รีวิวมัลดีฟส์ :: The Indian Ocean Jewel Captivating Island Paradise “Club Med Kani” 🇲🇻

ช่วงสิ้นปีแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เปย์ตัวเองด้วยทริป “Maldives” ดรีมเดสติเนชั่นที่คนทั่วโลกใฝ่ฝัน!

ใช่แล้ว!!! มัลดีฟส์สุดเอ็กซ์คลูซีฟส่งท้ายปี 2024 ครั้งนี้ เราจะพาทุกคนบินลัดฟ้าไปรีทรีตร่างกาย ฮีลหัวใจ ปรนเปรอตัวเองบน Water Villa กลางทะเลสีเทอร์ควอยส์อันมีเอกลักษณ์โดดเด่นและเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ณ ‘Club Med Kani รีสอร์ทสี่ดาวที่มาพร้อมบริการแบบ All inclusive ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่มแบบจัดเต็ม โชว์สุดอลัง รวมไปถึงกิจกรรมสนุก ๆ ที่มีให้เลือกทำตามไลฟ์สไตล์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เรียกว่าเที่ยวแบบสบายใจ ไปแต่ตัวพร้อมกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยชุดสวยตัวเก่งพอ! เพราะตั้งแต่ลงเครื่องยันบินกลับบ้าน เราไม่ต้องจ่ายเพิ่มแม้แต่บาทเดียว! 

มาจ้า!!! ทิ้งตัวลงบนหาดทรายหนานุ่ม เอาเท้าจุ่มน้ำที่ใสจนมองเห็นฝูงปลา ฟินไปกับท้องฟ้า หาดทราย สายลม แสงแดด และทะเลสีเทอร์ควอยส์ที่ ‘มัลดีฟด์’ ไปพร้อมกันกับเราได้เลย go go!!

ความประทับใจของการมาพักผ่อน “มัลดีฟด์” สวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดียนของเราครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เครื่องใกล้แลนด์ดิ้งที่หากมองผ่านกระจกออกไปก็จะเห็นอะตอลและหมู่เกาะน้อยใหญ่กลางท้องทะเล เรียงตัวสวยไล่เฉดสีตั้งแต่น่านน้ำถึงน่านฟ้าครบ 12 เฉดสีสมคำร่ำลือ จากนั้นก็เป็นความประทับใจในทีมงาน Club Med Kani ที่ทำหน้าที่พาเราขึ้นเรือมุ่งตรงไปยังสวรรค์สุดหรูหรา ซึ่งห่างจากออกไปจากสนามบินราว 30 นาที แน่นอนว่าเมื่อเรือเทียบท่าเข้าชายหาดส่วนตัวเราก็จะได้การต้อนรับอันแสนอบอุ่นจากเหล่า G.O. หรือ Gentle Organizer พนักงานที่จะคอยให้บริการ พาเราไปเที่ยว และสร้างความบันเทิงให้ตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้ ณ ที่แห่งนี้

สำหรับรีสอร์ทที่นี่จะเเบ่งที่พักออกเป็นสองโซน คือห้องพักแบบ Club Room (Superior) วิวสวน และห้อง Deluxe ที่ติดริมทะเล แต่ไฮไลต์ที่เราเลือกพักในครั้งนี้ คือโซน ‘Overwater Suite’ ห้องพักที่เหมาะแก่การมาปรนเปรอให้รางวัลตัวเองมากที่สุด เพราะนี่คือวิลล่ากลางน้ำแบบส่วนตัว ที่แกจะได้สัมผัสและใกล้ชิดกับฝูงปลานานาชนิด รวมไปถึงเต่าและฝูงฉลามจากหน้าห้องพัก พร้อมระเบียงส่วนตัวที่เปิดประตูไปโดดลงเล่นน้ำ โพสท่าสวยอัพไอจีได้ทุกช่วงเวลาแบบไม่มีใครมาแย่งมุม เพราะเค้าดีไซน์ให้ห้องพักแต่ละหลังตั้งอยู่อิสระห่างจากกัน เหมือนเส้นสายของใบไม้ที่แยกแตกแขนงออกเป็นหลัง ๆ เพื่อความเป็นส่วนตัว

