รีวิวเกาหลีใต้ :: A 6-Days Guide to Winter in South Korea : Busan / Suwon / Seoul 🇰🇷

หนาวแบบคนสวยคนปังครั้งนี้ เราจะพาเพื่อน ๆ หอบผ้าหอบผ่อนออกตะลอน 3 เมืองยอดฮิต ที่แตกต่างกันทั้ง 3 สไตล์ เอาให้ฉ่ำมงนักเที่ยว ฉ่ำโซเชียลกับการอัพสตอรี่ไอจี ตั้งแต่เที่ยวทะเล Busan หน้าหนาวกับพิกัดคูล ๆ ไปดูประวัติศาสตร์ชาติเกาเปี่ยมมนต์ขลัง ณ Suwon เติมพลังด้วยการอัพเดททั้งแกลลอรี่ คาเฟ่ใน Seoul พร้อมแลนด์มาร์กที่เริ่มจัดมุมถ่ายรูปต้อนรับเทศกาลปลายปี เรียกว่ารีวิวฉบับนี้คือใหม่ล่าสุด ระดับที่เพิ่งลงเครื่องบินมาสด ๆ ร้อน ๆ ใครกำลังจะแพลนก็ปัดเข้ามาชมกันได้เลย

สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากตามไปสัมผัสอากาศหนาว วันนี้เราขอมาบอกวิธีลุ้นตั๋วฟรีง่ายๆ กับแคมเปญ ‘Double A QR Rewards แจกใหญ่ ฟินไกลถึงเกาหลี’ ให้เราได้ลุ้นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เกาหลี จำนวน 100 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง มูลค่า 30,000 บาท รวมทั้งหมด 200 ที่นั่ง มูลค่า 3 ล้านบาท โดยวิธีร่วมสนุกก็ง่ายแสนง่าย เพียงลงทะเบียนเพื่อสะสมแต้มผ่าน Line @DoubleAThailand จากนั้นสแกน QR โค้ดที่กล่องกระดาษ Double A เพื่อสะสมแต้ม เท่านี้ก็สามารถแลกสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วแล้ว หรือจะใช้แต้มแลกรับของรางวัลอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน สะสมได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566 พิเศษ!!! แฟนเพจ จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น เพียงกรอกโค้ด DAQR52 ตอนลงทะเบียน รับฟรี 15 แต้ม ใช้แลกสิทธิ์ลุ้นตั๋วได้ 15 สิทธิ์เลยนะ

รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูได้เลยที่
Line : @DoubleAThailand (https://bit.ly/462b7NP)
Facebook : Double A Thailand (https://www.facebook.com/DoubleAThailandOfficial)
Website : https://www.doublearewards.com

BUSAN

เปิดทริปต้อนรับลมหนาวกันที่เมืองยอดฮิตติดทะเล ที่ถูกเติมแต่งสีสันให้มีทั้งความชิล ผสานความน่ารักไว้แทบทุกจุด ‘BUSAN’ เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี และเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก อุดมไปด้วยภูเขา แม่น้ำ ชายหาด พร้อมความเจริญขั้นสุด จึงกลายเป็นอีกเมืองสุดป็อปที่ผู้คนหลั่งไหลมาเที่ยว ถึงแม้ที่นี่จะเจริญขนาดไหน แต่เรื่องความสุขสงบเราบอกเลยว่าไม่แพ้ใคร แถมยังเต็มไปด้วยร้านกาแฟไวป์ดี ให้เราฮอปปิงไม่ซ้ำในแต่ละทริป แน่นอนว่าครั้งนี้เราลิสต์มาฝากถึง 6 พิกัด รับรองว่าทำให้ทุกคนตกหลุมรักปูซานไปตาม ๆ กัน

01 Sky Capsule & Haeundae Beach Train

หลังจากที่ห่างหายปูซานไปแสนนาน กิจกรรมที่ทำให้เราอยากกลับมาเที่ยวปูซานซ้ำอีกครั้งคือ ‘Sky Capsule’ แลนด์มาร์กใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสามปีก่อน เพื่อพัฒนาเมืองด้านที่ถูกทิ้งร้างให้กลายเป็นจุดขึ้นรถรางลอยฟ้า นั่งเลียบทะเลชมวิวสุดคิวท์กว่า 30 นาที ระหว่างสถานี MIPO และ Choengsapo จนกลายเป็นไอคอนประจำเมือง เพื่อน ๆ สามารถเลือกขึ้นจากสถานีใดก็ได้ แต่จุดเริ่มต้นที่คนนิยมสุดจะเป็นสถานี MIPO เพราะรางวิ่งจะอยู่ด้านนอก ทำให้เราได้ดื่มด่ำวิวทะเลได้แบบฉ่ำใจกว่า

