รีวิวขอนแก่น : Khon Kaen City Guide with Grab

วันนี้ขอสวมบทเป็นอีหล่าสาวพาเพื่อน ๆ ออกไปเที่ยวม่วน ๆ จอย ๆ ในดินแดนแห่งเสียงแคนและดอกคูน “ขอนแก่น” กับแพลนวันหยุดแบบอะเมซิ่งยิ่งกว่าเดิม!!! ปรนเปรอตัวเองด้วย 11 พิกัดจัดหนักจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นฮอปปิงคาเฟ่ธีมเก๋ เช็กอินร้านอาหารกิมมิกปัง ๆ พร้อมทั้งพักสมองไปกับธรรมชาติคลีน ๆ เสพงานอาร์ตอย่างมีสตอรี่ รวมถึงปล่อยเวลาให้ไหลช้าอย่างมีคุณภาพกับงานคราฟต์ งานนี้บอกเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นการเที่ยวในเมืองขอนแก่นที่อินไซด์ขั้นสุด เหมาะกับคนที่ไม่อยากขับรถเอง เน้นอะเมซิงทั่วไทย มั่นใจไปกับ Grab ใช้ทุกช่วงเวลาไปกับการพักผ่อนพักใจอย่างเลอค่าที่สุด

เมื่อเป็นทริปพักผ่อนสั้น ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ช้อยส์ที่เลอค่าในการเดินทางเที่ยวทั่วเมืองขอนแก่นของเราครั้งนี้จึงตกไปที่ JustGrab ที่ชอบสุดคงเป็นเรื่องความสะดวกที่ไม่ต้องขับรถเอง ความประหยัดเวลาไม่ต้องหาที่จอด ขึ้นรถมาเจอแอร์เย็นฉ่ำ ลืมตาอีกทีก็ถึงที่หมาย พี่คนขับน่ารักพูดจาดี รู้ราคาแม่นยำก่อนเรียก แถมกดเรียกปุ๊บมารับปั๊บ เพราะเขามี Driver กระจายอยู่ทั่ว ที่สำคัญ!! โค้ดส่วนลดสำหรับนักเที่ยวก็มีมาให้จุก ๆ มอบสิทธิพิเศษถึง 2 ต่อ คือ ต่อที่ 1 รับโค้ดพิเศษจาก Grab สําหรับการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดที่ร่วมแคมเปญ และต่อที่ 2 เพียงแค่แชร์ประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทยผ่านบริการของแกร็บ บนโพสต์กิจกรรมในเพจ Grab ก็มีสิทธิ์ลุ้นชิงของรางวัลสุดพิเศษ จะบอกว่าใครที่มาขอนแก่น โค้ดนี้ใช้ได้ทั้ง GrabCar/JustGrab คือ “TRAVEL” สำหรับทุกผู้ใช้งาน รับส่วนลดไปเลย 10% สูงสุด 80 บาท x 2 ครั้ง และ “NEWTRAVEL” สำหรับผู้ใช้ใหม่ ลดไปเลยจุก ๆ 20% สูงสุด 100 บาท x 2 ครั้ง

เริ่มต้นการเดินทางม่วน ๆ จอย ๆ ด้วยการเรียก Grab ออกจากสนามบิน เลือกสถานที่ที่จะไปแล้วใช้โค้ด ‘TRAVEL’ ได้ลด 10% สูงสุด 80 บาททุกผู้ใช้งาน บอกเลยว่าทริปนี้ใช้โค้ดสะบัด สบายกระเป๋าตังค์สุด สบายตัว สบายใจ และมั่นใจเมื่อเดินทางกับ Grab ในทริปนี้ของเรา

