มินิคาวาอีไกด์ญี่ปุ่นรอบนี้ .. เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟจากใจกลาง Tokyo เพื่อไปสัมผัสความชิลของย่านชานเมือง ที่จะมาเปลี่ยนภาพจำเมืองหลวงอันแสนวุ่นวายให้กลายเป็นมุมมองใหม่ที่น่าหลงใหล
เพียง 30 นาทีจากชินจูกุ จากภาพตึกสูงระฟ้าและถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน เราก็จะได้พบกับ Kichijoji ย่านที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ อบอวลไปด้วยบรรยากาศความน่ารักแบบโลคอล สวนสาธรณะไวป์ดีซึ่งถูกแต่งเติมความสดใสด้วยเหล่าซากุระที่พร้อมใจกันบานสะพรั่ง รวมถึงมิวเซียม ร้านอาหารดี คาเฟ่ธีมจิบลิ ตลอดจนมุมถ่ายรูป แหล่งชอปปิงอีกมากมาย ที่พอลองสำรวจแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วเราอยากจะมอบทั้งตัวและหัวใจยกให้ไปเลย เพราะมันคือหนึ่งในย่านที่เรารักที่สุดของโตเกียวในตอนนี้! และนี่คือ 10 โลเคชันที่เราเลือกมาแล้วว่าเป็นเหตุผลที่ควรค่าให้เพื่อน ๆ ปักหมุดตามไปฟิน






พอรู้ว่า TrueMoney จ่ายเงินที่ญี่ปุ่นได้ นี่บอกเลยว่าสะดวกแบบ 10 10 10!! ไม่ต้องพกเงินสดให้วุ่นวาย แค่มีมือถือก็เดินเที่ยวได้แบบตัวปลิว สแกนจ่ายจบได้เหมือนอยู่ไทย แถมยังมอบเรทดีงามแทบไม่ต่างจากบัตรกดเงินสด หรือ travel card ฟรีค่าธรรมเนียม มีแจ้งเรทก่อนจ่ายให้ด้วย ที่สำคัญช่วงนี้เขามีสิทธิพิเศษสำหรับนักเที่ยวตัวยงที่รักความคุ้มค่า ด้วยการมอบเงินคืนสูงสุดถึง 100 บาท* สำหรับลูกค้าใหม่ ที่ใช้จ่ายต่างประเทศขั้นต่ำ 100 บาท/ครั้ง จำนวน 4 ครั้ง และมอบเงินคืน 50 บาท* สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ที่จ่ายต่างประเทศขั้นต่ำ 100 บาท/ครั้ง จำนวน 3 ครั้ง มาเที่ยวแล้วยังได้เงินคืนอีก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย : https://tmn.app.link/OVP_MISSION_JAN25

ส่วนการใช้งานก็ง่ายสุด ๆ ใช้ในแอป TrueMoney ที่แสนคุ้นเคย มีทั้งหมด 2 วิธีด้วยกัน วิธีสแกนจ่ายที่ร้านค้าวิธีที่ 1
ในหน้าแอปหลักให้เลือกที่กดปุ่ม “จ่ายเงิน” จากนั้นกด จ่ายต่างประเทศ (ให้สังเกตสัญลักษณ์ Alipay+ ) แล้วตรวจเช็กประเทศที่ต้องจ่ายพร้อมตรวจสอบยอดเงินในวอลเล็ท เสร็จแล้วแสดง QR ให้ร้านค้าเพื่อจ่ายเงินเป็นขั้นตอนสุดท้าย เป็นอันจบ ง่าย สะดวก สุด ๆ ไอเลิฟ ^^
** ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ PayPay และ Alipay+ สามารถจ่ายด้วยวิธีนี้ได้ทั้งหมด สำหรับใครที่เงินไม่พอก็ไม่ต้องกลัว กดเติมเงินในธนาคารไทยได้เหมือนปกติเลยแม้จะอยู่ที่ญี่ปุ่น ดีสุด ๆ

