรี คาเฟ่ ที่ตกแต่งกันอย่างสร้างสรรค์ เปลี่ยนซอยเก่าอันคร่ำครึเป็นย่านถ่ายรูปสุดฮิป เปี่ยมมนต์ขลังน่าค้นหา ทำเราหลงอยู่ในนี้นานเป็นชั่วโมงเลย

ถ้าความน่ารักของญี่ปุ่นคือฝาท่อ ที่มาเก๊าเราขอยกให้เป็นฝาตู้ไฟริมถนนในย่าน Portuguese Street เห็นแล้วมันแช่มชื่นเบิกบาน โซคิวท์โซใจ แต่งแต้มซอกหลืบแคบให้ดูมีชีวิตชีวาจนอดอมยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์การ์ตูน สถานที่ท่องเที่ยว น้องแมวน้องหมา ทุกอย่างมันดูเข่ออ้ายจนเราเก็บภาพมาแทบจะครบทุกตู้เลย 

06 Guia Lighthouse

ปิดจบวันสุดท้ายก็ขอพาไปเก็บภาพมุมสูงจึ้ง ๆ ของมาเก๊าที่ Guia Lighthouse ประภาคารที่เชื่อมต่อกับอาคารสีขาวตัดขอบเหลืองโดดเด่นบนยอดเขา Guia จุดสูงสุดของคาบสมุทรมาเก๊า ห้อมล้อมด้วยป่าสีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ โดยอาคารนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 16 ปี ใช้เป็นทั้งโบสถ์และค่ายทหาร ต่อมาในปี 1865 ก็ค่อยสร้างประภาคาร ซึ่งถือเป็นประภาคารสมัยใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดในชายฝั่งทะเลจีน และเป็นอีกที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO อีกด้วย ซึ่งจากบนนี้เราจะได้ปะทะกับลมทะเลเย็น ๆ พร้อมวิวป่าคอนกรีต ตึกทรงแปลกตามากมาย ทอดยาวสู่ทะเลกว้างใหญ่ แถมยังได้ชมเรื่องราวทางศาสนา การทหารทและการเดินเรือของมาเก๊าอย่างใกล้ชิด 

Day2

07 Taipa Village (หมู่บ้านไทปา)

เช้านี้เราขอพาทุกคนไปเติมเต็มท้องให้อิ่มจุก เติมรูปในเมมโมรีให้อิ่มใจที่ Taipa Village หมู่บ้านเก่าแก่ที่ถูกอนุรักษ์วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมสไลต์โคโลเนียลสมัยถูกปกครองโดยโปรตุเกสเอาไว้ ทั้งหมู่บ้านจะถูกทาด้วยสีพาสเทล ทำให้ดูสดใหม่อยู่เสมอ จนเรียกว่าสดใสเกินเบอร์ น่ารักเกินต้านมาก ๆ เดินชมไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับสรีทอาร์ตแทบทุกแนว ทั้งเท่ ๆ ดาร์ก หวานกรุบ แซมกับร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้า เรียกว่าสะบัดกล้องไปทางไหน เดินหลงไปแห่งใดก็ได้รูปสวย ๆ ร้านรวงปัง ๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีแน่นอน

08 Cunha Street, Rua do Cunha (ถนนคูนา)

แม้ที่นี่จะเต็มไปด้วยมิวเซียม วัดจีน ร้านขายของกระจุกกระจิกเยอะขนาดไหน แต่จุดที่เราชอบที่สุดในหมู่บ้านคือถนนสายอาหาร Taipa Food Street ในตรอกเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า Rua do Cunha ทั้งสองข้างทางเนืองแน่นไปด้วยอาหารจีนทั้งแบบดั้งเดิม และแบบใหม่ มีสตรีทฟู้ดชิค ๆ อยู่มากมาย อยากกินเล่นหรือกินจริงจังก็ได้หมด และก็ยังเป็นอีกเส้นที่มีสตรีทอาร์ตให้ชมเล่น ๆ อยู่หลายภาพ เรียกว่าเดินเพลิน กินเพลิน ถ่ายรูปเพลิน ครบราวกับกาแฟ 3 in 1 ชั้นยอดเลย