Day 1

01 Refill Coffee 

หลังจากเรียก Grab ลากกระเป๋าไปฝากที่พักเสร็จ หมุดแรกก็คงต้องหาคาเฟ่เติมคาเฟอีนแก้ง่วงกันสักกรุบกับ Refill Coffee ร้านน้องใหม่ป้ายแดงมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ ของแบงค์ธิติ ที่ตั้งอยู่ใจกลางขอนแก่น กับการคุมโทนเท่ตั้งแต่หน้าประตู เราได้รับกลิ่นอายความเกาหลีเกาใจสูงมาก เพราะมีมุมถ่ายรูปมินิมอล เว้นสเปซว่าง ๆ มีกิมมิกที่อาคารและกำแพงเป็นเส้นนำสายตาไปสู่ต้นไม้ฟอร์มสวยที่อยู่ในสุด

เปิดเข้าไปด้านในจะเจอกับการตกแต่งสไตล์ลอฟต์ปูนเปลือย เน้นสีเทาดำ โดดเด่นสุดคือเคาน์เตอร์ออเดอร์หน้าตาคมเข้ม ลามไปถึงชุดพนักงานยังเท่ ไฮไลต์อยู่ที่กลางร้าน เป็นช่องเปิดโล่งให้เห็นท้องฟ้า มีไอน้ำฟุ้งกระจายเพิ่มความเก๋ ถือเป็นมุมมหาชนที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน พอเดินทะลุไปโซนด้านในสุดเขาตัดความเข้มจัดด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ เบาะสีขาว แมกไม้สีเขียว กวาดตาไปไหนมีแต่มุมสวย ๆ ให้ได้ถ่ายรูป ช่วยแก้ง่วงไปได้ 1 สเต็ป

สเต็ปต่อมา… ถึงเวลาของการตื่นเต็มตาของจริง กับเมนูกาแฟที่มีทั้งสปีดบาร์ สโลว์บาร์ non-coffee อีกนิดหน่อย และขนมแบบแน่น ๆ เราลองสั่งอเมริกาโน่ ใช้เบลนด์ประจำของทางร้าน แบบคั่วกลาง ไม่อ่อนไปไม่ไหม้ไม่ขม และ Push Ur Passion ซาบซ่าด้วยยูสุ เสาวรส และโซดา กินคู่กับ Chocolate Cake เนื้อละไมที่มีกานาจหวานหอมเข้มข้นตัดกับบลูเบอร์รีออกเปรี้ยวที่ท็อปอยู่ด้านบนได้อย่างดี

02 i.you.we.they

ตัดอารมณ์จากคาเฟ่เท่ ๆ มาเป็นคาเฟ่เก๋ตะโกนกันบ้างที่ i.you.we.they ทางร้านเน้นการใช้ความเรียบเป็นแกนหลัก และโทนสีเปี่ยมเสน่ห์เป็นแกนรอง อาคารเล็ก ๆ ชั้นเดียวแนวยาวฉาบด้วยสีขาว ตัดกับกระจกบานใหญ่ ภายในใช้สีน้ำเงิน Classic Blue มาเป็นสีเด่นให้ร้านดูสบายตา ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ขาวน้ำตาลที่เบลนด์ให้ร้านดูอบอุ่นเข้าถึงง่าย โดยตอนเช้าเขาเปิดเป็นคาเฟ่ ส่วนรอบกลางคืนเขาเปิดเป็นบาร์นั่งชิล วีคเอนด์มีดนตรีสดให้ฟังอีกต่างหาก ใครนอนแถวนี้ก็แวะมาได้เลย

เรื่องเมนูบอกเลยว่าได้ใจเด็กอ้วนไปเต็ม ๆ จานเด่นของร้านคือครอฟเฟิลหน้าแน่น แป้งกรอบหอมชุ่มเนย เคลือบน้ำตาลเพิ่มรสหวาน โปะด้วยครีมเนื้อนุ่มกับสตรอว์เบอร์รีสด มอบความเฟรซ คอนทราสต์กับแดดด้านนอก และยังมีครอฟเฟิลหน้าอื่น ๆ ให้เลือกจนตาลาย พร้อมขนมอีกเต็มตู้ หน้าตาลูกคุณทั้งนั้น มีตั้งแต่เนื้อเค้ก เนื้อชีส บราวนี่ ฯลฯ ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ขนมหวาน ไม่ควรพลาด