วิธีสแกนจ่ายที่ร้านค้าวิธีที่ 2
ในหน้าแอปหลักให้เลือกที่กดปุ่ม “จ่ายเงิน” จากนั้นกดสแกนแล้วตรวจเช็กประเทศที่ต้องจ่ายพร้อมตรวจสอบยอดเงินในวอลเล็ท เสร็จแล้วแสดง QR ให้ร้านค้าเพื่อจ่ายเงินเป็นขั้นตอนสุดท้าย สามารถใช้จ่ายได้ 2 วิธี ง่ายทั้ง 2 วิธี เลือกตามสะดวกได้เลย
** ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ PayPay และ Alipay+ สามารถจ่ายด้วยวิธีนี้ได้ทั้งหมด สำหรับใครที่เงินไม่พอก็ไม่ต้องกลัว กดเติมเงินในธนาคารไทยได้เหมือนปกติเลยแม้จะอยู่ที่ญี่ปุ่น ดีสุด ๆ

Kichijoji ย่านชานเมืองทางฝั่งตะวันตกของโตเกียวที่ผสมผสานความโลคอลและความฮิปได้อย่างลงตัว เป็นหนึ่งในย่านที่คนญี่ปุ่นโหวตให้ “น่าอยู่ที่สุด” มาอย่างต่อเนื่องหลายปี ด้วยบรรยากาศเงียบสงบแต่ยังคงมีชีวิตชีวา มีสวนอันเขียวขจีที่บัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยกลีบดอกซากุระ คาเฟ่แนว ๆ ร้านเบเกอรีโฮมเมด งานคราฟต์ และร้านชอปปิงสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Ghibli Museum ที่สาวกจิบลิต้องห้ามพลาด แน่นอนว่า 10 โลเคชันที่เราหามาเสิร์ฟรอบนี้ เพื่อน ๆ สามารถจัดแบบฮอปวันเดียวให้เท้าแตก หรือจะแบ่งเป็น 2 เดย์ทริปก็สุดจะชิล
การเดินทาง :: นั่งรถไฟสาย Chūō หรือสาย Chūō-Sōbu มาต่อเดียวจากชินจูกุ เสียค่ารถไม่ถึง 300 ร้อยก็ฟินได้เลย

001 Inokashira Park
แลนด์มาร์กแรกที่ควรค่าแก่การมาทั้งยามเช้าและยามเย็น ‘Inokashira Park’ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนปอดของย่าน ที่นี่มีความเก่าแก่มากกว่า 100 ปี ทำหน้าที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจแก่ราชวงศ์ในยุคเอโดะ ก่อนจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ในช่วงเมจิ มีพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่ชานเมือง Musashino ไปจนถึง Mitaka ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของโตเกียว เรียกว่าเป็นสวนสาธารณะอนชิน (恩賜 (Onshi) แปลว่า “ของขวัญจากพระจักรพรรดิ”) แห่งแรกของญี่ปุ่น ภายในมีทั้งพื้นที่ทะเลสาบ ศาลเจ้าสีแดงฉานที่เป็นที่สถิตของเทพีแห่งดนตรี วรรณกรรม ความโชคดี ความมั่งคั่ง และความรู้ มีสวนสัตว์ที่มีสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองคอยรอต้อนรับ และพิพิธภัณฑ์ของอนิเมะระดับโลก ที่เราเป็นติ่งตัวยงอีกด้วย




แล้วถ้าใครได้มาช่วงใบไม้ผลิก็ไม่ควรพลาดที่จะเดินลัดเลาะมาบริเวณ Inokashira Pond บ่อน้ำขนาดใหญ่ใจกลางสวน รายล้อมไปด้วยต้นซากุระกว่า 500 ต้นที่พร้อมใจกันผลิบาน พร้อมเต้นระบำลู่ตามลมเย็นอันแสนสดชื่น พอไอชื้นของลมและน้ำกระทบกายแล้วกลายเป็นบรรยากาศแสนสบายตัว เหมาะแก่การถีบเรือหงส์ หามุมน่ารัก ๆ ปูเสื่อปิกนิก นอนอ่านหนังสือ และถ้าเพื่อน ๆ มาในฤดูร้อนก็สามารถมาเดินสำรวจเส้นทางเดินป่าความยาวราว ๆ 3.5 กม. กำลังดี ปั่นจักรยานชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงปลายปี หรือจะมาปั้นตุ๊กตาหิมะในหน้าหนาวก็ได้เช่นกัน




สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมขนมมานั่งกินระหว่างดื่มด่ำบรรยากาศ รอบ ๆ บ่อน้ำ เขามีร้านค้า คาเฟ่ไว้รอบริการเราอยู่อย่างเงียบ ๆ หลายจุด อย่าง ‘Inoka’ ขายกาแฟรสชาติดี พร้อมขนมหน้าตาแสนน่ารัก ฟีลโดนัทสไตล์นิปปอนโฮมเมด มีให้เลือกทั้งแบบซินนามอน มัทฉะ คินาโกะ ของกินเล่นอย่างฮอทดอก คัพเค้ก ฯลฯ ถัดไปอีกนิด แถวจุดขายตั๋วเรือมีดังโงะย่างเสียบไม้อยู่บนเตาถ่านแบบโบราณ วาดเป็นรูปหน้าคนที่เราสามารถรีเควสต์ตามอารมณ์ได้ ไม่ว่าจะมีความสุข โกรธ ตกใจ รู้สึกสงสัย ก็เลือกได้หมด พอจะกิน เขาจะราดซอสมิทาราชิรสชาติหวาน ๆ ติดเค็มนิด ๆ มาให้ฉ่ำ ๆ เป็นของว่างที่เหมาะกับการชิมระหว่างชมซากุระที่สุด





อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าในนี้มีมิวเซียมของอนิเมะชื่อดังที่เราเป็นติ่ง นั่นก็คือ Ghibli Museum กลุ่มอาคารที่ทำให้เราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของการ์ตูนอันแสนร่มรื่นตามสไตล์งานของอาจารย์ Miyazaki Hayao ภายในเขาออกแบบเป็นเหมือนบ้านสุดพิศวง แต่ละห้องถูกตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมทำหน้าที่เล่าเรื่องราวของ Ghibli ได้แบบเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นประวัติของผู้ก่อตั้ง ขั้นตอนการทำผลงานแต่ละเรื่อง จำลองห้องทำงานที่เต็มไปด้วยหนังสือ กระดาษ พู่กันญี่ปุ่นและถ้วยหมึกแสนยุ่งเหยิง ห้องชมหนังสั้นเวอร์ชันพิเศษ ฯลฯ แม้ภายในบ้านจะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่ข้างนอกเขาก็จัดเช็กอินสปอตให้เราไปร่วมเฟรมอยู่เพียบ!! ใครจะมาแนะนำให้จองตั๋วมาก่อนเพราะคิวเต็มตลอดกาลมาก ๆ




คอมพลีทความติ่งเรียบร้อย เราก็ไม่ลืมมาเติมเต็มพลังงานที่เสียไปด้วยขนมจาก ‘Ghibli Museum cafe’ ภายในอาคารสีเหลือง ตัดกรอบประตู หน้าต่างด้วยสีแดงจัดจ้านชวนสดใส มีโซนอินดอร์ เอาท์ดอร์ให้เลือกนั่ง บนเคาน์เตอร์รับออร์เดอร์จะมี Mock up หน้าตาอาหารให้เราเลือกจิ้ม ของที่จัดเสิร์ฟมาบอกเลยว่าเหมือนเป๊ะไม่จกตา ดูประณีตคล้ายขนมที่เห็นในอนิเมะ แถมเรายังสามารถซื้อธงของตัวละครจาก Ghibli มาประดับเพิ่มเติมให้คาวาอีเข้าไปอีก โอ้ย!!!! ฉันรักมาก รักที่นี่จริง ๆ