ขึ้นชื่อว่าเป็น Food street ก็ต้องมีร้านเด่นร้านดัง แถวยาวเหยียดอยู่แน่นอน จากที่เดินเซอร์เวย์พบว่ามีอยู่ 3 ร้านที่ดูป๊อปปูล่าร์ เราเลยเดินเลี้ยวไปต่อคิวเพื่อลิ้มลองความเด็ดสักหน่อย เริ่มจากทาร์ตไข่ร้าน Lord Stow’s Bakery สาขา Taipa เปิดขายมานานถึง 34 ปี ผลิตทาร์ตไข่หอมมัน หวานชุ่มลิ้น เคล้าพายฉ่ำเนยกรอบกำลังดี ต่อด้วยคุกกี้อัลมอนด์จากร้าน Pastelaria Fong Kei การันตีความอร่อยโดยบิบกูร์มองด์ และร้านสุดท้ายตั้งอยู่สุดถนน Café Vong Kei วางขายชาเน้นความหอมนำ หวานน้อยในขวดทรงตะมุตะมิ เรียกว่าตื่นมาแล้วหิ้วท้องว่าง ๆ มาตรงนี้ได้กินของอร่อย ๆ แบบวาไรตี้แน่นอน 

09 Sei Kee Cafe’

เดินออกมาจาก Rua do Cunha ข้ามมาอีกฝั่งของถนน เราก็เจอกับร้านที่ต้องเอาปากกามาวง กาดอกจัน ป้ายไฮไลต์ เพราะความเก๋าและความอร่อย Sei Kee Cafe’ ร้านกาแฟแบบโบราณรุ่นราวคราวพ่อ ที่มีอายุถึง 58 ปีแล้ว กิมมิกพิเศษของร้านคือขั้นตอนการชงชาและกาแฟของเขาจะใช้หม้อดินแบบดั้งเดิม ส่งกลิ่นหอมชวนหิว กินคู่กับขนมปังแผ่นหนาสไตล์โปรตุเกสประกบคู่ ด้านในเป็นไส้หมูทอดไข่กวน คืออร่อยฟินจิกแขนคนไปด้วย สมกับที่ได้อยู่ในมิชลินไกด์ปี 2019 รสชาติของวันวานมันอร่อยแบบนี้นี่เอง  

10 Tai Lei Loi Kei

แค่สตรีทฟู้ดก็เรียกว่ากินเวลาช่วงเช้าไปทั้งหมด แต่ก็เป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่าสุด ๆ เรียกว่าเป็นวันที่เรากินจุกินดุ กินเหมือนพรุ่งนี้โลกจะแตกที่แท้ทรู และตอนนี้ได้ฤกษ์นั่งกินจริงจังกันสักทีที่ร้าน Tai Lei Loi Kei คาเฟ่แบบดั้งเดิม ที่อยู่คู่คนไทปามานานกว่า 55 ปี มีพี่หมูตัวโตหน้าตาใจดียืนต้อนรับอยู่ด้านหน้า เมนูเด็ดของร้านคือ Pork Chop Bun ขนมปังไส้หมูทอด ที่เขาหมักหมูเข้าเนื้อรสเค็มหวาน ทอดให้มีความนุ่มกลมกล่อม ตัวขนมปังก็มีความกรอบนอกนุ่มในรสหวานหน่อย ๆ เป็นรสชาติแสนบาลานซ์ที่กินชิ้นเดียวไม่เคยพอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำจึงได้เป็น snack ขวัญใจชาวเมืองและนักท่องเที่ยว เพราะทางเราเองก็หลงเคลิ้มไปกับความอร่อยเช่นเดียวกัน

11 teamLab SuperNature Macao

หลังจากที่เติมความอิ่มให้ท้องจนตาปรือ ก็ถึงเวลามาเบิร์นแคล ปลุกตัวเองให้ตื่นด้วยผลงานแจ่ม ๆ กันสักหน่อยที่ teamLab SuperNature Macao จัดอยู่ใน The Venetian Macao โดยเขาปรับพื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม. ผลิตผลงานสุดมหึมาในธีม ‘body immersive’ ให้เราสำรวจการรับรู้ของโลกที่เชื่อมต่อระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ สื่อออกมาในรูปแบบงานไฟสุดตระการตา เล่นใหญ่ชนิดที่ว่าคุ้มค่าตั๋วจนอยากขอจ่ายเพิ่มเลย

