รีวิวญี่ปุ่น :: The perfect 3 days travel plan to Fukuoka, Japan with YouTrip Travel Card 🇯🇵

เตรียมตัวรับแรงปะทะจากมวลความน่ารักให้ดี เพราะทริปนี้เราจะพาทุกคนพบไปเจอสีสัน ความมีชีวิตชีวา ของ 13 จุดเช็กอินสุดฟินแห่ง Fukuoka เมืองหลักของเกาะคิวชูที่โดดเด่นรอบด้านไม่มีพร่อง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒธรรม อาหารคาวหวาน รวมถึงแลนด์มาร์กสุดเก๋ ที่รอให้เราไปเยือน ไปสัมผัส ไปครีเอทคอนเทนต์ปัง ๆ กันอย่างเนืองแน่น รอบนี้จัดแพลน 3 วัน มาให้ปักหมุดเที่ยวตามกันง่าย ๆ ฉ่ำ ๆ พร้อมแชร์ต่อทริคการใช้จ่ายให้คุ้มค่ามากขึ้น ง่ายต่อการเดินทางมากขึ้นอีกสิบเท่า กับบัตร YouTrip บัตรเติมเงินต่างประเทศ ที่ให้เรทดีที่สุด มีให้เลือกมากถึง 150 สกุลเงิน สามารถแลกเก็บไว้ได้มากสุด 10 สกุลเงิน สมมงสโลแกน “ใช้จ่ายเรทดี ทุกที่ทั่วโลก” ขอเสียงปรับมือดัง ๆ ให้ความโฮ่งต่อจากนี้ได้เลยจ้า …

นอกจากแพลนที่เราทำมาแบบเป๊ะปังแล้ว การใช้จ่ายของเราจะต้องเลิศไปแพ้กัน ทริปนี้เลยขออนุญาตพาเพื่อนร่วมทางคนใหม่มาแนะนำ นั่นคือบัตร YouTrip เป็น multi-currency travel wallet มาพร้อม Mastercard สามารถใช้จ่ายได้มากถึง 150 สกุลเงินด้วยเรทที่ดีที่สุด พร้อมฟรี!! ทุกค่าธรรมเนียม แถมสามารถล็อกเรทล่วงหน้าได้ถึง 10 สกุลเงิน ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแอปพลิเคชัน YouTrip และสำหรับญี่ปุ่นเราก็แตะ รูดจ่ายอย่างมันส์มือ แถมยังสามารถกดเงินสดผ่านตู้ ATM ได้ฟรี!! ไม่เสียค่าธรรมเนียมอีกด้วย จอสระอึ้งแบบนี้ทุกคนควรมีเป็นของตัวเอง ตามไปสมัครเลยด่วน ๆ ที่ https://go.you.co/jatiewpainai

Day 1

001 Tanushimaru Station 田主丸駅

เปิดทริปฟุกุโอกะแบบคาวาอีกันที่ ‘Tanushimaru Station’ สถานีรถไฟที่มีธีมการตกแต่งแสนคิวต์ ในเมืองคุรุเมะ เมืองแห่งต้นกำเนิดทงคตสึราเมง เมืองแห่งผลไม้ และยังโด่งดังจากตำนานเรื่องกัปปะ ภูตพิทักษ์สายน้ำที่มีเรื่องเล่าหลายรูปแบบ บ้างว่ามีความซุกซนแฝงอันตราย บ้างก็เชื่อว่ามอบโชคลาภ ทางเมืองจึงได้ครีเอตสถานีให้เป็นรูปทรงกัปปะ โดยตัวอาคารเป็นสีขาวทรงสูง ตรงกลางมีจั่วสามเหลี่ยมคล้ายปากเป็ดยื่นออกมา พร้อมหน้าต่างสองบานติดขนานกันเป็นดวงตา และบนกลางหลังคาเรียบแปล้คล้ายทรงผมของกัปปะ พอถ่ายรูปออกมาแล้วมันน่ารักน่าหยิก ยิ่งมีรถไฟทรงคลาสสิกวิ่งผ่านยิ่งทำเราใจบางไปหมด