002 Nakamichi Dori Street
ถนนช้อปปิงเส้นเล็กแต่น่ารักที่ทอดยาวจากสถานี Kichijoji ไปจนถึงสวน Inokashira เต็มไปด้วยเสน่ห์ความโลคอลของชาวญี่ปุ่นที่ยังรักษาไว้ได้อย่างอบอุ่น ‘Nakamichi Dori Street’ เป็นถนนที่ชาวเมืองใช้เดินทุกวัน ทำให้บรรยากาศอบอวลด้วยความช้า ๆ ที่น่าหลงรัก ยิ่งมาตรงช่วงแสงแดดลอดผ่านต้นไม้ข้างทางประกอบกับดอกไม้ที่พร้อมใจกันเบ่งบานรับฤดูใบไม้ผลิอย่างสดใส ผนวกกับกลิ่นขนมปังอบใหม่จากร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่สมัยโชวะ ทำให้ทุกฝีก้าวบนถนนเส้นนี้เหมือนกำลังเดินอยู่ในฉากหนังญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว



หากจะหาคำจำกัดความของถนนเส้นนี้ คงเรียกว่าเป็นแหล่งรวมร้านของคนเก๋ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง เพราะตลอดระยะทาง 500 กว่าเมตร อัดแน่นไปด้วยคาเฟ่เล็ก ๆ ร้านเบเกอรีหอมกรุ่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้าวินเทจและมือสองคัดพิเศษ ร้านขายของจุกจิกที่มีดีเทลน่ารักแบบที่สายมินิมอลต้องใจละลาย งานคราฟต์ ของแต่งบ้าน ชุดจานชามเซรามิกสไตล์ญี่ปุ่น รวมไปถึงแบรนด์โลคอลอีกมากมาย ที่พร้อมใจกันตะโกนความญี่ปุ่นออกมาอย่างมีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร… เอาเป็นว่าหากเพื่อน ๆ ได้มาลองเดินจะต้องตกหลุมรักถนนเส้นนี้แน่นอน





003 LIGHT UP COFFEE
พิกัดนี้ขอเอาใจสายคาเฟ่ฮอปปิง กับร้านที่เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของย่านอย่าง ‘LIGHT UP COFFEE’ ร้านที่เราจะเห็นผู้คนเดินเข้า-ออกอยู่ทุกช่วงเวลา โดดเด่นด้วยอาคารสีขาวสะอาดตัดด้วยสีฟ้าอ่อนสบายตา ประตูด้านหนึ่งถูกเปิดไว้ให้กลิ่นกาแฟหอม ๆ โชยพาเราตามกลิ่นมา ที่นี่เน้นกาแฟ Specialty ที่ทางร้านคั่วเองทุกกระบวนการ โดยฝีมือของบาริสต้าผู้ก่อตั้ง ซึ่งเคยคว้าแชมป์ National Latte Art Championship ปี 2012 มาแล้ว สาขานี้ถือเป็นร้านแรกที่เปิดมานานกว่า 11 ปี และยังคงเป็นที่รักของเหล่าคอกาแฟอย่างต่อเนื่อง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีแบรนด์ระดับโลกแวะมาคอลแลบอยู่เสมอ





เราสั่งเป็น Caffe Latte Oat Milk ซึ่งเขาจะมี single origin ให้เลือก 3 เบลนด์ เราลองคั่วกลางที่จะมีความนัวนุ่มเข้ากับนมได้อย่างน่าสะพรึง กินคู่กับของหวานอย่าง Red Bean Paste Butter Toast ขนมปังจี่เนยจนหอม เท็กซ์เจอร์กรอบนอกนุ่มใน โปะหน้าด้วยถั่วแดงบดหวาน ๆ หนึบ ๆ พอร์ชันกำลังดีสำหรับกิน 1 คน นอกจากนี้เขายังมีอีก 3 ของหวานเด็ดที่ล้วนขายดี คือ Earl Gray Chiffon, Cheesecake, Canele ที่สำคัญเขารับสแกนจ่ายผ่านทรูมันนี่ด้วย ใช้มือถือกดแอปจ่ายได้ชิล ๆ ไม่ต้องเสียเวลาหากระเป๋าตังค์เลย