โดยขนวนรถของน้องจะเป็นห้องเล็ก ๆ สั้น ๆ สลับสี มีทั้งสีเขียว เหลือง ฟ้า แดง และมีลายการ์ตูนน่ารัก ๆ ที่เป็นขบวนพิเศษ นั่งได้มากสุด 4 คน แต่เราคิดว่านั่ง 2 คนกำลังดี ตรงกลางตู้เขาติดโต๊ะเล็ก ๆ เอาไว้ให้ เผื่อใครอยากซื้ออะไรมากินจุบจิบพร้อมเทควิวทะเลไปด้วย น้องจะทำหน้าที่วิ่งไปบนรางช้า ๆ ราว 5 กม./ชม. ให้เราชมวิวภาพเมืองสลับกับทะเล ด้วยความที่เราเน้นชิลเลยนั่ง ไป-กลับ จะได้ดื่มด่ำกับท้องฟ้าทุกช่วงเวลา พร้อมเก็บภาพงาม ๆ มาฝากทุกคน

แนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับสถานี Choengsapo ด้วย เพราะเป็นจุดที่สามารถถ่ายรูปเจ้า Sky Capsule ได้แบบเต็ม ๆ ภายในหมู่บ้านชาวประมง พร้อมประภาคารสีแดงตัดท้องฟ้าสดใสได้อย่างน่ารักน่าชังราวกับภาพในการ์ตูน นอกจากนี้ก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของฝากกระจุกกระจิกสไตล์เมืองท่า หรือจะไปนั่งในร้านอาหาร คาเฟ่วิวงาม ๆ อย่างร้าน Ocean Breeze ส่วนจุดไคลแมกซ์ของที่นี่จะเป็นตอนที่ Haeundae Beach Train รถไฟวิ่งตัดผ่านเมืองโดยมีฉากหลังเป็นทะเล ถ่ายรูปออกมาให้ฟีลคล้ายกับ Kamakura ที่ญี่ปุ่นเลยน่ารักสุด ๆ

02 Haeundae Beach

พิกัดต่อมาขอพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศทะเลสไตล์เกาหลีแบบแมส ๆ สักหน่อยที่ ‘Haeundae Beach’ ชายหาดแฮอุนแด  ชื่อนี้มาจากนักปราชญ์ขงจื้อ ที่ได้สลักคำเอาไว้บนหินเมื่อราว ๆ พันกว่าปีก่อน ตัวชายหาดมีความยาวประมาณ 1.5 กม. หน้าหาดกว้าง 40-50 เมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมมากมาย สุดปลายด้านหนึ่งเป็นป่าคอนครีตสูงใหญ่ ให้เห็นทั้งธรรมชาติและความเจริญ ที่อยู่ร่วมกันได้อย่างไม่ขัดหูขัดตา เป็นแลนด์มาร์กคู่ปูซานที่ไม่เคยหลับใหล ทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลสำคัญ ๆ อีกมากมาย ได้มาเดินเล่นรับลมทะเลหน้าหนาวมันฟินม๊ากกกกก

03 Waveon Coffee

พิกัดนี้ขอยกให้เป็นร้านกาแฟวิวงามที่สุด ที่อยากให้ทุกคนตามมาเช็กอินตาม ‘Wave on Coffee’ คาเฟ่ที่โดดเด่นเรื่องที่นั่งเอาท์ดอร์ฟีล rooftop ริมผา ชมเวิ้งทะเลอันกว้างไกลสุดตา ไร้สิ่งกีดกวาง ตัวร้านเป็นอาคารทรงโมเดิร์นแปลกตา ออกแบบโดย Kwak Hee Soo สถาปนิกชื่อดังเจ้ารางวัล Korean Architecture Awards ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าทุกแองเกิลของร้าน สามารถครีเอทมุมถ่ายรูปปัง ๆ ได้แน่นอน

โดยเมนูของเขาจะมีทั้ง Coffee, non-coffee และขนมหน้าตาไม่ซ้ำใคร เราลองสั่งเมนูยอดนิยม Fromage Blanc จัดเสิร์ฟมากิ๊บเก๋ คุมโทนอิงกับตัวร้าน ด้านรสชาติจะออกแนวหวานนุ่มผสมเปรี้ยวจากราสเบอร์รี เนื้อสไตล์ขนมฝรั่งเศส มากินคู่กับเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Wollae Latte กาแฟเข้มแสนละไม ที่เข้ากับบรรยากาศชิล ๆ นั่งรับไอแดดอุ่น ๆ พร้อมลมหนาวที่มาปะทะหน้า ทอดมองทะเลสีคราม โดยรวมแล้วเป็นอะไรที่ลงตัวสุด ๆ

04 Huinnyeoul Culture Village

ส่งต่อความชิคด้วยพิกัดหมู่บ้านสีขาวสลับฟ้าเลาะตามไหล่เขาเรียงรายในเขตยองโด พร้อมหันหน้าออกสู่ทะเล ‘Huinnyeoul Culture Village’ เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของผู้อพยพช่วงสงครามเกาหลี ระหว่างปี 1950-1953 จนเมื่อสิบกว่าปีก่อนทางการได้ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ ทาสีอาคารใหม่ แต่งแต้มด้วยงานศิลปะที่สะท้องถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของพื้นที่ คนในแระแวกนี้จึงเริ่มปรับเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นร้านค้าร้านอาหาร ร้านกาแฟให้เราได้เสาะหาตามซอกซอย มุมไหนน่ารัก ทางแสงสวย ก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนแทบลืมเวลาไปเลย

หากเดินไปจนสุดทางของหมู่บ้านก็จะเจอกับมุมลับที่ต้องบอกว่าฮิตหนักมาก เพราะเราจะเห็นเหล่าบรรดาหนุ่มสาวเกาหลีจูงมือกันมาถ่ายรูปคู่หวาน ๆ จนแถวยาวหลายร้อยเมตร ทางเราก็ไม่พลาดที่จะกดชัตเตอร์มาให้ทุกคนดูว่ามันสวยจริง ใด ๆ คือใครอยากหาท่าโพสคิ้วท์ ๆ ปัง ๆ ลองเข้าไปดูแฮชแทกใน instagram ตามนี้ #흰여울문화마을 ได้เลย มันต้องโดนใจกันบ้าง

อีกจุดเป็นภาพอุโมงค์ยอดฮิต ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านใช้สัญจร แต่ด้วยปากอุโมงค์ตรงกับวิวทะเลพอดี จึงกลายเป็นอีกสปอตถ่ายรูปไปโดยปริยาย ถือเป็นเสน่ห์ของเกาหลีที่เขาเหมือนตั้งใจจัดวางองค์ประกอบให้ลงตัวไปซะหมด ทำให้ทางเดินธรรมดา ๆ กลายเป็นจุดเช็กอินได้ง่าย ๆ มันเก๋จริงนะเออ

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่หลงใหลการทอดสายตามองท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดง ที่นี่คือตอบโจทย์มาก เพราะตั้งแต่ช่วงท้องฟ้าสีส้ม ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นวนิลาสกาย จนกลายเป็นแสงทไวไลท์ เรากดชัตเตอร์แบบไม่สามารถหยุดได้ แสงสวยแบบละสายตาไม่ได้จริง ๆ รักท้องฟ้าปูซานจังเลย (:

05 Gwangalli Beach

ชายหาดที่จะมอบความสงบ มอบมู้ดสุดชิลกับวิวที่แสนโรแมนติก ใช่แล้วเรากำลังพูดถึง ‘Gwangalli Beach’ ชายหาดควางอันลีที่รอต้อนรับเราด้วยเม็ดทรายสีขาวนุ่มละเอียด น้ำทะเลใสสะอาดทอประกายระยิบระยับน่ากระโจนเข้าใส่ ความงดงามของหาดอยู่ตรงที่เป็นทรงพระจันทร์เสี้ยวยาว 1.4 กม. สุดปลายหาดอัดแน่นไปด้วยตึกสูงใหญ่มากมาย มองแล้วให้ฟีลเหมือนไมอามี แต่ภาพที่ทำให้เราสตั๊นตั้งแต่แรกเห็นคือ สะพานแขวน Gwangandaegyo ที่ทอดยาวกว่า 7.4 กม. (ยาวเป็นอันดับ 2 ของเกาหลี) ขนานกับชายหาดอยากลงตัว จนกลายเป็นมุมยอดนิยมของที่นี่

สิ่งที่มาช่วยเพิ่มสีสันให้หาดนี้ขอยกให้กับเหล่าร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่สำหรับฮอปเปอร์ทั้งหลาย ที่มีมากมายแบบสาแก่ใจ ส่วนร้านที่เราขอแนะนำคือ Casa Busano Gwangan Branch ตั้งอยู่ตรงข้ามชายหาด ที่หน้าร้านเปิดโล่งรับแสงอุ่น ๆ ยามเช้า พร้อมที่ให้นั่งจิบกาแฟเคล้าเพลงชิล ๆ พร้อมมองวิวทะเลสลับกับผู้คนที่มาเดินเล่นเลาะชายหาด รถแล่นผ่านไปมาเป็นช่วง ๆ ดูมีชีวิตชีวาสุด ๆ

ความสวยงามของที่นี่เริ่มตั้งแต่เวลากลางวันที่ผิวน้ำเล่นแสงระยิบระยับกับพระอาทิตย์ พอเวลาตกยังความสวยก็ทวีคูณขึ้นเป็นสามเท่า กับการเปลี่ยนสีของฟ้าเป็นวานิลลาสกายแสนโรแมนติก จรดกลางคืนก็เริ่มมีแสงไฟประดับสะพานส่องแสงสะท้อนน้ำอย่างงดงาม เพราะฉะนั้นจะแพลนมาช่วงเวลาไหนก็ได้ภาพปัง ๆ กับไปลงโซเชียลแน่นอน

06 Gamcheon Culture Village

ปิดท้ายเมืองปูซานด้วยโลเคชั่นฮอตฮิตตลอดกาล ‘Gamcheon Culture Village’ หมู่บ้านบนเนินเขา อัดแน่นไปด้วยอาคารที่อยู่อาศัยหลายร้อยหลังคาเรือน ทาสีสันสดใสมองจากมุมไกลแล้วเหมือนเม็ดสีที่ถูกแต้มทีละจุดน่ารักน่าหยิก ดูเป็นหมู่บ้านใหม่แต่ความจริงที่นี่มีมานานกว่า 73 ปีแล้ว จากการอพยพของผู้คนช่วงสงครามเกาหลี ก่อนถูกฟื้นฟูด้วยผลงานศิลปะจากเหล่าศิลปินเฉกเช่นทุกวันนี้ เป็นการเสกพื้นที่ไร้ชีวิตชีวาให้กลายเป็นเมืองสีลูกกวาด จากหมู่บ้านศาสนาอันคร่ำครึเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมที่น่ามอง ใครยังไม่ได้มาถือว่าพลาดมาก ๆ