ด้านในทำหน้าที่เป็นเหมือนคาเฟ่ที่ขายทั้งอาหาร ขนม และของฝากชื่อ Kapateria Cafe มีการตกแต่งได้อย่างอบอุ่น ใช้สีขาว แซมโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์วัสดุไม้ พร้อมโคมไฟดวงกลมห้อยติดเพดานเพิ่มความน่ารัก เมนูของร้านนั้นถูกพัฒนาสูตรโดยเชฟท้องถิ่นจากร้านอาหารฝรั่งเศสอันโด่งดังในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น  ‘かっぱのマカロン’ มาการองหน้ากัปปะตัวน้อย หอมหวานไปด้วยน้ำตาลและอัลมอนด์  ‘KAPATERIAのスムージー’ สมูททีเขียวฉ่ำ สดชื่นไปด้วยกีวี แอปเปิล โยเกิร์ต และกล้วยเข้ากันแบบงง ๆ แต่ก็กินได้จนหมด หรืออยากกินแบบจริงจังเขาก็มีข้าวหน้าแกงกะหรี่ และราเมง ที่ตกแต่งเป็นหน้าน้องกัปปะให้เลือกทานเช่นกัน 

เปิดความประทับใจกับการใช้จ่ายโลเคชันแรกด้วยบัตร YouTrip สามารถแตะ รูด จ่าย ได้ตามร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหารได้รวดเร็วทันใจเว่อร์ ซึ่งร้านนี้ก็สามารถใช้ในการชำระได้แบบผ่านฉลุย เป็นวิธีที่เราชอบสุด ๆ เพราะไม่ต้องนับเงินให้เสียเวลา ไม่ต้องพกเงินเป็นฟ่อน ๆ ให้ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง 

002 Nyoirinji Frog Temple

วัดกบที่มีชื่อเป็นทางการว่า ‘Nyoirinji Frog Temple’ หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ‘Kaerudera’ ที่แปลกว่ากบแบบตรงตัว เนื่องจากที่นี่มีเหล่ารูปปั้นกบที่ตั้งเรียงรายละลานตาอยู่กว่า 10,000 ตัว อีกทั้งยังมีไฮไลต์ของวัดคือเจ้าแม่กวนอินที่สร้างตั้งแต่สมัยเฮอัน ซึ่งถือเป็นเจ้าแม่กวนอิมองค์ยืนแห่งเดียวในญี่ปุ่น ทำหน้าที่รวมจิตรวมใจของชาวเมือง ช่วยดลบันดาลความปรารถนาของผู้คนให้เป็นจริง แล้วยังมี Power Spot อีกหลายแห่งที่เสริมดวงเรื่องต่าง ๆ โดยมีป้ายคำว่า ‘คาเอรุ’ ที่แปลได้ 2 ความหมายว่า ‘กบ และ การกลับมา’ ไม่ว่าจะเป็น ‘การได้รับเงินกลับคืน’ ‘ได้สุขภาพที่ดีกลับมา’ ‘การกลับบ้านอย่างปลอดภัย’ เป็นต้น

ส่วนรูปปั้นกบเยอะแยะมากมายที่เราพูดถึง แต่ละตัวมีรูปลักษณ์ อิริยาบถ ดีไซน์ วัสดุแตกต่างกัน บ้างเป็นกบเสมือนจริงแต่ส่วนใหญ่เป็นแบบการ์ตูนท่าทางยียวนเรียกรอยยิ้มให้เราตลอดทาง จนกลายเป็นมีมที่คนญี่ปุ่นชอบถ่ายลงโซเชียลพร้อมบทความขำขัน เรียกว่าเป็นวัดที่สร้างมู้ดแฮปปี้ได้ดีสุด ๆ 

อย่างที่รู้กันว่าศาลเจ้า วัด ในญี่ปุ่น เกือบ 100% เขาจะรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น แต่ YouTrip ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด ด้วยการให้เราใช้บัตรกดเงินสดจากตู้ ATM ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม นอกจากจะได้เรทดีแล้ว เรายังไม่ต้องเดินทางไปต่อแถวแลกเงินให้เสียเวลาด้วย ทางนี้เลยเตรียมกดเงินเพื่อมากวาดเครื่องรางไว้เป็นของฝากเพื่อน ๆ และครอบครัวแล้วหนึ่งกรุบ

003 Dazaifu Tenmangu 太宰府天満宮

สำหรับสายมูแนะนำให้มาที่ ‘Dazaifu Tenmangu’ โดยศาลเจ้าใหญ่ที่กลายเป็นแลนด์มาร์กของฟุกุโอกะแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่ ซุกาวาระ โนะ มิจิซาเนะ นักวิชาการ นักการเมืองในยุคเฮอันผู้มีความสามารถ มีหน้าที่การงานก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ทัดทานอำนาจของตระกูลฟูจิวาระผู้ผูกขาดเกียวโตในขณะนั้น ทำให้เขาถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงมายังที่ดาไซฟุ หลังจากนั้นไม่นานเขาได้เสียใจชีวิตลง และก็เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ของประเทศ เชื่อกันว่าเกิดจากความโกรธแค้นของมิจิซาเนะ จึงได้สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นนั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นผู้คนยังยกมิจิซาเนะ ให้เป็นเทพประจำศาลเจ้าที่ช่วยในเรื่องการศึกษาให้เหล่านักเรียน นักศึกษาได้มาสักการะขอพร 