004 Hara Donuts Kichijōji Shop
ตำนานโดนัทเพื่อสุขภาพ ‘Hara Donuts Kichijōji Shop’ จากร้านขายเต้าหู้ที่เปิดมานานกว่า 57 ปีในเมืองโกเบ เน้นใช้ถั่วเหลืองคุณภาพสูงในประเทศในการผลิต สู่ร้านโดนัทเต้าหู้แสนโฮมเมดที่ครองใจคนทั้งคิจิโจจิ ทางร้านได้ดัดแปลงสูตรแป้งที่ทำจากเต้าหู้ ให้ทั้งกลิ่นหอมและแป้งหนึบกรอบนอกนุ่มใน ปั้นสดทำสดวันต่อวัน ไร้สารกันบูดหรือสารเติมแต่งใด ๆ พร้อมรสชาติให้เลือกหลากหลาย เช่น ช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลต ซินนามอน คินาโกะ ฯลฯ พร้อม Seasonal Menu ที่แฟนคลับต้องตื่นเต้นแน่นอน หากซื้อกินหน้าร้านจะได้ความสดใหม่ แต่หากซื้อกลับบ้าน แนะนำให้นำไปอุ่นกินร้อน ๆ รับรองว่าฟิน!



ถึงแม้จะเป็นร้านที่มีสตอรี่มาตั้งแต่รุ่นแม่ แต่ก็ยังสามารถสแกนจ่ายผ่าน TrueMoney ได้ พอใช้ไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มชินแล้วเหมือนกัน สิ่งที่เราชอบคือจ่ายง่ายและเห็นเรทก่อนจ่าย แถมเรทที่ได้แทบไม่ต่างกับการใช้บัตรเงินสดเลย ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการใช้จ่ายในญี่ปุ่นที่เราชอบที่สุด อ้อ และย่านนี้ก็มีสัญลักษณ์ PayPay หรือ Alipay+ แทบทุกร้าน ยิ่งตอกย้ำว่าแอปเดียวเอาอยู่จริง ๆ ใครยังใช้ไม่เป็น โหลดแอปด่วนเลย!


005 Kichijōji Petit Mura
โลเคชันที่เหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ ท่ามกลางอาคารญี่ปุ่นสมัยใหม่ ‘Kichijōji Petit Mura’ คอมมูนิตีขนาดกะทัดรัดที่รวมคาเฟ่ ทีเฮาส์ และร้านขายของกระจุกกระจิกที่น่ารักที่สุดเท่าที่เราพบเจอในย่านนี้ ที่นี่เปิดมาได้ 6 ปีแล้ว โดยได้แรงบันดาลใจมาโลกแฟนตาซีในภาพยนตร์ของ Studio Ghibli ดินแดนที่ปกครองด้วยแมว จากนวนิยายสุดคลาสสิก โดดเด่นด้วยสิ่งปลูกสร้างสีน้ำตาล เขียว ส้ม แซมต้นไม้ดูชื่นมื่น รูปทรงอาคารโค้งมนแปลกตา ตกแต่งด้วยโคมไฟและป้ายเหล็กดัดที่บิดเบี้ยวอย่างตั้งใจ ราวกับถูกเสกขึ้นมาด้วยเวทมนตร์ บรรยากาศก็แสนสงบร่มรื่นราวกับร่ายเวทมนตร์ ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนก็เจอแต่สปอตสวย ๆ เสิร์ฟให้สายคอนเทนต์ได้ถ่ายแบบจุก ๆ เลย