นอกจากที่มาจะน่าสนใจแล้ว การได้ย่างกายเข้ามาในหมู่บ้านยิ่งทำให้เราสนใจขึ้นไปอีก กับเหล่าร้านค้าดีไซน์แปลกตา มีแกลลอรีของศิลปินท้องถิ่น รวงร้านวางขายของออกแบบไม่เหมือนใคร แซมด้วยร้านกาแฟปุ๊กปิ๊กน่ารักเต็มไปหมด ส่วนไฮไลต์ประจำย่านต้องยกให้จุดชมวิวของเจ้าชายน้อย ตัวละครเด่นในวรรณกรรมยอดฮิต ที่กำลังนั่งมองเหม่อชมวิมเมืองแห่งสีสัน ไล่เลาะเทือกเขาลงสู่ทะเล เป็นกิมมิกเล็ก ๆ ที่ผู้คนต่างมายืนรอถ่ายรูปแถวยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว

SUWON

เมืองมรดกโลกแห่งจังหวัดคยองกี ที่เราเลือกมายลโฉมในช่วงเปลี่ยนผ่านจากใบไม้ร่วงสู่ฤดูหนาว ด้วยความที่ ’SUWON’ อยู่ไม่ไกลจากกรุงโซล ระยะทางเพียง 30 กม. จึงกลายเป็นอีกที่ที่เราสามารถเที่ยวชมประวัติศาสตร์เกาหลีแบบไม่น่าเบื่อ กับภาพพระราชวังโบราณ ป้อมปาการที่ยังคงยิ่งใหญ่สมบูรณ์ ห้อมล้อมด้วยเมืองศิวิไลซ์ เป็นความคอนทราสที่สวยงามโดดเด่น จนต้องขอพาทุกคนมาแวะเที่ยวชมสัก 3 พิกัดชิล ๆ

01 Hwaseong Fortress

หมุดหมายหลักที่เรามาเยือนซูวอนในครั้งนี้คือ ‘Hwaseong Fortress’ ป้อมปราการฮวาซอง ป้อมขนาดใหญ่ความสูงประมาณ 4-6 ม. ยาวกว่า 5.74 กม. ซึ่งสร้างมาเพื่อปกป้องเมืองและอยู่คู่เกาหลีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ออกแบบโดยสถาปนิกที่เก่งด้านทหาร ใช้วิวัฒนาการที่ดีที่สุด ณ ตอนที่มาสร้าง จึงมีทั้งความสวย และฟังก์ชั่นการใช้งาน ด่านเฝ้าระวังศัตรูครบครัน พร้อมประตูเมืองทั้ง 4 บาน หอคอย ปืนใหญ่ ฯลฯ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้ที่นี่ได้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรมนั่นเอง

เราเริ่มเดินจากทางตะวันตกของป้อมที่ Hwaseomun Gate รูปทรงโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยว มีหอสังเกตการณ์ตั้งอย่างโดดเด่น บนเพดานบริเวณประตูยังมีภาพวาดมังกรแบบเกาหลีให้ได้ชม จนมาถึง Janganmun Gate ระยะทางเพียง 600 เมตร แต่รู้สึกยาวนาน เพราะมัวแต่ละเลียดชมความสวยงาม ของบ้านเรือนสมัยเก่าและใหม่ รวมถึงกำแพงเมือง ป้อมต่าง ๆ ที่แทบจะเป็นจุดถ่ายรูปได้ทุกมุม แถมยังได้ชมสีสันใบไม้กำลังผลัดใบที่ยังพอหลงเหลืออยู่ภายใน Jangan Park สวนสาธารณะใกล้ชิดติดของกำแพง ถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอย่างแท้จริง

ส่วนเพื่อน ๆ ที่อยากดื่มด่ำกับบรรยากาศวังเก่านี้ต่อ ก็สามารถมานังเนิบ ๆ ชิล ๆ กันได้ที่ Paletscent Cafe ร้านกาแฟบนชั้น 2 ที่มีโซนดาดฟ้า เป็นวิว Janganmun Gate มุมที่กลายเป็นไอคอนิกประจำโซเชียล ใครได้มาเที่ยวซูวอนเป็นต้องมาจิบกาแฟ พร้อมถ่ายรูปมุมนี้ทุกคน ยิ่งตอนอากาศหนาว ๆ แดดดี ๆ แบบนี้ยิ่งนั่งเพลิน