หลังจากที่ไหว้พระเสร็จแนะนำให้เดินออกมาบริเวณหน้าศาลเจ้า จะพบกับถนนซันโด ถนนคนเดินที่เชื่อมต่อไปยัง Dazaifu Station บนระยะทางราว ๆ 300 เมตรนี้เราจะได้เพลิดเพลินไปกับบรรดาร้านค้า ที่ตั้งเรียงรายทั้งร้านขายของฝาก ของกินเล่น คาเฟ่ และร้านอาหาร เราจึงไม่พลาดที่จะลองสุ่มหาของกิน จนมาเจอโมจิไดฟูกุที่มีความเหนียวนุ่ม กัดไปเจอถั่วแดงกวนหวาน ๆ หนึบ ๆ ตัดกับสตรอว์เบอร์รีสด แค่กัดคำแรกก็ชื่นใจสุด ๆ ใครมาถึงศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu ก็เผื่อเวลาสำหรับถนนเส้นนี้ไว้ด้วยนะ ดีมาก เพลินมาก จอยเว่อร์

ท่ามกลางรวงร้านมากมายแกจะพลาดไม่ได้เลยกับ Starbucks สาขา Dazaifu Tenmangu Omotesando แห่งนี้ เพราะถือเป็นหนึ่งในสาขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยการออกแบบเทคนิคโบราณ Kigumi การใช้ไม้ขึ้นโครงบ้านโดยไม่ใช้ตะปูสักชิ้น แต่ใช้ไม้บากรอย เจาะรู วางขัดกันเท่านั้น ซึ่งที่นี่ใช้ไม้ถึง 2,000 ท่อน ขัดกันตั้งแต่หน้าร้าน ผนัง เพดาน แซมด้วยเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์น ผสานความเก่าแก่และสมัยใหม่เข้ากันได้อย่างลงตัว แวะถ่ายรูปแล้วก็ไม่พลาดเมลอนปั่น seasonal menu สำหรับฤดูกาลนี้  และแน่นอนว่าไม่พลาดที่จะใช้ YouTrip แตะจ่ายสะดวกแบบคนเก๋ ซึ่งเอาจริง ๆ ที่เราชอปปิงก่อนหน้าก็ใช้บัตรนี้แทบทุกร้าน

004 Nanzoin Temple

ไปกันต่ออย่างไม่ลดละกับการเดินทางสายบุญ บวกได้คอนเทนต์ไปด้วย นี่คือ ‘Nanzoin Temple’ วัดที่แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟุกุโอกะ ด้วยความสวยสะท้านของโลเคชัน ตั้งอยู่กลางหุบเขา ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ที่ผันเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำริดปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความยาว 41 เมตร สูง 11 เมตร และหนักถึง 300 ตัน สร้างด้วยงานศิลปะแบบเดียวกับพระพุทธรูปองค์โตในนาราและคามาคุระ เหตุผลที่สร้างเป็นปางพระนอน เพราะภายในบรรจุพระบรมสารีริกกะธาตุที่อัญเชิญมาจากพม่า ซึ่งที่นั่นนิยมสร้างพระปางนี้นั่นเอง 

005 Uminonakamichi Seaside Park

มาสู่สปอตที่เอาใจสาว ๆ และช่างภาพสายแลนด์สเคปกันบ้างกับ ‘Uminonakamichi Seaside Park’ สวนดอกไม้ริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิ ตั้งอยู่บนแหลมที่ยื่นออกไปนอกทะเล ที่มีความยาวรอบด้านถึง 6 กิโลเมตร ติดกับอ่าวฮากาตะ อดีตที่นี่เคยเป็นฐานทัพของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่ง 52 ปีก่อนได้ถูกปรับทัศนียภาพให้กลายเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะ มีกิจกรรมมากมายให้ทำ อาทิ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนน้ำ สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำ พิพิธภัณฑ์ดอกไม้ โรงแรม สปา ฯลฯ ที่สำคัญสามารถเที่ยวได้ตลอดปีเลยล่ะ