03 เฮือนคำนาง

เที่ยงนี้เรามารับประทานอาหารอีสานแท้ฉบับ exclusive ที่ เฮือนคำนาง บุกบ้านเชฟคำนาง-ณัฏฐภรณ์ คมจิต ผู้สืบทอดอาหารอีสานแท้ ๆ รังสรรค์เมนูที่ผสานภูมิปัญญา วิถีชีวิตเข้ามา เกิดเป็นเรื่องเล่าสนุก ๆ ให้เราได้ฟัง เรียกว่าทุกเมนูจัดเสิร์ฟนั้นมาพร้อมสตอรี่อัดแน่น สไตล์ Chef’s Table สอดแทรกความรู้สุดเซอร์ไพรส์ ที่คนเมืองอย่างเราไม่เคยรู้มาก่อน โดยอาหารแต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่หาได้ ที่สำคัญรับจองเพียงวันละ 1-2 รอบ รอบละ 1 โต๊ะเท่านั้น และทุก ๆ การจอง เราสามารถรีเควส ขอทำกิจกรรมเวิร์กช็อปทำอาหารร่วมด้วย 1 รายการ (ต้องแจ้งล่วงหน้า) เอาซี๊.. ไม่ exclusive ตรงไหนเอาปากกามาวง

ออเดิร์ฟคอร์สแรกคือ พาเมี่ยง หน้าตาเหมือนเมี่ยงกลีบบัวที่เราเคยเห็นตามร้านอาหารไทย แต่ที่นี่นั้นแตกต่างตรงวัตถุดิบที่มีปลาเผาตัวโตวางเป็นโปรตีนหลัก ต้องรอลุ้นเองว่าจะได้ปลาอะไร ขึ้นอยู่กับที่เขาจับได้ในวันนั้น ๆ รวมกับผักรสฝาด ไว้เปิดต่อมรับรส ราดด้วยน้ำอ้อยเข้าไป ก็จะได้รสชาติที่ครบถ้วน ตัดกับปลาช่อนเนื้อเด้งสดไร้คาว นอกจากได้อร่อยแล้ว ยังเป็นเมนูสุขภาพ ครบครันด้วยสารอาหารอีกด้วย

จานต่อมาคือ พาข้าวปุ้น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อขนมจีนแกงปู ที่เขาส่งต่อความอร่อยมาตั้งแต่รุ่นทวด โดยใช้ปูนามากกว่าร้อยตัว ที่รับซื้อจากชาวบ้านมาแยกส่วน เก็บส่วนมัน ตำส่วนอก เทน้ำลงไปต้มจนได้ที่ จากนั้นกรองมาแต่น้ำ ผสมปลาร้าที่ทำจากปลาช่อน ตามด้วยพริก ขิง เกลือโขลก ออกมาเป็นแกงเนื้อข้นคลั่ก กินกับข้าวปุ้นแล้วบอกเลยว่าแซ่บอีหลี

ชุดต่อมาคือ พาเนื้อ จัดมาจุก ๆ โปรตีนเน้น ๆ ถึง 2 คอร์ส ชิ้นแรกคือซี่โครงหมูเอาะ ใช้กรรมวิธีแบบอีสาน คือการตุ๋นเนื้อจนน้ำงวด มีความรมควันหน่อย ๆ เนื้อนุ่มมาก ๆ แค่สะกิดก็ได้ชิ้นเนื้อเป็นคำ ๆ จุ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด และอีกเมนูซิกเนเจอร์ ออดกระยกจิ้งหรีด ด้วยแนวคิดว่า ‘กันดารคือทรัพย์สิน’ การเฟ้นหาวัตถุดิบภายใต้ความแห้งแล้ง บวกภูมิปัญญา ทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์เรื่องอาหารที่โดดเด่น ที่เห็นขาว ๆ นี้คือซุปครีมที่เคี่ยวมาจากตัวจิ้งหรีดและเมล็ดกระบก พืชท้องถิ่นที่เปรียบเสมือนอัลมอนด์ป่า รสชาติครีมมี่ตักกินกับเนื้อหวาน ๆ ของฟักทองได้รสชาติแบบอีสานอินเตอร์สุด ๆ