การตกแต่งภายในก็หรูหราสมฐานะ เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ทรอปิคอล ที่มาพร้อมกับเตียงนุ่มและกว้างขวาง พร้อมห้องแต่งตัวแยกเป็นสัดส่วน ใด ๆ คือไม่ว่าจะโยกตัวไปมุมไหนของห้อง ก็สามารถมองเห็นวิวทะเลสวย ๆ ได้แบบสุดลูกหูลูกตา และไฮไลท์สำคัญที่พลาดไม่ได้คืออ่างอาบน้ำสุดเก๋ ที่ตีฟองให้ฟูฟ่องแล้วนอนกินลมชมวิวสวยของท้องฟ้าและทะเล 12 เฉดสี ไปพร้อมกับไวน์ดี ๆ สักแก้วก็ฟินนนนไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ยามค่ำคืนเห็นดาวสวยเต็มท้องฟ้า

และแน่นอนเมื่อมาถึงทะเลที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามระดับโลก เราก็ขอเปลี่ยนชุดมาลงเล่นน้ำเพื่อพิสูจน์ความสวยที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น เพราะน้ำทะเลที่มัลดีฟส์จะมีสีฟ้าเทอควอยซ์สดใส ที่เปลี่ยนไปตามความลึกของน้ำ ตั้งแต่สีฟ้าอ่อนบนชายฝั่งจนถึงสีฟ้าครามเข้ม เมื่ออยู่ไกลออกไปในทะเล มองเห็นฝูงปลาและประการังที่สมบูรณ์ได้ทุกฤดู ว่าแล้วก็ขอจัดแจงสั่งสปาร์กกิ้งไวน์มาจิบรับลมเย็น ๆ ที่ระเบียงหน้าห้อง เติมพลังด้วยหนังสือดี ๆ สักเล่ม และออกไปแหวกว่ายกลางสายน้ำให้ชื่นใจสักหน่อย

ส่วนใครที่พักห้องพักแบบ Overwater Suite ก็จะได้รับความเอ็กคลูซีฟกว่าใคร เพราะมีเลานจ์ส่วนตัวอย่าง Manta Lounge ที่ใกล้ห้องพักแค่ไม่กี่ก้าวเดิน และยังออกแบบมาเป็นรูปวงกลมไว้ให้นั่งชิลรับวิวสวยของวิลล่ากลางน้ำแบบส่วนตัวสุด ๆ แล้วมุมเริศ ๆ ที่พลาดไม่ได้คือเปลตาข่ายกลางน้ำหน้าเลานจ์ ที่เหมาะจะออกมานั่งโพสท่าสวยถ่ายรูปเก๋ ๆ ไว้อัพลงโซเชียล เช็กอินว่าบินมาถึงมัลดีลฟ์แล้ว นอกจากเป็นมุมถ่ายรูปที่ดี ยังสามารถสั่งเครื่องดื่มมาจิบได้แบบไม่จำกัด อยากจะดื่มอยากจะดริงก์ตอนไหนก็จัดไป เพราะเค้ามีให้เลือกตั้งแต่เมนูสดชื่นอย่าง Bubble Tea ชาผลไม้ใส่ไข่มุกกรุบ ๆ ไปจนถึงค็อกเทลและไวน์ขึ้นชื่อที่จิบเมื่อไหร่ก็สดชื่นนนน