และสิ่งที่ชูโรงมากที่สุดคือสวนดอกไม้ ซึ่งในช่วง Spring season ที่นี่ได้กลายเป็นจุดชมซากุระยืนหนึ่งของเมือง ประดับประดาไปด้วยต้นซากุระมากกว่า 2,000 ต้น แม้จะเลยช่วง Full Bloom ของซากุระไปแล้ว เพราะเราเห็นบางต้นเริ่มผลิใบเขียวขึ้นแซมมาบ้าง แต่ข้าง ๆ ยังมีดอกเนโมฟีลาสีฟ้าปูยาวไปทั่วทุ่งตัดกับสีเขียวของใบหญ้าอย่างงดงาม ทุกอย่างมันดูหวานหยดเยิ้มเห็นแล้วมันใจฟูไปหมด จะเดินถ่ายมุมไหนก็ได้ภาพแสนละมุนออกมา คิดว่าเป็นสถานที่เดตสำหรับคู่รัก สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขแก่ครอบครัวได้ดีสุด ๆ ไปเลย 

006 Miyajidake Shrine

ส่งท้ายโลเคชั่นวันแรกกัน ณ อีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีมุม Photogenic ช่วงพระอาทิตย์ตกสวยสนั่นโซเชียล แต่ก่อนจะไปมุมนั้นเราขอพูดถึงความสำคัญของ ‘Miyajidake Shrine’ กันสักนิด ศาลเจ้าชินโตแห่งนี้มีเรื่องราวยาวนานกว่า 1,700 ปี ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้จักรพรรดินีจินกุ โดยภายในจะมีศาลเจ้าอีก 8 แห่ง โดยศาลเจ้าหลักคนนิยมมาขอพรเรื่องการทำธุรกิจ ค้าขาย โชคลาภ และยังมีของโบราณชิ้นสำคัญของประเทศเก็บรักษาอยู่อย่าง กลองไทโกะ กลองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.2 เมตร หน้ากลองทำจากหนังวัวโดยจะถูกใช้ตีเพียง 1 ครั้ง/ปี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแต่ละปีผู้คนถึงหลั่งไหลมาที่นี่หลายล้านคน เพราะเดิน ๆ ดูก็รู้สึกถึงความขลังแบบตะโกนสุด ๆ

มาสู่มุมที่ทุกคนรอคอย แนะนำว่าต้องมาช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะเลิศที่สุด จุดนี้เรียกว่า ‘Path of Light’  อยู่บริเวณบันไดหินของวัด เมื่อเรามาถึงจุดสูงสุด ลองหันกลับไปมองเบื้องหลัง เราจะพบกับเส้นทางทอดยาวตั้งแต่จุดที่เรายืนไปจนสุดขอบฟ้า ขนาบข้างด้วยแมกไม้ในพื้นที่วัด และตึกรามบ้านช่องของตัวเมือง บวกกับแสงวานิลลาสกายยามเย็น ไล่จาก ม่วง ส้ม ฟ้า เบลนด์เข้ากันอย่างอ่อนโยน เจอโมเมนต์นี้ไป เราถึงกับยืนนิ่งกอบเก็บความงามเข้ากระบอกตานานหลายนาทีเลยทีเดียว

Day 2

แม้ส่วนใหญ่ญี่ปุ่นเขาจะใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้เกือบหมดแล้ว แต่ถ้าเราไปตามชุมชน หมู่บ้านชนบท หรือจะออกไปเที่ยวเกาะแบบนี้ ร้านค้าโลคอลเขาก็ยังรับเฉพาะเงินสดอยู่ดี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะบัตร YouTrip ของเราสามารถกดเงินสดได้จากตู้ ATM โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม โดยตู้ที่ใช้บริการได้คือ Japan post, AEON และ 7-Bank บัตรใบเดียวใช้จ่ายได้ครอบจักรวาลสุด แบบนี้ไม่รักได้ไง?

007 Ainoshima Island 

เช้านี้เราเริ่มต้นที่เกาะยอดฮิตแห่งฟุกุโอกะ ‘Ainoshima Island’ ที่ทำเราเสียอาการไปกับความน่ารักของน้องแมว  แม้จะเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ราว ๆ 7.5 กิโลเมตร มีประชากรอยู่ไม่ถึง 300 คน แต่กลับมีแมวมากถึง 200 กว่าตัว โดยเราสามารถเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือ Shingū มายังเกาะได้โดยตรง พอเดินลงจากเรือปุ๊บ เจ้าบ้านก็ทำหน้าที่ต้อนรับเราอย่างน่ากอด ด้วยมานั่งชูคอรอ บ้างนอนเกลือกกลิ้งบนแท่นให้เราลูบหัวลูบคาง ทุกตัวดูไม่ตื่นกลัวและเป็นมิตรกับคนสุด ๆ เรียกว่า ฟีลลิงอยู่คาเฟ่แมวแบบเอาต์ดอร์เลย