ปิดจบคอร์สด้วยเมนูพระเอกที่เราได้ร่วมแสดงฝีมือ อ๋อปลาญอน ดับคาวปลาด้วยพริกแห้ง หอมแดงโขลกหยาบ ๆ ต่อด้วยใบมะกรูด น้ำปลาร้า และอีกหลากขั้นตอนที่ทำให้ถ้วยนี้เต็มไปด้วยรสเปรี้ยว เค็ม หอมจัดจ้าน เคียงมากับกับข้าวอีกสามจาน กินกับข้าวเหนียวร้อน ๆ แล้วมันม่วนสะบัดไปเลย เอาจริง!! พอได้เปิดประสบการณ์กินอาหารที่นี่ ก็ทำให้รู้ว่าอาหารอีสานที่เรากินเป็นประจำนั้น เป็นเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากใครอยากสัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่า ก็ลองมาตามรอยกันได้ รับรองว่าได้อะไรกลับไปมากกว่าความอร่อยแน่นอน 

04 วัดไชยศรี

ไปลามาไหว้ จะเที่ยวจังหวัดไหน เราก็จะไม่บกพร่องเรื่องการมูเป็นอันขาด กดเรียกรถแล้วตรงมาที่ วัดไชยศรี วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่ขอนแก่นมากว่า 158 ปี เหมาะมากราบไหว้ขอพร ที่นี่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสิมโบราณ (คำเรียกโบสถ์, อุโบสถในภาษาไทย-ลาว) เป็นแบบที่พบได้มากในวัดแถบภาคอีสาน ความโดดเด่นสำหรับวัดนี้คือภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่วาดด้วยสีฝุ่น เกิดเป็นโทนสีอ่อนถูกใจเรายิ่งนัก เน้นไปทางคราม เหลือง ขาว สบายตา สัดส่วนที่วาดไม่เน้นความเสมือนจริง ยิ่งมองยิ่งเพลิน เป็นการบอกเล่าเรื่องราวมากมาย ทั้งพระเวสสันดร สังข์สินไชย นรกแปดขุม เหล่าภาพของเทพทั้งหลาย เหมือนเดินอยู่ในแกลลอรียังไงอย่างนั้น

ปัญหาสำหรับการเที่ยวในเมืองใหญ่ ๆ ที่ร้อยทั้งร้อยเจอเหมือนกัน คือ หาที่จอดรถยากมาก ดังนั้นการใช้บริการ JustGrab จึงเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกต่อการเที่ยวสุด ๆ จากที่เราลองใช้มา แค่กดเรียกปุ๊บก็มีคนรับปั๊บจริง ๆ รถแต่ละคันที่เจอรักษาความสะอาดขั้นสุด บริการทุกระดับประทับใจ ทำมู้ดเที่ยวดีไม่มีสะดุดเลยจริง ๆ แถมมีโค้ดลดยิ่งคุ้ม เพราะเค้าลดให้ระเบิดระเบ้อของจริง