02 Butter Book

ร้านที่ทำเราใจสั่นตั้งแต่นั่งทำแพลน เพราะความน่ารักน่าครอบครอง กับตัวร้านที่เป็นสีเหลืองมัสตาร์ด เอกลักษณ์ของร้าน ‘Butter Book’ ที่มีอยู่หลายสาขาในเกาหลี แต่สาขาซูวอนนี้เราเห็นแว๊บเดียวก็ตัดสินใจมาทันที ด้วยความลงตัวของการออกแบบและจัดวาง ภายในตกแต่งมิกซ์เฟอร์นิเจอร์ระหว่างสไตล์โฮมมี่กับเรโทร คุมโทนอุ่นตั้งแต่สีเหลือง ส้ม แดง ด้านในสุดจะเป็นเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม จัดวางขนมหน้าสดใส พร้อมตู้ไอศกรีมโฮมเมดให้เราเลือกตามอัธยาศัย มีที่นั่งไว้บริการถึง 2 ชั้น หรือจะนั่งโซนเอาท์ดอร์หน้าร้านก็ได้เช่นกัน

ร้านนี้เค้าขายขนมหน้าตาน่ารักหลายอย่าง มีทั้งคุ้กกี้ สโคน พร้อมเครื่องดื่มครบทั้งชา กาแฟ โดยเมนูขึ้นชื่อของเขาคือโดนัทหน้าตาเกาหลีเกาใจ ซึ่งมีไส้ซิกเนเจอร์มากมาย เราลองสั่ง Lemon donut และ Lotus S’mores Cookies มากินตัดกับกาแฟดำอย่างอเมริกาโน ถือว่าอร่อยลงตัวแบบตัวแม่ตัวมารดา ไม่แปลกใจทำไมร้านโด่งดัง แล้วตอนที่เรามาคือคนเกาหลีแวะมาซื้อโดนัทแบบ Take away กันไม่ขายสาย

03 Goldie’s

อีกคาเฟ่โซคิวท์ที่เราใช้แต้มบุญ บังเอิญเดินมาเจอ ‘Goldie’s’ คาเฟ่อิฐแดงที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปีตั้งอยู่หัวมุมถนน ทำให้มีรูปทรงโดดเด่น อาคารถูกปูทับด้วยอิฐแดง ด้านข้างมีผ้าใบที่ยื่นมาบังแดดให้กับโต๊ะสำหรับนั่งด้านนอก ทั้งการวางเลย์เอาท์ประตู กระจก ฟอนต์ร้าน ต่างเป็นสไตล์ยุโรป แต่ก็ไม่แคล้วมีความมินิมอลในแบบเกาหลีอยู่ ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายอบอุ่น ชั้น1 โดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์กาแฟยาวเกือบครึ่งของร้าน พร้อมบรรดาขนมที่มีให้เลือกละลานตา มีบาร์นั่งหันออกนอกร้าน ส่วนชั้น 2 จะเป็นชุดโต๊ะวางอย่างเป็นระเบียบ และชุดโซฟานุ่มนิ่มให้นั่งชิลได้ยาว ๆ

เมนูชูโรงของเขาคือโดนัท พายโฮมเมด เบเกิล และอาหารแบบ all day brunch เราเลือกสั่ง Cereal Cream Donut (Signature Donut) โดนัทแบบลักซ์ชูทั้งแป้งทั้งครีมชีส หอมหวานพรีเมียม ส่วนอีกชิ้นจะเป็นเหมือนพิซซ่าแต่ใช้แป้งครัวซองต์ โบกมาทั้งกุ้ง สับปะรด และชีสหอม ๆ เค็ม ๆ ถือเป็นของกินเล่นที่อร่อยอยู่ท้อง กินคู่กับซิกเนเจอร์ Cream Latte นี้ได้อย่างเหมาะสมคู่ควร

SEOUL

กลับสู่พื้นที่ของออนนี่อปป้าหน้ามนคนเก๋ SEOUL กรุงโซลเมืองหลวงของแดนกิมจิที่ได้ใจสาวเที่ยวซิตี้และบิวตี้ไปอย่างล้มหลาม เพราะเต็มไปด้วยย่านช็อปปิงของแฟชั่น เครื่องสำอาง สกินแคร์ ร้านกาแฟแสนคูล อาร์ตแกลเปิดใหม่ รวมถึงพิกัดเหมาะสำหรับถ่ายรูปหน้าหนาวที่เราเพิ่งค้นเจอ บอกเลยว่าทั้ง 7 พิกัดที่หยิบมาฝากกันครั้งนี้ มีมุมถ่ายรูปสำหรับคอลเลกชั่นหน้าหนาวแบบปังแน่นอน

01 Sticky Monster Lab STILL LIFE Exhibition

หากใครเป็นแฟนคลับ Sticky Monster Lab บอกเลยว่าไม่ควรพลาดงานนี้เด็ดขาด กับเหล่าสัตว์ประหลาดที่มีรูปทรงและหน้าตาเรียบง่ายเป็นเอกลักษณ์ พร้อมอิริยาบถน่ารัก ๆ พร้อมทำเราตกหลุมรักได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะจากงาน Installation Art, โฆษณาให้แก่แบรนด์ชั้นนำ, ฟิกเกอร์ของสะสม และงานนิทรรศการที่กระจายจัดในหลายประเทศทั่วโลก แต่ที่ฉ่ำสุด ณ เวลานี้อยู่ที่กรุงโซลกับงาน ‘Sticky Monster Lab STILL LIFE Exhibition’