แมวส่วนใหญ่ที่เราประเมินจากสายตาจะเป็นแมวพันธุ์ญี่ปุ่นขนสั้น ตัวอวบอ้วนนุ่มนิ่มมีสีพื้น ๆ อย่างขาว ดำ ส้ม ลายเสือ ฯลฯ บางตัวขี้อ้อนจนอยากอุ้มใส่กระเป๋ามาเลี้ยงซะเอง และตอนนี้เขามีออกกฎห้ามให้อาหารแมวกันแล้วนะเพื่อสุขภาพ ค่าตับ ค่าไตของน้อง และเขาอยู่กันค่อนข้างเป็นธรรมชาติมาก ๆ ถ้าเจอลูกแมวแล้วอยากเล่น ลองดูท่าทีของแม่ ๆ เขาก่อน เพราะถ้าน้องอยู่ในช่วงหวงลูกอาจจะโดนสวบได้ นอกจากแมวแล้วที่นี่ยังมีจุดเช็กอินให้เราค้นหา เช่น ศาลเจ้า ถ้ำ หาดหินอันสวยงาม ก้อนหินฟอร์มประหลาดกลางทะเล สามารถเดินชมได้หรือจะเช่าจักรยานก็ไม่ติด แนะนำให้มาสักครึ่งวันก็คงเก็บได้ครบพอดี 

008 Ganso Hakata Mentaiju

ร้านที่สร้างดาเมจให้เราอยากแลนด์ดิงสู่ฟุกุโอกะอย่างเร่งด่วน ‘Ganso Hakata Mentaiju’ ตั้งอยู่ภายในอาคารไม้ทรงกล่องรูปลักษณ์เฉพาะตัวที่มองเห็นได้ในระยะหลายร้อยเมตร ร้านนี้เกิดจากความต้องการอยากให้เมนไทโกะของดีประจำจังหวัดที่มีประวัติมาตั้งแต่สมัยโชวะ ซึ่งแต่ก่อนคนมักซื้อเป็นของฝากแต่ไม่เคยได้ลิ้มลองกันแบบสดใหม่ ทางร้านจึงได้พัฒนาสูตรซอสสร้างเป็นเมนูเสิร์ฟร้อน ๆ ขึ้น และเริ่มเปิดร้านเมื่อปี 2010 ตั้งแต่นั้นมาแถวหน้าร้านก็ยาวเหยียดทุกวันจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว

เราสั่งเป็นชุดยอดฮิตของร้านที่รวม 2 เมนูเด็ดห้ามพลาดไว้ด้วยกัน เริ่มจาก Mentai Nikomi Tsukemen ราเมงแบบจุ่ม ใช้ซุปที่มีส่วนผสมของไข่ปลาเมนไทโกะแท้ ที่ผลิตโดย Ganso Hakata Mentaiju ร้านที่เชี่ยวชาญด้าฮากาตะเมนไทโกะโดยเฉพาะ ต้มในซุปดาชิผสมผักมากกว่า 10 ชนิดทำให้มีรสชาติหวาน-เค็มอูมามิ ส่วนกล่องสี่เหลี่ยมข้าง ๆ คือ Ganso Hakata Mentaiju ข้าวหน้าเมนไทโกะดองที่ปูมาด้วยสาหร่ายทะเลกรอบ ๆ หอม ๆ กินคู่กับซอสสูตรพิเศษ ที่สามารถเลือกความเผ็ดได้ 4 ระดับ มาช่วยซัปพอร์ตรสชาติของไข่ปลาให้กลมกล่อมขึ้น พร้อมผักดองมาช่วยตัดเลี่ยน กินเพลิน ๆ คนเดียว 2 จานก็หมดอยู่นะ อร่อยจริง!!!!

พอถึงเวลาจ่ายเงินเราก็ยื่นบิลพร้อมแตะบัตร YouTrip  จ่ายปุ๊บเขาจะมีข้อความเตือนในแอปพลิเคชันว่าเราใช้ไปเท่าไหร่ เป็นอีกความอุ่นใจที่ทำให้เราตัดสินใจใช้ เพราะถ้าเจอมิจฉาชีพจะรู้ได้ทันทีและสามารถกดอายัดบัตรชั่วคราวผ่านแอปได้ไม่ยุ่งยากเลย 