05 บึงทุ่งสร้าง

อีกหนึ่งมิชชั่นของเราในทริปนี้คือการสร้าง vibe ดี ๆ ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินให้ได้มากที่สุด บ่ายแก่ ๆ เราจึงพุ่งตรงมาที่ บึงทุ่งสร้าง ทะเลสาบขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่พักผ่อนหย่อนใจหลัก ๆ ของคนขอนแก่น เป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีความธรรมชาติแบบสามร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมาะมาวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน เดินอ้อล้อ นั่งเม้ามอยกับกลุ่มเพื่อน วันไหนโชคดีก็จะเห็นเหล่าคนเลี้ยงนกแก้วพาน้องออกมาอวดโฉมบินเล่น พามาเกาะไหล่ถ่ายรูปได้อีกด้วย แถมยังเป็นสวนที่ดูแลความสะอาดได้ดีสุด ๆ ยิ่งอยู่ยิ่งสบายใจ 

เนื่องจากเป็นคนที่คอนเทนต์ต้องปัง และบรรยากาศพักผ่อนต้องไม่แพ้ใคร เราเลยขอปรับลุคให้ชิคเก๋ด้วยเดรสดำพริ้ว ก่อนไปหามุมโขดหินงาม ๆ ปูผ้า วางพร็อปต่าง ๆ ที่เตรียมมา ไม่ว่าะเป็นหนังสือ ขนม เครื่องดื่มครบมือ มานั่งดื่มด่ำกับช่วงเวลา มองไปมองมาก็ให้ฟีลปิกนิกริมน้ำที่ต่างประเทศอยู่เหมือนกัน พอพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนต่ำ นำแสงส้มฉาบทั่วฟ้า กระทบสู่ผิวกาย สร้างความสบายใจ เป็นการบอกลาวันได้แสนวิเศษจริง ๆ 

06 Maison Tsuru

บอกลาแสงสุดท้ายของวันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาเติมเต็มช่องว่างในท้องให้อิ่มเอมในร้านอาหารญี่ปุ่นแสนเก๋สไตล์โอมากาเสะที่ Maison Tsuru ที่เพิ่งเปิดไม่นาน แต่เก๋าเกมส์ด้วยฝีมือเชฟระดับโรงแรม เริ่มจากการตกแต่งร้านที่มาในคอนเซปต์ Life Style Restaurant เน้นไปในโทน Pop Art ไม่ได้เน้นญี่ปุ่นจ๋า แต่เน้นที่ความโมเดิร์นสบายตา แกรมแบบเข้าถึงง่าย อีกกิมมิกที่ชอบคือ เขาจะควบรวมความญี่ปุ่นผสานฝรั่งเศสอย่างแบบเนียน นั่นคือการคุกกิ้งแบบฝรั่งเศสใช้เทคนิคมากมาย และจัดเสิร์ฟให้ดูเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นนั่นเอง

เมนูที่นี่จะเน้นความครีเอทีฟสุด ๆ และปรับเปลี่ยนไปตามซีซันของญี่ปุ่น เพราะวัตถุดิบจะต้องอิมพอร์ตมาจากที่นั่น นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราประทับใจขั้นสุดกับมื้อนี้ เพราะทุกคำที่เราได้กัดกลืนเข้าไป มันมีความเฟรซของทะเลญี่ปุ่นฉ่ำ ๆ มีทั้งแบบซาชิมิ และที่ผ่านการ dry aged ใช้วาซาบิขูดสด ๆ บางจานก็ฝรั่งเศสตะโกน แต่ก็สลับชูรสกันและกันได้อย่างไม่ติดขัด จัดเสิร์ฟผ่านการจัดเรียงที่งดงามราวศิลปะสุดเนี้ยบ แต่ละคอร์สไม่ทำให้เราผิดหวังเลยสักจาน