โดยยกผลงานมาโชว์ให้เราชมมากถึง 100 ชิ้นงาน กระจายอยู่ทั้ง 13 โซน เป็นการเล่าเรื่องราวใน M-City ตลอด 24 ชม. ที่บรรดาคาแรกเตอร์ต้องใช้ชีวิตตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่ละตัวมีรูปร่าง อารมณ์ นิสัย อาชีพ ความชอบ และรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่าง เราชอบที่เขาใส่ใจกระทั่งการใช้แสงให้รู้ว่านี่คือตอนเช้า ตอนบ่าย สลับงานกราฟฟิก วิดีโอ พร้อมโซนขายของที่ระลึก ที่อาจทำเงินหลุดออกจากกระเป๋าเราได้ง่าย ๆ เพราะงานคือน่ารัก พรีเมียม ไร้ที่ติสุด ๆ

02 Sinsa House

ขอแวะอีกสักหนึ่งแห่งที่มาช่วยสร้างแรงบันดาลใจแก่การทำงานให้เราได้อย่างไหลลื่น ‘Sinsa House’ ภายในอาคารอิฐแดงฟอร์มเท่ ตั้งอยู่หัวมุม ปรับพื้นที่ไว้ใช้สำหรับจัดนิทรรศการแบบหมุนเวียน เพื่อเป็นฮับรวบรวมไอเดียเท่ ๆ ทั้งด้านศิลปะและวัฒนธรรมจากศิลปินที่มีผลงานสุดคูล ประหนึ่งเวทีแสดงโชว์ ให้ผู้คนได้ชื่นชมพร้อมนำไปต่อยอด กระตุ้นการสร้างจินตนาการต่อไปได้

ช่วงที่เรามาตรงกับนิทรรศการของ ‘Keykney’ illustrator ชาวเกาหลีที่โด่งดังในโลกโซเชียล จากการวาดภาพเพื่อเน้นสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขแก่ผู้คน ด้วยลายเส้นที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความทะเล้น กับท่าทางของคาแรกเตอร์ที่ชวนหัวร่อ เสียดสีชีวิตจริงได้อย่างน่าขัน ทั้งรูปแบบงานปั้น ตุ๊กตา งานที่ให้เราได้มีส่วนรวม และทุกอย่างเป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่า ‘เออ จริงว่ะ.. เราก็เป็น’ ‘เออเรื่องแบบนี้เราก็เคยเจอ’ รับรองว่าได้มาดูแล้วจะประทับใจอย่างแน่นอน

03 Starfield Library

แลนด์มาร์กสวยแบบสรรค์สร้าง ‘Starfield Library’ ใน Coex Mall Gangnam ห้องสมุดแสนงามที่มาวันธรรมดาว่าจึ้งแล้ว มาช่วงปลายปีต้องอึ้งตาแตกเข้าไปอีก กับต้นคริสต์มาสยักษ์ตั้งอยู่กลางโถง สูงครอบคลุมทั้ง 2 ชั้น จากพื้นชูช่อขึ้นสุดเพดาน ทั้งต้นประดับไฟสีเหลืองอร่ามดังทองสะท้อนจ้าไปทั่วบริเวณ เท่านั้นยังมีพอ ทุก ๆ 15 นาทีเขายังมีโชว์ฉายแสงไฟไปที่ชั้นหนังสือให้เราชมอีกด้วย เล่นใหญ่เล่นโตขนาดเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์สำหรับผู้มาเยือนได้เลย 

นอกจากห้องสมุดแล้ว Coex mall แห่งนี้ ยังละลานตาไปด้วยร้านอาหารคาวหวานให้เลือกทาน รวงร้านให้แวะช้อปกันเพลิน ๆ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ตลอดจนร้านขายเครื่องเขียนครบวงจรอย่าง LINKO ที่เราได้แวะเข้าไปดู แล้วก็เจอกับเชลฟ์วางสินค้าจาก Double A เชื่อแล้วว่าของเขาการันตีเรื่องคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ถึงขนาดต่างประเทศยังวางขาย แถมตอนนี้ยังเปิดโอกาสให้เราได้ลุ้นตั๋วฟรีมาเที่ยวไกลถึงเกาหลีด้วย มันเลิศตรงนี้แหละ

04 Olympic Park Seoul : lonely tree

ยามเข้าบ่ายแก่ ๆ เราก็ออกมาเทคไทม์สไตล์คนชิลกันที่ ’Olympic Park Seoul’ สถานที่หย่อนใจที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของประวัติศาสตร์ จากที่เคยเป็นป้อมปราการสมัยอาณาจักร Baekje ก่อนจะถูกปรับให้เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี เพื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิดฤดูร้อนเมื่อปี 1988 นั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเก็บรักษา ดูแลสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ยังหลงเหลือเอาไว้อย่างดี ผสมกับงานออกแบบสมัยใหม่ เราชอบเดินมาที่โซนสวนสาธารณะ ยิ่งช่วงใบไม้ร่วงตอนนี้ไวบ์จะดีมากกกกกกก.. กับสีน้ำตาลแบบฉ่ำ ตัดกับสีฟ้าสดใสแล้วเป็นคู่สีที่ชวนเคลิ้ม นั่งมองเป็นนานสองนาน