009 Liquid Liquid

ของหวานล้างปากสไตล์คนชิคอย่างเราก็ต้องหาคาเฟ่เก๋ ๆ นั่งพักพุงกันหน่อย ร้านนี้มีนามว่า ‘Liquid Liquid’ คาเฟ่อิฐแดงดูคลาสสิกมีป้ายจราจรวางเป็นองค์ประกอบที่ถูกต้อง บวกกราฟฟิกบนป้ายร้านและกระจกทำให้หน้าร้านนี้มีลุคอินเตอร์ขึ้น 300% กลายเป็นจุดเช็กอินที่ควรค่าอยู่ในอินสตาแกรมของเรา ภายในร้านยังคุมความเท่ด้วยผนังที่ถูกเพนต์โดยวิธีตวัดแปรง ดูไร้ทิศทางแต่พอจัดวางของตกแต่งแล้วดูเข้ากันดีไม่ซ้ำใคร นอกจากขนม-กาแฟแล้ว ที่นี่ยังวางขายเสื้อผ้า แก้วน้ำ กระเป๋าของร้านเองด้วย 

รอสักพักก็ได้เครื่องดื่มและขนมมาลิ้มลอง เราสั่งเป็นอเมริกาโน่ที่มีความเข้มละมุนกว่ามาตรฐานญี่ปุ่นเล็กน้อย กินคู่กับแซนด์วิชไอศกรีม ด้านบนเป็นบิสกิตแผ่นกรอบหอมเนยกินกับไอศกรีมคุกกกี้ครีม รสวานิลลาโฮมเมดมีเนื้อคุกกี้บดให้เคี้ยวกรุบกรอบ แม้คาเฟ่ส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยรับบัตร ทางเราก็ไม่หวั่นเพราะแค่แลกเงินในบัตรแล้วเดินไปกดตู้ ATM กี่ครั้งก็ได้ไม่เสียค่าธรรมเนียม เลิศเกินคุณน้า

010 Momochi Seaside Park

อีกแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองที่ทำเรารู้สึกอิจฉากว่าใคร ‘Momochi Seaside Park’ สวนสาธารณะริมทะเลที่เกิดจากการถมทะเลเพื่อพัฒนาพื้นที่สำหรับจัดงาน Asia Pacific Expo ปี 1989 รอบ ๆ จึงมีอาคารรูปทรงทันสมัยขึ้นอยู่ทั่ว แต่ที่โดดเด่นสุดเห็นจะเป็นกลุ่มอาคารทรงยุโรปที่วางยื่นออกไปกลางทะเล เรียกว่า Marizon ซึ่งที่นี่ไม่ใช่บ้านพักตากอากาศของตระกูลผู้ร่ำรวยที่ไหน แต่เป็นพื้นที่สำหรับชาวเมืองได้มานั่งเล่นรับลมทะเลชิล ๆ เคล้าร้านอาหาร คาเฟ่ และยังเป็นที่ที่คู่รักนิยมมาถ่าย Pre-wedding กัน เพราะแสงยามเย็นเขาสวยเกินเบอร์ บรรยากาศดีเกินต้าน แสงเงาที่ตกกระทบสถาปัตยกรรมตะวันตกสร้างความงดงามไม่ซ้ำทะเลไหน ๆ เลยจริง ๆ

เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งเราก็สามารถขึ้นชมเมืองมุมสูงได้ที่ ‘Fukuoka tower’ ตึกที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีเมืองฟุกุโอกะ เมื่อ 52 ปีก่อน ด้วยความสูงถึง 234 เมตร จึงกลายเป็นหอคอยริมทะเลที่สูงที่สุดและดีที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นเป็นหอชมวิวสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากโตเกียวสกายทรี และโตเกียวทาวเวอร์ บนนี้เราสามารถเดินชมได้ครบ 360 องศา เห็นทั้งความกว้างใหญ่ของเมืองสุดตาเป็นภูเขาสูง จนถึงภาพทะเลอันไกลโพ้น บนนี้มีสปอตสำหรับคู่รักให้มาคล้องแม่กุญแจเติมความหวาน มีร้านอาหาร-คาเฟ่ให้นั่งเทควิวแบบแกรนด์ ๆ แน่นอนว่าสำหรับการซื้อตั๋วเราใช้บัตร Youtrip รูดจ่ายจบ แม้ไม่ได้แลกเงินเยนไว้ในบัตร แต่ถ้ามีเงินไทย บัตรก็จะเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินเยนในเรทวันนั้น ๆ ให้อัตโนมัติ มันเลิศปะล่ะ?