พักผ่อนแล้วก็ขอคว้ากล้องคู่ใจออกไปเช็กอินมุม Photogenic Spot รอบรีสอร์ตกันบ้าง ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนก็สบายตาไปกับธรรมชาติที่รายล้อมทั้งสีเขียวสบายตา สีฟ้าสบายใจ ที่นี่จะมีทั้งสัตว์เล็กสัตว์น้อยส่งเสียงแซ่ซ้องมาให้เราค้นหาที่มาตลอดทาง และถามว่าธรรมชาติแค่ไหนให้นึกภาพว่ามีนกตัวบิ๊กเบิ้มตัวเท่าเอว ออกมาเดินเฉิดฉายทักทายถึงหน้าหาดแบบไม่กลัวคน มุมสวย ๆ ที่ไม่ควรพลาดถัดมา คือบริเวณชิงช้ากลางทะเล เดินเลียบชายหาดขาวละเอียดไปไม่ไกล ก็ถ่ายรูปได้อีกช็อต สองช็อต พอถึงท่าเรือจะมีสะพานไม้ทอดยาวก็ขอทำทีเข้าไปนั่งโพสต์ท่า ห้อยขา เปิดหน้ารับแสงอาทิตย์แบบสวย ๆ กันสักหน่อย

นอกจากการได้พักผ่อน ดื่มด่ำความสวยงามในมุมต่าง ๆ แล้ว ไลน์อัพกิจกรรมที่ Club Med Kani เตรียมไว้ให้เราได้ปลดปล่อยความสุขและสนุกก็มีมากมายให้เลือกทำได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ โดยทุกกคนสามารถดูกิจกรรมล่วงหน้าของแต่ละวันและกดจองผ่านแอปไว้ก่อนได้ สะดวกสุด ๆ ตอบโจทย์คนทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าคุณจะเป็น Introvert ชอบอยู่เงียบ ๆ คนเดียวก็มีมุมสวยหรือกิจกรรมแล่นเรือใบให้คุณฝ่าแรงลมไปทอดมองทะเลสวยกลางมหาสมุทรแบบฟิน ๆ

ส่วนใครเป็น Extrovert สายกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมก็หายห่วง เพราะที่นี่มีครบตั้งแต่ดำน้ำดูประการัง พายคายัค ปั่นเรือเป็ด ต่อด้วยยืนสวยบน Paddle Board ไปจนถึงกิจกรรมเรียกเหงื่อ อย่างตีปิงปอง  เล่นเทนนิส วอลเลย์บอลชายหาด ต่อด้วยกิจกรรมผาดโผนสุดหวาดเสียว อย่าง Parasailling และ Flying Trapeze เพื่อปลุกความกล้า ท้าความกลัวในตัวเราให้ลองเล่นกัน แต่ถ้าใครบอกว่าทริปนี้ชั้นมาเพื่อพักผ่อน! จะไปนอนเปลือยแผ่นหลังนวดอโรม่าแบบสบาย ๆ ที่สปาก็ดีงามไม่แพ้กัน เอาเป็นว่าลิสต์กิจกรรมเพียบอยู่สามวันสองคืนยังเล่นไม่ครบเลย

ไปกั๊นต่อกับทุกวันเวลา 21.30 น. ที่ทุกคนจะรวมตัวกันไปดูโชว์ปัง ๆ นำแสดงโดย G.O. ที่ตกค่ำยังมีแรงเหลือแบบร้อยแรงม้ามาโชว์เต้น ตีลังกา ม้วนหน้า กลับหลัง ขึ้นไปโชว์กายกรรมบนสลิงแบบหวาดเสียว เพื่อสร้างความบันเทิงให้แขกที่มาพักด้วยเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือตลอดเวลา และหากใครคิดว่าการมามัลดีฟส์ แค่ได้มองฟ้าและทะเลสวย ๆ ก็ฟินจบแล้วเข้านอน เธอคิดผิดเพราะที่นี่เค้าสนุกต่อกันทั้งคืนกับ ปาร์ตี้สุดม่วนนนนนน ที่เหล่า G.O จะพากันบิ้วด์ด้วยเพลงสนุก ๆ สุดไวรัลให้เราออกไปเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกกลางฟลอร์ กับเพื่อนอีกหลากหลายสัญชาติแบบไม่มีใครยอมใคร