จุดไฮไลต์ที่เราต้องมาแทบทุกครั้ง ‘lonely tree’ ต้นไม้ยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางเนิน ที่ช่วงเข้าใกล้หน้าหนาว หญ้ารอบ ๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล ตัดกับต้นไม้สีเขียวเป็นพุ่มดูสวยไปอีกแบบ ในวันหยุดหรือช่วงเย็น ๆ เราจะเห็นผู้คนมาปูเสื่อปิกนิก เด็ก ๆ วิ่งเล่น หนุ่มสาวมาจัดเฟรมถ่ายรูปกันอย่างคึกคัก หรือถ้าอยากเดินเที่ยวโซนอื่น ๆ ด้วยก็ได้ไม่ว่ากัน แต่แนะนำให้เช็กประตูทางเข้าดี ๆ เพราะถ้าเข้าผิดอาจทำพวกเธอขาลากได้เลย

05 Nudake – Sinsa

มาต่อกันที่แบรนด์คาเฟ่ยืนหนึ่งเรื่องความครีเอทีฟ ตอนนี้มีถึง 3 สาขาในเกาหลี แต่ละที่มีคอนเซปต์ที่ต่างกันออกไป สำหรับ ‘Nudake – Sinsa’ สาขานี้จะเน้นไปที่ครัวซองต์เป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เน้นไปแค่เรื่องเมนู แต่เขายังสร้างชิ้นครัวซองต์อันใหญ่ยักษ์ไว้ตกแต่งร้าน และอันจิ๋วทรงต่าง ๆ มาวางแซม พร้อมรูปปั้นหญิงร่างชับบี้นั่งกอดเสา, นั่งชันเข่า กระจายอยู่ทั่ว โดยชั้นแรกจะเป็นโซนสั่งเครื่องดื่ม-ขนม วางเรียงรายให้เราเลือกดั่งงานศิลปะ ส่วนชั้นสองก็เป็นโซนที่นั่ง การจัดวางทุกอย่างเหมือนอยู่ในอาร์ตแกลลอรี่ สร้างฟีลลิ่งการกินดื่มได้แบบไม่เบื่อเลย

จากที่เราได้เดินชมอย่างละเอียด เขามีขนมให้เราเลือกถึง 22 เมนู ด้านเครื่องดื่มก็ยกมาทั้ง coffee, non-coffee จากที่นั่งพินิจแล้ว เราเลือก Tomato Galette ของว่างที่หน้าตาคล้ายพิซซ่าแต่ตัวฐานกลม ๆ นั้นเป็นแป้งครัวซองต์ ท็อปด้วยมะเขือเทศรสเปรี้ยวหวานนัวมากับชีส รวมกันแล้วเป็นรสชาติที่สดชื่น ซิกเนเจอร์อีกเมนู kimchi Oniwassant ครัวซองต์ทรงข้าวปั้นที่กลายเป็นชิ้นโปรด กับแป้งกรอบหอมเนยมีความ Caramelised กัดไปเจอไส้กิมจิเบคอน เปรี้ยว ๆ เผ็ดนิด ๆ เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ เติมความน่ารักอีกหน่อยด้วย Croistick ครัวซองต์รูปแบบเฟรนซ์ฟราย เหมาะกินคู่กับ Nu Latte กาแฟนมแสนกลมกล่อม จึงขอยกขึ้นแท่นให้เป็นเดอะเบสต์คาเฟ่ยุคใหม่สำหรับเราไปเลย

06 Protokoll Roaster – Sangsu Branch

เมื่อคาเฟ่ร้านโปรด ‘Protokoll Roaster’ มาเปิดสาขาใหม่ในย่าน Sangsu มีหรือแฟนตัวยงอย่างเราจะพลาด ก็ต้องจับใส่แพลน มอบเวลาอันทรงคุณค่าให้ไปเลยสองชั่วโมง เพราะที่นี่เป็นคาเฟ่ฟีล co-working space ที่อยู่ในอาคารฟอร์มเท่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมี 2 ตึก ตึกแรกเป็นที่สำหรับออร์เดอร์, วางขายเมล็ดกาแฟ ส่วนตึกที่สองจะมีสามชั้น ให้เรานำใบออร์เดอร์มายื่น แล้วขึ้นไปนั่งรอขนม-เครื่องดื่มอย่างรื่นรมย์ด้านบนได้เลย การออกแบบภายในนั้นยังคงคอนเซปต์ความเรียบง่าย ฟอร์มของเฟอร์นิเจอร์ดูเคร่งครึม แต่ด้วยโทนสีขาวน้ำตาลก็ทำให้สบายตาไปพร้อม ๆ กัน นี่ถ้าเอาคอมมาด้วย เราคงนั่งทำงานได้ทั้งวัน