Day 3

011 Sakurai Shrine Futamigaura Torii 

มาถึง Power Spot ที่เปล่งประกายความขลัง ความงามของธรรมชาติจนโด่งดังทั้งโซเชียล ‘Sakurai Shrine Futamigaura Torii’ เสาโทริอิสีขาวสะอาดที่ตั้งอยู่ริมทะเลตัดกับสีฟ้าน้ำเงินอย่างโดดเด่นทว่าสบายตา ติด 1 ใน 100 ชายหาดที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น หากยืนตรงกลางประตูเราจะเห็น ‘หินคู่แต่งงาน’ สัญลักษณ์ของการแต่งงานอย่างมีความสุข ลักษณะเป็นหินสองก้อนที่ถูกผูกเชือกคล้องกัน เหมือนโซ่คล้องใจ เปรียบถึงสามีภรรยาที่ไม่แยกจากกัน เชื่อกันว่าถ้าคนโสดได้มาขอพรอาจจะได้สละโสดในเร็ววัน เอาจริง ๆ นี่ไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ยืนไหว้อยู่นานมาก

หลังจากยืนท้าแดดท้าลมอยู่นานก็ได้เวลาเดินสำรวจรอบ ๆ จนพบว่าเต็มไปร้านอาหาร คาเฟ่ ทีม beach front ให้เลือกเยอะมาก ก่อนกลับเข้าเมืองเราเลยลองฝากท้องที่ร้าน ‘糸島海鮮堂 二見ヶ浦本店 – Itoshima seafood restaurant’ ร้านอาหารทะเลที่มีการตกแต่งแสนคลีนไปด้วยสีขาว ตัดกับเก้าอี้น้ำเงินล้อไปกับวิวด้านนอก อาหารของเขาจะคัดวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน เน้นของสดใหม่จากท้องถิ่น ทั้งของทะเลจาก Genkai Sea ทะเลตอนเหนือของฟุกุโอกะ ผักตามฤดูกาลจาก Itoshima  ทำเป็นเมนูข้าวหน้าต่าง ๆ กินไปรับรู้ได้ถึงความสดเด้งหนึบของปลา หอมกลิ่นทะเลจากกุ้ง เพิ่มความนัวด้วยอิคุระ พอเงยมาเจอวิวทะเลตรงหน้าแล้วเป็นมื้อที่มงลงสุด ๆ กินเสร็จก็จบจ่าย ๆ ด้วย YouTrip รูดแล้วก็ออกเดินทางต่อได้เลย

012 Fukuoka Art Museum

พิกัดนี้ขออนุญาตจับยัดใส่แพลนแก่สายอาร์ตทั้งหลาย ‘Fukuoka Art Museum’ พิพิธภัณฑ์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยอิฐน้ำตาลแสนคลาสสิก ตั้งตระหง่านอยู่ภายในสวนสาธารณะโอโฮริ ออกแบบโดย Mayekawa Kunio สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่แห่งญี่ปุ่น ที่ออกแบบอาคารสำคัญ ๆ หลายแห่งในประเทศเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 1960 และได้รับการปรับปรุงเรื่อยมาให้เข้ากับยุคสมัย รวมไปถึงการจัดแสดงภายในที่ดูโมเดิร์นขึ้น อัดแน่นไปด้วยงานสะสมกว่า 16,000 ชิ้น ทั้งของญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 โซน ชั้น 1 เป็นงานศิลปะโบราณที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ศาสนา ประวัติศาสตร์ อาทิ ชุดพู่กัน อุปกรณ์ชงชา พระพุทธรูป ผ้าทอ งานเซรามิก ส่วนชั้น 2 จะเป็นงานศิลปะร่วมสมัยที่จะหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ และยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟวิวสวนให้เราได้นั่งพักอีกด้วย

เดินออกมาที่ลานชั้น 2 จะเจอกับเช็กอินสปอตที่เราตั้งใจบินมาเซย์ไฮกับฟักทองยักษ์ลายจุดสีเหลือง  อีกหนึ่งงานไอคอนิกของ Kusama Yayoi ศิลปินคนโปรดของชาวโลก ชิ้นนี้เป็นงานประติมากรรมกลางแจ้งชิ้นแรกของป้าจุด สร้างมาตั้งแต่ปี 1994 และสองปีต่อมาก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ให้เราได้ชักภาพร่วมเฟรมไปลงสตอรี่เก๋ ๆ แต่ถ้ายังไม่หนำใจลองเดินต่อไปที่สวนโอโฮริ ที่มีงานปั้นมากมายวางแซม เพลิดเพลินกับพื้นที่สีเขียวที่แทรกวิวเมืองได้อย่างกลมกลืน นั่งมองคนปั่นเรือเป็ดอย่างสดใส ช่วยเติมเต็มวันสุดท้ายของเราให้มีชีวิตชีวา