เดินเข้าไปภายใน เราจะถูกโอบกอดด้วยภาพกราฟฟิกที่แยกเป็นห้อง ๆ ตั้งแต่ The Infinite Crystal Universe, Valley of Flowers and People: Lost, Immersed and Reborn งานไฟและดอกไม้ที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนฉากลื่นไหลแบบไม่มีที่สิ้นสุด, Light Sculpture – Plane แฉกลำแสงคมกริบที่ทำมุมกันสวยงามราวอัญมณี, Multi Jumping Universe กระโดดโลดเต้นบนผืนผ้าใบท่ามกลางกาแลกซี่นับล้าน รวมแล้วมีมากถึง 19 ชิ้นงาน ให้เราได้ทั้งชม ทั้งเล่น ทั้งร่วมกิจกรรม อยู่นานขนาดไหนก็ไม่มีคำว่าเบื่อเลย 

12 The Parisian Macao

ออกจากงานไฟย่านเวนิช เราก็มุ่งตรงสู่ปารีสบริเวณ Parisian ถือเป็นการเดินทางระหว่างประเทศที่รวดเร็วดั่งมีเวทมนต์ ตรงนี้เป็นที่ตั้งของหอไอเฟล ไอคอนิกประจำปารีส ที่ที่เราต้องรีบจัดทรงผม ผูกเนกไท เก๊กท่าใหม่ ให้ได้ฟีลเคร่งขรึมประหนึ่งหนุ่มปารีเซียง เพื่อรูปอีกเซตที่แพลนอัพลงโซเชียลได้อีกหลายเดือน นอกจากเป็นแลนด์มาร์กสำหรับถ่ายรูปแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมบริการสุดพรีเมียมแก่นักท่องเที่ยว มีทั้งโรงแรม รวมร้านค้าแบรนด์ระดับโลก พูดตรง ๆ ก็คือ เป็นย่านชอปปิงที่ไม่ปรานีเงินในกระเป๋าเราเลยสักนิด แต่ถ้าไม่อยากชอปก็มาถ่ายรูปชิล ๆ ครีเอตมุมให้ดูอลังการก็สุดปังไม่แพ้ใคร

13 The Londoner Macao

เป็นตัวพ่อตัวบิดาเรื่องการเดินทางแบบนี้ เราไม่หยุดที่ปารีสเท่านั้น กะพริบตา 10 ที เดินไม่เกิน 30 ก้าว เราก็มาถึงกรุงลอนดอน มหานครแห่งอังกฤษ The Londoner Macao รวบรวมความที่สุดของลอนดอน มาไว้ใจกลางมาเก๊า ไม่ว่าจะเป็นบิกเบน ผนังโบสถ์สไตล์กอทิก อาคารรัฐสภา จนไปถึงรูปปั้นทหารรักษาพระองค์ เดินไปมุมไหนก็ดูเป็นผู้ดี๊ผู้ดี ถ่ายรูปได้ฟีลคุณหญิงคุณชาย หากใครต้องการความที่สุดแห่งการพักผ่อน เราแนะนำให้ลองหาที่พักในนี้ เพราะเขาบรรจุโรงแรม 5 ดาว ถึง 5 แห่งไว้ ทุกห้องเป็นไทป์สวีทหรูหราสไตล์อังกฤษ ได้รับการดูแลประดุจราชานิกูลกันเลยทีเดียว 

14 Macau Fisherman’s Wharf

ยังคงท่องโลกกว้างอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเรามาเช็คอินกันต่อที่ Macau Fisherman’s Wharf ที่รวบรวมกว่า 30 แลนด์มาร์กของโลกไว้ที่เดียว แบ่งออกเป็น 3 โซน แตกต่างไปตามธีมทั้งแบบจีน อยู่บริเวณท่าเรือ แบบยุโรปเป็นโซนร้านค้า และที่เรายืนอยู่นี้คือ Roman Amphitheater จำลองโคลอสเซียมแห่งกรุงโรม อัฒจันทร์อันยิ่งใหญ่ที่บ่งบอกถึงความน่าเกรงขามของจักรวรรดิโรมันในช่วงศตวรรษที่ 1 ทำออกมาได้ใกล้เคียงกับต้นฉบับจนเราตกใจ โดยที่นี่เขาใช้เป็นเวทีจัดแสดงกลางแจ้ง ที่จุคนได้มากถึง 2,000 คน มีเครื่องมือล้ำสมัยจนสามารถจัดงานระดับโลกได้เลยทีเดียว แถมเดินไปตรงไหนก็มีแต่มุมให้ครีเอตภาพได้อีกเพียบ