ด้านกาแฟของที่ร้าน บอกเลยว่าไม่ได้มาเล่น ๆ จริงจังขนาดมีโรงคั่วเป็นของตัวเอง ผลิตตั้งแต่เฮาส์เบลนด์รสชาติเฉพาะตัว เบลนด์เมล็ดนอกจาก Ethiopia, Colombia, El Salvador, Kenya ที่แค่มายืนเลือกเมนูก็เจอความหอมแบบตะโกน แถมเหล่าบาริสต้าเขายังแต่งตัวเนี้ยบคุมโทนสีดำเหมือนร้านสาขาแรก พร้อมวิธีการสกัดกาแฟให้เราเลือกได้ทั้งแบบแมชชีน และดริป ซึ่งมีอโรมา-บอดี้แตกต่างกันแล้วแต่ความชอบ เราสั่งมาทั้งอเมริกาโน, ลาเต้ มากินพร้อมกับ Butter Scoth Homemade บอกเลยว่าขนมกับกาแฟขม ๆ นี่ล่ะคือที่สุดแห่งความฟิน  

07 Gwedo

เดอะลาสต์โลเคชั่นสำหรับกรุงโซล ขอทิ้งทวนด้วยคาเฟ่ขาวดำสุดเท่ ‘Gwedo’ โดดเด่นด้วยจอ LED มาช่วยสร้างคาแรกเตอร์แก่ร้านให้น่าจดจำ ฉายภาพคลื่นน้ำ พระจันทร์วนไปเรื่อย ๆ ขณะที่บาริสต้าหน้ามนกำลังดริปกาแฟอย่างใจเย็น ไหลลื่นไปกับภาพที่ฉาย เป็นกิมมิกแสนเก๋ ที่ใคร ๆ เห็นก็ต้องสตั๊น กลางร้านจะเป็นบาร์กระจกใสรูปตัว U ให้เราเลือกนั่งตามใจ หากมาเป็นกลุ่มก็มีโต๊ะให้นั่งแยกเช่นกัน 

เรื่องการจัดเสิร์ฟเขาคุมสีคุมโทนให้เข้ากับร้านแบบสุด ด้วยขนมที่เน้นสีขาวและสีโทนเข้ม เช่นเดียวกับเครื่องดื่ม เราสั่งกาแฟที่เป็นเมนูเอกซ์คลูซีฟของร้าน ‘Baek-san’ เบลนด์พิเศษที่ใช้เมล็ดบราซิล-อินเดีย เข้มละมุนเข้าคู่กับ ’Chestnut Cheese Cake’ เค้กหน้าไหม้เนื้อแน่นเนียน หวานอ่อน ๆ ผสม chestnut หอม ๆ นัว ๆ กินสลับกันแล้วเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย

Trick เล็ก ๆ สำหรับคนที่จะตามรอยเที่ยวเกาหลี นอกจากเตรียมชุดสวย ๆ พร้อพเลิศ ๆ แล้ว อย่าลืมพรินต์แพลนท่องเที่ยว หลักฐานการจองที่พัก-การจองรถ รถไฟ ตั๋วขากลับ ฯลฯ เอาไว้ให้พร้อม จะให้ดีแนะนำให้พรินต์ลงกระดาษจาก Double A ไปเลย เพราะแค่สัมผัสก็รับรู้ได้ว่าเป็นกระดาษระดับพรีเมียม หนากว่า เนื้อเรียบลื่นสุด ช่วยให้การพรินต์มีความคมชัดมากขึ้น การันตีคุณภาพด้วยการยอมรับกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ที่สำคัญยังมีโอกาสสะสมแต้มแลกสิทธิ์ลุ้นตั๋วเครื่องบินฟรี หรือแลกของรางวัลได้อีกด้วย เพื่อให้เขาเห็นถึงความตั้งใจ.. มาเปลี่ยนกระดาษให้เป็นตั๋วเครื่องบินกันเถอะ

โค้ดพิเศษสำหรับแฟนเพจ จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น เพื่อรับเพิ่ม 15 แต้ม : DAQR52

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือเกาหลีเกาใจในหน้าหนาว ที่สามารถเที่ยวได้ทั้งกับแฟน เพื่อน และเที่ยวคนเดียว เพราะทุกที่มันดีจนเราลืมเหงา ทั้งทะเลท่ามกลางลมเย็นแต่ก็ยังอบอุ่นไปด้วยแสงแดดที่เปลี่ยนเฉดอย่างงดงาม เมืองประวัติศาสตร์ที่อยู่เคียงข้างเมืองสมัยใหม่อย่างกลมกลืม มองเพลินจนไม่ต้องสนใจใคร แม้กระทั่งคาเฟ่-งานอาร์ตเท่ ๆ คิวท์ ๆ มีสลับกันไปจนเราลืมเบื่อ หากชอบเมืองไหนก็หยิบไปดีไซน์ทริปกันได้เลย แต่ถ้าอยากเก็บให้ครบแบบเรา ก็จัดสัก 6 วันกำลังชิลแล้วลอกตามนี้ได้เลยเช่นกัน