Day 2

07 บ้านเฮง

มาถึงขอนแก่นทั้งที ก็ต้องรีบตื่นมาลิ้มลองรสชาติเมนูอาหารเช้าผสานความเวียดนามได้อย่างกลมกล่อมที่ บ้านเฮง ร้านอร่อยที่มีมิชลินไกด์เป็นเครื่องการันตี การตกแต่งร้านจะเป็นแบบจี๊นจีนแซมโมเดิร์น สวยน่านั่งน่าถ่ายรูปไปทุกมุม เห็นอาอึ้ม อาเจ็ก อาหมวยนั่งกันอยู่เต็มร้าน แถมเป็นคนพื้นที่กันซะหมด ระหว่างรอโต๊ะ ลองแอบเดินหลงไปที่โซนขายของฝากฆ่าเวลาสักหน่อย ของที่คนนิยมซื้อกันจะเป็น หมูยอไร้แป้ง ไร้สารเคมี ไม่แต่งกลิ่น หมูหยองแท้สูตรโบราณ และกุนเชียงย่างถ่านแบบโบราณ ใด ๆ เราแนะนำให้ลองกินก่อน ติดใจเมนูไหนค่อยหยิบติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้าน

อาหารที่เราสั่งมาจะเน้นความเบสิกทั้งไข่กระทะอัดแน่นไปด้วยส่วนผสมคุณภาพ รสชาติส่งกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย โรยพริกไทย ซอสปรุงรสหน่อย ก็ถือว่าเพอร์เฟกต์ อีกจานคือโจ๊กหน้ากุนเชียง หมูหยอง หมูยอ ไข่เค็ม ให้ความเนียนนัวอุ่นท้องจนหยุดไม่ได้ ขนมปังไส้หมูหยองก็ดีต่อใจ ที่ห้ามพลาดคือ ผัดหมี่ภูเขาหมูหยอง หอมกลิ่นกระทะ รสออกเค็มตัดหวานลงตัว แถมยังมีกับข้าวเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย ข้าวต้มอีกมากมาย และอย่าลืมสั่งน้ำส้มแสนอร่อยมาดื่มคู่กันด้วยล่ะ มันโคตรฟินเลย

08 THE BRICK

คาเฟ่คุมธีมตั้งแต่ชื่อร้านยันการตกแต่ง THE BRICK คาเฟ่ที่ทำจากอิฐแดง วัสดุก่อสร้างสุดคลาสสิกแต่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของสีและพื้นสัมผัส ซึ่งปกติเราจะเห็นเขาวางแนวนอนแบบสับหว่าง แต่ที่นี่เขาก่อให้เป็นแนวตั้งวางตรงต่อกัน เรียกความน่าสนใจ แม้ตัวร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยการออกแบบที่เน้นกระจกบานโตให้แสงสว่างส่องถึง และจัดวางโต๊ะเก้าอี้นิด ๆ หน่อย ๆ จึงมีสเปซเยอะ ถ้ามาเช้า ๆ คนน้อย ๆ ก็ถ่ายรุปได้ชิล ๆ แต่ถ้ามาเจอคนเยอะ แนะนำให้โพสท่าถ่ายรูปหน้าร้าน ก็ได้รูปปังไม่แพ้ใคร

นอกจากร้านที่ตกแต่งอย่างโมเดิร์นแล้วเมนูจัดเสิร์ฟยังดูดีมีสไตล์อีกด้วย มีทั้งกาแฟ กาแฟผสมไซรัปต่าง ๆ ชา โกโก้ โทนิก ฯลฯ ที่ทำออกมาได้อร่อยจนกลายเป็นขวัญใจชาวขอนแก่น แก้วที่เป็น Best Seller ของเขาคือ Rum Raisin Latte กาแฟรสไม่หวานแต่มีกลิ่นรัมเรซิน หอมเหมือนไอศกรีม กินพร้อมกับ Scone Cranberry เนื้อแห้ง ๆ มีแครนเบอร์รี่หนุบให้เคี้ยว ปาดคู่กับเนยชุ่ม ๆ แล้ว ดีงามจนลมแทบจับ