15 Macau Science Center

อำลาแสงอาทิตย์ตกดินวันนี้กันที่ Macau Science Center เห็นภายนอก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นพิพิธภัณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์แน่นอน กับอาคารทรงกรวย เชื่อมต่อกับหอคอย สีเงินคล้ายสถานีอวกาศในจินตนาการ ภายในมีให้เดินเที่ยวถึง 14 โซนทั้งการจัดแสดงถาวรและหมุนเวียน ให้ความรู้ตั้งแต่เรื่องอาหาร ร่างกาย กีฬา จนไปถึงเรื่องนอกโลก เหมาะกับคนที่ชอบหาความรู้พร้อมความสนุก สำหรับคนที่ไม่ได้อินกับงานจัดแสดงด้านใน เราแนะนำให้มาเเซลฟี่กับต้นไม้รูปหัวใจ เดินทอดน่องพักสายตากับวิวงาม ๆ ที่ลานริมน้ำรอบ ๆ พิพิธภัณฑ์ บอกเลยว่าพระอาทิตย์ตกสะท้อนน้ำตรงนี้มันแจ่มมาก ฉาบอาคารทรงแปลกตาให้เป็นภาพสีซีเปียระยิบระยับ สวยงามแบบไร้ข้อกังขาเลยจริง ๆ 

Day 3

16 Margaret’s Café e Nata

หลังจากตะลอนถ่ายรูป โพสท่ากันอย่างหนักหน่วง วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยการตื่นสาย ๆ แล้วออกมาหาของหวานเข้าร่างสักหน่อยกับร้าน Margaret’s Café e Nata ที่เราจะได้กลิ่นหอมหวนลอยมาก่อนจะเห็นหน้าร้านซะอีก ด้วยเมนูสุดฮอต ทาร์ตไข่มาคานีส ที่เปิดขายมา 30 กว่าปีและยังคงใช้สูตรดั้งเดิม มียอดขายที่การันตีความอร่อยมากถึง 10,000 ชิ้น/วัน เพราะเขาใช้วัตถุดิบที่ดี สัมผัสได้ถึงเนื้อละมุนของไข่แดงที่ตีเข้ากับน้ำตาลเกิดรสชาติหวานมัน อบจนมีความเบิร์นที่หน้าทาร์ต ส่งกลิ่นหอมตีขึ้นจมูกทุกคำที่กัด ถือเป็นร้านที่ควรค่าแก่การต่อคิว มาเก๊าครั้งต่อไปต้องได้เจอกันอีกแน่นอน 

17 COTIZ

จัดทาร์ตไข่กันจนจุก ก็ได้เวลาหากาแฟแก้วโปรดมาช่วยสลัดความงัวเงีย เราเลือกมาที่ COTIZ คาเฟ่สีขาวโคซี่โคใจในซอกตึก มีความคิ้วท์แบบสุดกับเหล่ากราฟฟิกดีไซน์แสนมินิมอล นำทีมโดยเด็กสาวหัวฟูและน้องกระรอกตัวน้อยวิ่งเสิร์ฟขนมน่าเอ็นดูติดอยู่ตามผนัง โดยเขาจะเด่นเรื่องขนมอบ ทั้ง Canele หวานฉ่ำหอมกลิ่นคาราเมล และเมนูซิกเนเจอร์ custard puff ก้อนกลมไส้เยิ้มที่มี 4 ไส้ยืนพื้น คือ Earl Grey, Cream Cheese, Chocolate, Black Sesame แถมยังมีไส้พิเศษในช่วงซีซั่นต่าง ๆ ที่สั่งมาบอกเลยว่าหอมอร่อยทุกชิ้น ยิ่งกินกับกาแฟรสเข้มยิ่งฟินเข้าไปใหญ่ เรียกว่าทั้งสายกินสายฮอปมาตามรอยต้องไม่ผิดหวังแน่นอน