ทำกิจกรรมสนุก ๆ กันมาทั้งวันแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งความสนุกยามค่ำคืนรออยู่ กับดินเนอร์ริมชายหาดและห้องอาหารที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปไม่ซ้ำที่ในแต่ละวัน เริ่มด้วยเมนู Appetizer และ BBQ มาให้รองท้อง เคล้าคลอกับเสียงเพลงช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ก่อนจะต่อด้วยเมนูอาหารแบบจัดเต็มในยามค่ำคืน ที่เลือกเมนูอร่อยตักทานได้แบบไม่อั้น ระหว่างนี้ก็เดินไปหยิบเครื่องดื่มสวย ๆ ที่เค้าจัดเตรียมเอาไว้ หรือออร์เดอร์เมนูพิเศษให้บาเทนเดอร์ครีเอตเมนูลับให้ก็ได้เช่นกัน

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ นั่นก็คืออาหารการกินทุกมื้อที่เค้าเสิร์ฟแบบจัดเต็ม ทั้งห้องอาหารบุฟเฟ่ต์มื้อเช้า กลางวัน และเย็นให้เลือกกินได้อย่างจุใจ รับรองว่าไม่มีทางไม่ถูกปากแน่นอน เพราะแต่ละห้องอาหารเค้าจะคัดสรรอาหารนานาชาติ จากอินเดีย ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมไปถึงอาหารพื้นเมืองมาครีเอตเป็นเมนูเริศ ๆ จัดจานสวย ๆ เสิร์ฟครบทั้งของคาว ของหวาน ขนม เครื่องดื่ม ผลไม้ และแน่นอนว่าถ้ามาพักหลายวันก็ไม่ต้องกลัวเบื่อ เพราะแต่ละวันจะมี Special Dishes มาให้ลุ้นและสลับสับเปลี่ยนมาให้ลองชิมกันตลอด เอาให้งงกันไปเลยว่าทำไมมาทะเลแต่อ้วนขึ้น!

ส่วนใครที่อยากหามุมสงบไว้สวีทกับคนพิเศษในโมเมนต์ต่าง ๆ เค้าก็มีโซนพิเศษแบบลับ ๆ เอาไว้จัดดินเนอร์เซอร์ไพร์สแบบ Private อยู่อีกมุมนึงของเกาะด้วย จากที่ไปส่อง ๆ ดูคือปังเลยยยยย รอบหน้าต้องหาแฟนแล้วพามาด้วยกันให้ได้เลย

สุดท้ายเราขอยกให้ทริปนี้เป็นทริปเที่ยวที่สบายหายห่วง ปล่อยใจจอย ๆ ทิ้งตัวไปกับกิจกรรมสนุก ๆ ได้แบบสบายใจที่สุด เพราะเราไม่ได้เตรียมอะไรเลย นอกจากใจที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งปี และชุดสวยไปเช็กอินที่สนามบิน เรียกได้ว่า Cashless สุด ๆ เพราะทุกอย่างได้ถูกคัดเลือกและจัดสรรไว้อย่างดีใน Club Med Kani รีสอร์ทสี่ดาวกลางมหาสมุทรแห่งนี้แล้ว และยังเป็นทริปที่เหมือนได้ให้รางวัลตัวเองไปกับความสวยงามแทบหยุดหายใจของทะเลสวยน้ำใสที่ไม่มีใครเหมือน สมกับเป็นเดสติเนชั่นที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันที่จะเดินทางมาสักครั้งหนึ่งในชีวิต

เอาเป็นว่าใครที่มองหาการพักผ่อนแบบหรูหราแต่คุ้มค่า ขอยกอันดับ ‘Club Med’ ขึ้นหิ้งไว้พิจารณาเป็นอันดับต้น ๆ เเละเค้าไม่ได้มีแค่ที่มัลดีฟส์อย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลายรีสอร์ททั่วโลก ทั้งจีน ญี่ปุ่น บาหลี อิตาลี ฝรั่งเศส ฯลฯ อยากไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหน ลองกดเข้าเว็บไปจองกันได้ที่ www.clubmed.co.th เลย