09 Columbo Craft Village

คอมมูนิตีที่อาร์ตตัวพ่อ ครีเอเตอร์ตัวแม่ต้องห้ามพลาด Columbo Craft Village หมู่บ้านงานคราฟต์ที่มีบ้านไม้ฟอร์มน่ารัก รวมตัวกันอยู่ 10 หลัง ห้อมล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่และสวนป่าสีเขียวเป็นมิตรต่อสายตา มีกลิ่นหอมยวนของกาแฟ และขนมลอยมากลาย ๆ เดินสำรวจเรื่อย ๆ เราจะเจอกับร้านคาเฟ่ ร้านพาย เบเกอรี แกลลอรี ร้านขายของทำมือ ร้านหนังสือ กิจกรรมเวิร์กช็อปทั้งงานเซรามิก ผ้ามัดย้อม วาดผ้าใบ อย่างเพ้นท์ไม้ ที่เราทำ แค่เดินไปเลือกซื้อ แล้วมานั่งวาดเทคไทม์ได้ตามใจต้องการ ได้ทั้งสมาธิ ของที่ระลึก หรือจะเอาเป็นของฝากหนึ่งเดียวในโลกก็ไม่ติด

ไม่เพียงสายอาร์ตเท่านั้น เหล่าทาสแมวก็ควรปักหมุดมาที่นี่เช่นกัน เพราะเขาเลี้ยงน้องไว้กว่า 20 ตัว แต่ละตัวอิ่มหมี นุ่มนิ่ม ขนสวย ลูบสบายมือทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าส้ม สามสี แมวดำ ที่เดินไปมาอ้อนบ้าง หยิ่งบ้าง ตามคาแรกเตอร์ของแต่ละตัว แต่นั่งมองมันนอน เลียเท้า เล่นตุ๊กตา แอบหลับตามซอกหลืบ ก็เพลิน กินเวลาไปเกินเที่ยงแล้ว เอาจริง!!! ถ้าจะเรียกที่นี่ว่าหมู่บ้านแมวก็ไม่เกินจริง

10 Source Cafe 

หลบแดดร้อนยามบ่ายแก่ ๆ เข้ามาตากแอร์กันที่ Source Cafe คาเฟ่มินิมอลเกาหลีอนนี่เรียกพี่ ด้วยการฉาบร้านเป็นสีขาวสะอาด หน้าร้านกั้นด้วยกระจกบานใหญ่ให้แสงสาดเข้าร้านอย่างเต็มพิกัด หากร้อนเกินไปก็กดม่านบังลงมาได้แบบไม่เสียมู้ด เดินเข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์กาแฟลายสีน้ำตาลสลับเลเยอร์น่ารักน่าชัง พร้อมพนักงานที่แนะนำเครื่องดื่มอย่างฉะฉาน จัดวางโต๊ะเก้าอี้หลายหลากฟอร์ม มิกซ์จนเข้ากัน และยังมีโซนเอาท์ดอร์ ที่กางร่มบังแดดบริการไว้อย่างดี

เราสั่งเมนู greenpop latte เป็นซิกเนเจอร์ของที่ร้าน มีความหวาน ปลายขมนิด ๆ หอมมาก ๆ ตามเสน่ห์ของชาเขียวมัทฉะ พร้อมป็อปคอร์นที่ส่งกลิ่นหอมตีมาแบบเนียน ๆ กินกับ rare cheesecake เลมอนชีสหวานเปรี้ยวเนื้อครีมมี่มอบความสดชื่น และไม่พลาดที่จะลอง affogato เอสเปรซโซราดไอศกรีม รสชาติ Bitter Sweet พอกินคู่กับบิสกิตกรุบกรอบที่วางมาให้ด้านบนแล้ว มันเข้ากั๊นเข้ากัน เป็นสามเมนูช่วยคลายร้อน ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำ ถ่ายรูปทำคอนเทนต์นิด ๆ นั่งอ่านหนังสืออีกสักบท ก็พร้อมออกเที่ยวต่อแล้ว