เห็นเราเดินเข้าออกมิวเซียมฉ่ำแทบทุกทริปแบบนี้ ฝีมือการชอปของที่ระลึกในมิวเซียมก็ฉ่ำไม่แพ้กัน อย่างน้อยก็ต้องได้โปสการ์ดกลับบ้านแล้วหนึ่ง หรืออาจจะงานดีไซน์ในคอลเลกชันพิเศษก็ซื้อบ่อยมาก ยิ่งรอบนี้มากับ YouTrip ยิ่งซื้อหนักเพราะแตะจ่ายง่ายไม่ต้องคิดเยอะ จะไปประเทศไหนก็มีสกุลเงินให้เลือก เรียกว่าครบจบ พกบัตรเดียวเที่ยวทั่วโลกได้เลย!!

013 Espresso

พิกัดสุดท้ายขอจบแบบเท่ ๆ คูล ๆ ในร้านกาแฟแสนคลาสสิก ‘Espresso’ ร้านที่อยู่ภายในตึกอิฐแดง ติดป้ายร้านสีเขียวอย่างเรียบง่ายพร้อมบอกอายุร้านเสร็จสรรพว่าเปิดมานานเกือบ 40 ปีแล้ว และยังคงบรรยากาศความสงบของวันวานไว้ได้อย่างดี ผ่านการตกแต่งอย่างเรียบหรู อบอุ่นไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ทรงวินเทจขัดเงา มีเครื่องชงกาแฟรูปทรงแปลกตาตั้งเป็นพระเอก ข้าง ๆ กันมีชั้นวางชุดถ้วยกาแฟ พร้อมเคาน์เตอร์บาร์ให้ลูกค้าได้นั่งพูดคุยกับบาริสตา มองแล้วเหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่ในหนังย้อนยุคยังไงอย่างงั้น

ด้านเมนูเขามีค่อนข้างหลากหลาย เน้นกินหนักเขาก็มีให้เลือกทั้งพาสตา แฮมเบิร์ก เบามาหน่อยก็เป็นโทสต์แบบที่เราสั่ง ทางร้านก็ทำออกมาได้ครีสปี้มาก ตรงกลางมีความนุ่มหน่อย ๆ กินคู่กับแยมและกาแฟดำแล้วถือเป็นของว่างที่เพอร์เฟ็กต์ นั่งจิบไปก็นั่งเช็กเรทเงินไปพลาง ๆ ในแอปพลิเคชัน YouTrip พอเจอเรทเงินดี ๆ ของประเทศไหนก็กดแลกไว้ได้เลย เพราะเราสามรถแลกเก็บไว้ได้มากถึง 10 สกุลเงินตลอดเวลา นี่แลกไปแลกมาต้องทำแพลนไปอีกหลายประเทศเลยนะ

จบทริปนี้ใครเริ่มเห็นถึงความสำคัญของบัตร YouTrip กันแล้วบ้าง? นี่ขนาดเราพกมาแค่ทริปแรก เที่ยวไม่กี่วันก็เริ่มติดใจกับการใช้บัตรใบนี้แล้ว เพราะเป็นตัวช่วยให้ทริปนี้คอมพลีท เดินทางเข้าออก ใช้จ่ายได้สะดวกสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป็นรูด แตะ จ่าย ไม่ชาร์จค่ารูด ไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีค่าธรรมเนียมบัตร กดเงินสดจากตู้ ATM ก็ยังไม่ต้องเสียเปอร์เซ็นต์ เป็นบัตรที่คุ้มสุด มอบสิทธิพิเศษได้จุกสุด ใครอยากมีไว้ครอบครองลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://go.you.co/jatiewpainai

จะกี่ร้อยครั้งที่มาญี่ปุ่น กี่สิบครั้งที่ได้เที่ยวฟุกุโอกะ ที่นี่ก็สามารถสร้างความอิ่มเอมแก่ใจเราได้มากแบบทวีคูณทุกครั้ง แม้จะมีซ้ำโลเคชันเดิมที่เราเคยเที่ยวบ้าง แต่บรรยากาศแต่ละฤดูกาลก็เปลี่ยนไปอยู่เสมอ กระทั่งจุดเช็กอิน ร้านอาหาร คาเฟ่ใหม่ ๆ ที่ได้พบเจอยังสร้างแต่ไวบ์ดี ๆ ไม่หยุดหย่อน เป็นอีกเมืองที่ไร้ความตึงเครียดและเต็มไปด้วยสีสัน ช่วยคอยปลอบประโลมผู้คนได้อย่างแท้จริง ถ้าใครยังไม่เคยมาก็ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองกันดูนะ มันดีจริง ๆ รักญี่ปุ่นที่สุดเลย