18 Lai Kei Sorvetes

การลงทุนที่คุ้มค่า คือการลงทุนไปกับการกิน เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว เรายังได้จิตใจที่เบิกบานแถมมาด้วย และนี่คืออีกร้านที่เติมเต็มความสุขยามเที่ยงแก่เรา Lai Kei Sorvetes ร้านไอศกรีมสไตล์ย้อนยุคที่มอบความสดชื่นให้ผู้คนมานานกว่า 70 ปี และยังคงความดั้งเดิมตั้งแต่วันแรกจนถึงทายาทรุ่นที่สามในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบร้านที่คลาสสิกขั้นสุด ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา ที่ให้ฟีลสภากาแฟสไตล์จีน เติมแต่งความน่ารักด้วยอาร์ตเวิร์กวินเทจสุดคิวท์เป็นรูปไอศกรีม แค่หน้าร้านเราก็ถ่ายรูปได้เป็นสิบ 

เรื่องความอร่อยขอสารภาพตามตรงว่า คงสู้ไอศกรีมที่ผ่านนวัตกรรมมากมายของสมัยนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องคอนเทนต์ละไม่แพ้ใคร เพราะเขามีแพคเกจจิ้งสุดเก๋า มากับเมนูไอศกรีมแซนด์วิช ประกบด้วยเวเฟอร์กรอบ ๆ และไอศกรีมแท่งโบราณรสถั่วแดง เสิร์ฟในกล่องกระดาษย้อนยุค ซึ่งรสชาติก็ย้อนยุคด้วยเช่นกัน และยังมีไอศกรีมรูปแบบต่าง ๆ อย่างบานาน่าสปริท โฟล์ต และใส่โคน ส่วนรสที่ขายดีคือมะพร้าว แต่ก็มีรสอื่น ๆ ให้เลือกเป็นสิบ อาทิ ช็อกโกแลต งา มินต์ เผือก น้ำผึ้งมะนาว พีนัท ฯลฯ 

19 Edf. Commercial Holland Jardim

จบพาร์ทกินมาอินกันต่อกับสถาปัตยกรรมปัง ๆ ที่เห็นตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ อาคารนี้คือ Edf. Commercial Holland Jardim สถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุกีสสีเหลืองเข้ม ตัดโทนให้ดูเย็นขึ้นด้วยประตูหน้าต่างสีเขียว เพิ่มความเด่นอีกด้วยกับขอบสีแดงเชอร์รี่ พื้นทางเดินเป็นลายกระเบื้องโปรตุเกสที่ยังคงมีลวดลายสมบูรณ์สวยงาม รวมกันแล้วเป็นฉากถ่ายรูปชั้นดี ที่เหมาะใส่ชุดสีพื้นมายืนโพสเป็นที่สุด ไม่ใช่แค่ตึกนี้เท่านั้น แต่อาคารรอบ ๆ ยังเป็นสไตล์ย้อนยุคแบบต่าง ๆ ทั้งจีนยุโรป กระทั้งรูปแบบเสาไฟก็ยังปรับให้เข้ากับอาคารละแวกนั้น ๆ เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้มาเก๊าโดดเด่นกว่าเมืองอื่น ๆ ในประเทศจีนอย่างชัดเจน 

20 Rua de Afonso de Albuquerque

เดินเล่นเลียบถนน Afonso de Albuquerque ถนนที่ตั้งจากชื่อตามแม่ทัพชาวโปรตุเกสผู้ยิ่งใหญ่จากตำนานการล่าอาณานิคมในคาบสมุทรอินเดีย จนมาเจอกับ Macao Central Library ห้องสมุดที่บรรจุหนังสือมากกว่า 92,000 เล่ม พร้อมแผ่นฟิล์ม สื่อโบราณมากมาย ประกบคู่กับ Archives of Macao หอจดหมายเหตุที่เก็บรักษาจดหมายสำคัญ ร้อยเรียงประวัติศาสตร์มาเก๊าให้เป็นรูปเป็นร่าง ตึกทั้งสองมีลักษณะเป็นอาคารยาว 2 ชั้น สไตล์นีโอคลาสสิก สีเหลืองตัดแดงดูร้อนแรง ฉูดฉาด ถือเป็นอีกความทรงจำที่ทำให้ความเป็นโปรตุเกสยังมีลมหายใจอยู่ในมาเก๊า แต่ใด ๆ คือขอยกให้เป็นอีกจุดที่หามุมถ่ายรูปเท่ ๆ ได้เยอะจนลั่นชัตเตอร์รัวแบบหยุดไม่ได้เลย