11 The wall khonkaen family space

ก่อนบินกลับบ้าน เรามาหาที่เช็กอิน หาอะไรกินฟิน ๆ สร้างความประทับใจส่งท้ายกันที่ The wall khonkaen family space หมู่บ้านเล็ก ๆ ใจกลางเมืองที่รีโนเวทจากโรงงานผลิตยาแผนไทย และโรงพิมพ์ จัดสัดส่วนแบ่งเป็นบ้าน ๆ บ้างสร้างขึ้นใหม่ บ้างใช้เค้าโครงเดิมบรรจุทั้งร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่เอาไว้ มีการจัด exhibition หมุนเวียนให้เราไปร่วมชม แถมช่วงวันหยุดยังมีดนตรีสด อารมณ์การแสดงเปิดหมวกให้ผู้คนได้เพลิดเพลินด้วย เป็นอีกพื้นที่ที่สร้างมาเพื่อให้ผู้คนได้แบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ และรอยยิ้มซึ่งกันและกัน

ไฮไลต์อีกอย่างที่เราประทับจิตประทับใจคือเขาได้รังสรรค์เส้นถนนให้เหมือนเป็นหมู่บ้านจริง ๆ มีสตรีทอาร์ตที่อินสไปร์มาจากปีนัง ฝีมือศิลปินท้องถิ่น บอกเล่าวิถีชีวิตเดิมของคนละแวกเมืองเก่า ให้เราไปตามล่าร่วมเฟรมตามซอกซอย ซึ่งอาร์ตแต่ละรูปฝีมือไม่ธรรมดาเลย ทั้งการใช้สี สัดส่วนของตัวการ์ตูน การจัดวางองค์ประกอบ คือถ่ายรูปสนุก ครีเอตท่าได้ไม่ซ้ำจริง ๆ

เพื่อน ๆ คนไหนที่ช่วงนี้มีแพลนไปเที่ยวภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี พัทยา กรุงเทพฯ นครราชสีมา รวมถึงมาตะลอนขอนแก่นตามรอยเรา แต่ไม่สะดวกเช่ารถขับ ขับรถไม่เป็น หรืออยากใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ให้ชิล ๆ บอกเลยว่า Grab คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด นอกจากตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายแล้ว ยังทำให้เราจัดสรรเวลาได้แม่นยำ รู้ค่าใช้จ่ายการเดินทางที่แน่นอน ที่สำคัญปลอดภัยไร้กังวล เพราะทราบข้อมูลของผู้ขับครบ แถมแชร์การเดินทางให้คนอื่น ๆ รู้ได้แบบเรียลไทม์ ยิ่งช่วงนี้เดินทางยิ่งคุ้มค่า ใครมาขอนแก่นแค่กรอกโค้ด ‘TRAVEL’ สำหรับผู้ใช้ทั่วไป รับส่วนลดไปเลย 10% สูงสุด 80 บาท x 2 ครั้ง และ ‘NEWTRAVEL’ สำหรับผู้ใช้งานใหม่ ลดไปเลยจุก ๆ 20% สูงสุด 100 บาท x 2 ครั้ง ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 ก.ค. 66 เดินทางครั้งต่อไปอย่าลืมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวผ่าน Grab บนโพสต์กิจกรรมในเพจ Grab เพื่อนลุ้นสิทธิ์ชิงรางวัลพิเศษอีกเพียบด้วยล่ะ!!

ถ้าจะบอกว่าขอนแก่นเป็นเมืองคนเก๋นั้นไม่เกินจริง เพราะช่วงเวลาสุดสัปดาห์ เราสามารถฮอปปิงคาเฟ่ได้มากมาย เช็กอินร้านอาหารกิมมิกปัง ๆ ได้เพียบ แถมยังได้พักสมองไปกับธรรมชาติคลีน ๆ ฟีลต่างประเทศ เสพงานอาร์ต ทำงานคราฟต์สมใจอยาก พร้อมชมสมบัติทางประวัติศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญเดินทางง่ายไม่ต้องขับรถเอง ใครอยากมีภาพคูล ๆ vibe ดี ๆ แบบเรา ก็รีบตามมากันได้เลย