ส่วนร้านที่เป็นเหมือนหัวใจของที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในปราสาทหลังใหญ่สุดชื่อว่า ‘Temari no Oshiro’ คาเฟ่แมวที่เขามีถึง 2 ชั้น พร้อมแมว 20 ชีวิตที่จะมาเสิร์ฟความอ้อล้อ สิ่งแรกที่เราเจอเมื่อย่างเท้าเข้ามาคือคำแนะนำในการใช้บริการเป็นอันดับแรก ซึ่งเขาดูแลทั้งเรื่องกฎระเบียบ ความสะอาดได้อย่างดี ให้รู้สึก comfort ทั้งคนและแมว พอกวาดตาดูรอบ ๆ ในนี้มีแมวหลากหลายพันธุ์มากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Norwegian Forest Cats, Maine Coon Cats, Scottish Folds, Munchkins, Bengal สำหรับทาสแมวแล้ว ที่นี่ถือเป็นสวรรค์ก็มิปาน






006 Hikiniku to Come (Kichijoji)
ร้านแฮมเบิร์กชื่อดังที่เคยทำห้างไทยแตกมาแล้วในวันเปิดตัวสาขา หรือแม้แต่สาขาใจกลางโตเกียวก็ยังคิวยาวจนต้องยืนรอกันจนขาแข็ง แต่กลับกันที่สาขาออริจินอลในย่านคิจิโจจิแห่งนี้ เราแค่ walk-in มารอคิวก่อนร้านเปิดไม่นาน ก็ได้เข้าไปลิ้มรสความอร่อยแบบไม่ต้องรอนาน ‘Hikiniku to Come (Kichijoji)’ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2020 โดยดัดแปลงจากบ้านพักอาศัยแบบดั้งเดิม มีการรื้อพื้นชั้นสองออกเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่ง ติดตั้งท่อดูดควันขนาดใหญ่ พร้อมเคาน์เตอร์รอบเตาย่างที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน บรรยากาศเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ และทันทีที่เดินผ่านประตูไม้สไตล์ญี่ปุ่นเข้าไป กลิ่นหอมของเนื้อย่างก็ลอยมาทักทายจนท้องร้องโครกครากเลยทีเดียว



ความปังของอาหารร้านนี้คือชิ้นเนื้อ 100% ที่ปั้นสดให้เราเห็นกันจะจะ ก่อนนำลงไปวางอยู่บนเตาถ่าน เมื่อสุกดีแล้วก็จะจัดเสิร์ฟให้กับลูกค้าแบบชิ้นต่อชิ้น โดยใน 1 เซตเราจะได้เนื้อทั้งหมด 3 ชิ้น เขาจะเสิร์ฟทีละชิ้น ให้เราค่อย ๆ ปรุงตามแบบที่เราชอบด้วยน้ำจิ้มที่วางเรียงอยู่ตรงหน้า ที่ขาดไม่ได้เลยคือการหยิบไข่แดงสดมาช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์ความนัวครีมมี่ ชูกลิ่นเนื้อให้กลมกล่อมขึ้น คู่กับข้าวที่หุงด้วยหม้อฮากามะที่ทั้งหอมทั้งนุ่ม มันเป็น Perfect Combination ที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว แล้วข้าวเขาเติมได้ฟรีไม่อั้นด้วยนะ ถูกใจสายกินสุด ๆ



007 Corn Barley
ยังคงอยู่กับมนต์สะกดของ Ghibli ร้านนี้บอกเลยว่าเป็นตัวตึงที่หาอ่านรีวิวยากมาก ‘Corn Barley’ ร้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวมานานหลายปี ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แอนทีคดูเคร่งขรึมชวนให้นึกถึงวันวาน แต่งแต้มสีสันด้วยของสะสมจากการ์ตูนเรื่องต่าง ๆ ของ Studio Ghibli ทุกโต๊ะจะแต่งเป็นธีมแต่ละเรื่อง และมีตุ๊กตาตัวใหญ่ของเรื่องนั้น ๆ ตั้งวางอยู่ ประหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมวงกินข้าว หากใครมาคนเดียวก็หมดปัญหาเรื่องความเหงาแน่นอน ด้านเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะก็จะมีโมเดลจิ๋วตรงคอนเซปต์วางทับอยู่ บอกเลยว่าหากสาวกจิบลิได้มาเยือนจะต้องกรี๊ดอย่างแน่นอน