21 Wong Chi Kei (Largo do Senado)

มาถึงโลสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับร้านบะหมี่เกี๊ยวและเนื้อตุ๋นชื่อดังที่เป็นอีกหนึ่งตำนานของมาเก๊า Wong Chi Kei เปิดสาขาแรกที่มณฑลกวางตุ้งเมื่อ 77 ปีก่อน ดังเปรี้ยงปร้างจนมาเปิดสาขาอยู่ที่มาเก๊า ได้นานถึง 64 ปีแล้ว และยังมีเปิดที่ฮ่องกงรวมทั้งหมดมี 4 สาขาเลยทีเดียว การตกแต่งร้านถือว่าบรรยากาศมีความโบร่ำโบราณใช้ได้ ทั้งป้ายชื่อ เฟอร์นิเจอร์เรียกว่าออริจินัลขั้นสุด จานเด่นของเขาคือเส้นบะหมี่ที่ทำด้วยไข่เป็ด นวดด้วยไม้ไผ่ ลวกระดับอัลเดนเต้ พร้อมเกี๊ยวกุ้งชิ้นโต เนื้อแป้งบางแบบซีทรูแต่มีความเหนียวนุ่มกำลังดี เห็นเนื้อกุ้งแดงฉ่ำอยู่ภายใน พร้อมซุปที่ซึมอยู่ทุกอณูของตัวเกี๊ยว ทำให้เรากินได้อย่างรื่นรมย์ และที่ขาดไม่ได้คือเกี๊ยวทอดยักษ์ที่กรอบแบบสะท้านโลกันต์ มีความบางและฟูไม่อมน้ำมัน เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินเพลิน ให้ปริมาณเยอะขนาดที่อิ่มจนลุกแทบไม่ขึ้นเลยทีเดียว 

22 Happiness Street (Rua da Felicidade)

สถานที่ปิดจบ เราขอมาหวนความหลังสไตล์ไชน่ากันบนถนนแห่งความสุข Happiness Street กลุ่มอาคารอนุรักษ์แบบจีน 2 ชั้น ที่หากย้อนไปเมื่อ 160 กว่าปีก่อนเคยเป็นย่านโคมแดง ที่เต็มไปด้วยสิ่งผิดกฎหมาย หลังจากที่แก้ปัญหาเหล่านั้นได้ ทางการได้ปรับปรุงถนนและทาสีประตูหน้าต่างให้เป็นสีแดง (อัพเดทล่าสุ ด 2023 เป็นสีเขียว) กลายเป็นจุดถ่ายรูปแนวสตรีทอันน่าพิศมัย ภายในอาคารกลายเป็นร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหารให้เราไปตามกิน ตามเช็คอินมากมาย และยังมีเกสต์เฮ้าส์ที่เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊าอยู่ด้วย เป็นย่านที่สวยงามจนได้เป็นฉากหนังในภาพยนต์เรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom ถือเป็นอีกสถานที่ที่เปลี่ยนอดีตอันน่ากลัวให้กลายเป็นปัจจุบันอันน่าจดจำได้ดีเลยทีเดียว

ถามถึงความคุ้มค่า เราบอกเลยว่ามาเก๊าคือหนึ่งในเมืองใกล้ ๆ ที่เราถ่ายรูปได้เยอะที่สุด ทำคอนเทนต์ได้หลากหลายในเวลาที่น้อยที่สุด เพราะในเวลาเพียง 3 วัน เราสามารถเที่ยวแลนด์มาร์กรอบโลกได้มากมาย ฮอปคาเฟ่สวยกาแฟไม่จืดได้หลายร้าน อิ่มอร่อยกับอาหารระดับตำนานส่งต่อสูตรลับจากรุ่นสู่รุ่น สนุกสนานกับเรื่องราวในอดีตที่แทรกซึมอยู่ตามตรอกซอกซอย แถมงานอาร์ตเจ๋ง ๆ ที่ยิ่งใหญ่ไม้แพ้ใครในโลก เป็นทริปที่อิ่มจุใจ ที่ใครได้ตามจะต้องสุขล้นแบบจุกอกแน่นอน