อาหารใน Ghibli ที่เราใฝ่ฝัน ในที่สุดก็มีคนทำรูปลักษณ์ออกมาได้เหมือนจนเราใจเต้นไปหมด โดยอาหารของร้านจะจัดไว้เป็นคอร์สสำหรับ 1-2 คน เสิร์ฟมาทั้ง Salad, Stew, Grill, Soup, Pie และ Dessert ซึ่งแต่ละจานจะมีใบแนบเป็นเรื่องราวประกอบของจานนั้น ๆ อาทิ Magic bacon and eggs ที่เสิร์ฟมาพร้อมลูซิเฟอร์พ่อบ้านประจำปราสาทใน Howl’s Moving Castle, Coal miner’s soup ซุปมะเขือเทศมีทบอลสไตล์โฮมเมดของเรื่อง Castle in the Sky และที่เราสั่งมาพิเศษ Ham Ramen ราเม็งใส่แฮม และไข่ต้มของ Ponyo ที่มาพร้อมน้องในถังน้ำ แค่เสิร์ฟก็ยิ้มแก้มปริแล้ว รสชาติยังดีงามไม่มีที่ติอีกต่างหาก ใครอยากเจอเมนูว้าว ๆ อื่น ๆ ต้องตามไปอีสกันนะ บอกหมดเดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์





008 Shirohige’s Cream Puff Factory – Kichijoji
มาต่อด้วยขนมร้าน ‘Shirohige’s Cream Puff Factory – Kichijoji’ ถ้าใครจำได้เราเคยพาไปร้านนี้ในสาขา Shimo-Kitazawa มาแล้วรอบนึง มาสคอตของร้านจะเป็นป้ายไม้รูป Totoro ตัวโตวางอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นอีกร้านที่ได้รับรองอย่างเป็นทางการจาก Studio Ghibli ให้ทำเบเกอรีหน้าตัวการ์ตูนของเขาได้ เมนูเด็ดของร้านคือ Totoro Cream Puff มีให้เลือก 4 รสเบสิก ได้แก่ คัสตาร์ด ช็อกโกแลต ชาเขียว และสตรอว์เบอร์รี รสชาติบอกเลยว่าครีมมี่ ความหวานบางเบาละมุมละลายเข้ากับแป้งด้านนอกได้ลงตัวมาก ๆ แถมหน้าตาก็น่ารัก เอามาถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกคู่กับซากุระตรง Inokashira Pond ที่อยู่ใกล้ ๆ ได้อีก น่าร๊ากกกกก!!!!




009 UNIQLO Kichijōji Store
แม้ว่าบ้านเราจะมี UNIQLO อยู่ทั่วทุกมุมเมือง แต่การได้ชอปของในญี่ปุ่นมักจะเจออะไรที่เกินความคาดหมายอยู่เสมอ อย่างที่ UNIQLO Kichijōji Store เราชอบตั้งแต่การตกแต่งรอบอาคารด้วยกราฟฟิกลายการ์ตูนดูสดใส แอบซ่อนสัญลักษณ์ของความเป็นย่านนี้เอาไว้ เน้นการออกแบบที่เปิดโล่ง ด้านหน้าเป็นกระจกทั้งหมด จัดวาง Display ทั้ง 7 ชั้นอย่างมีระเบียบ ภายในแบ่งโซนตามประเภทเสื้อผ้าไว้อย่างดี โซนที่ทำให้สาขานี้แตกต่างจากที่อื่น ๆ คือ Kiosk วางขายดอกไม้ตรงชั้น 1 เป็นร้านดอกไม้ที่สดใสมินิมอลสไตล์แบรนด์มาก ๆ และชั้น 7 ที่วางขายสินค้า Limited Edition ซึ่งรอบที่เรามาเป็นการคอลแลบกับร้าน LIGHT UP COFFEE ที่เราไปมาก่อนหน้านี้นั่นเอง แถมหน้าร้านยังมีตู้ไปรษญีย์สีแดงน่ารัก ๆ ตั้งไว้ให้เราหยอดโปสการ์ดด้วย สำหรับยกให้เป็น UNIQLO สาขาที่ดีเทลดีสุด ๆ




แน่นอนว่าคนเที่ยวไป คิดแฟชั่นเซตใหม่ ๆ ไปแบบเรา ก็ต้องมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านอยู่แล้ว ซึ่งเป็นอันรู้กันว่า UNIQLO ทุกสาขาสามารถจ่ายด้วย TrueMoney ได้ บอกไว้ก่อนนะว่ารีบใช้จ่ายในต่างประเทศตั้งแต่วันนี้ รับทันที!! สิทธิ์เงินคืนสูงสุดถึง 100 บาท* ทั้งสำหรับลูกค้าใหม่ และสูงสุดถึง 50 บาท* สำหรับลูกค้าเก่าเลย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ขณะทำรายการ อัตราแลกเปลี่ยนอาจมีการเปลี่ยนแปลง


010 Kichijoji SUNROAD shopping district
ชอปปิงสตรีทในร่มที่คึกคักที่สุดในย่านนี้ต้องยกให้ ‘Kichijoji SUNROAD shopping district’ ที่สร้างมานานกว่า 55 ปีแล้ว จึงมีกลิ่นอายความเรโทรของโครงสร้าง ป้ายไฟ และอาคารหลงเหลืออยู่ เมื่อรวมกับร้านยุคใหม่ที่บ้างก็รีโนเวทดูโมเดิร์น บ้างก็ใช้โครงเก่าแต่งให้คลาสสิกก็กลายเป็นเสน่ห์ของถนนเส้นนี้ไปโดยปริยาย ตลอดระยะทางราว 300 เมตรนี้ เต็มไปด้วยร้านค้าที่นอกจากจะอยู่ชั้นล่าง ก็ยังมีร้านแอบซ่อนอยู่ชั้นบนและใต้ดิน นับ ๆ ก็คงจะหลายร้อยร้าน ครบครันทั้งสินค้าแฟชั่น รองเท้ากีฬา ร้านขายยา-เครื่องสำอาง สินค้าท้องถิ่น ร้านกิโมโนสุดวินเทจ ร้านอาหารยอดฮิต ฯลฯ เรียกว่าตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างแน่นอน





อีกความสะดวกสบายที่แอบอยากกระซิบให้ทราบ คือการใช้จ่ายร้านรวงส่วนใหญ่ภายในชอปปิงสตรีทแห่งนี้ รวมไปถึงการจ่ายเงินตามร้านสะดวกซื้อคือให้ฟีลเหมือนซื้อของที่ไทยสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็น 7-11, LAWSON, Familymart สามารถสแกนจ่ายด้วย TrueMoney ได้ทั้งนั้น แค่เราเติมเงินไว้ใน wallet ให้พอ เขาก็จะคำนวณค่าเงินวันต่อวัน แจ้งยอด แล้วให้ร้านค้าติ๊ดจ่ายได้ทันที เราแทบไม่ต้องพกเงินเยน หรือหยิบบัตรออกจากกระเป๋าให้วุ่นวาย รวดเร็ว ดีม๊าก


เรียกว่าเป็นทริปเบิกเนตรสำหรับเราในการจ่ายเงินผ่านแอป TrueMoney ที่เซอร์ไพรซ์สุด ๆ เพราะนอกจากจะจ่ายง่ายสะดวกแล้ว เรทที่ได้ยังดีงามแทบไม่ต่างจากบัตรกดเงินสด หรือ travel card ไม่มีค่าธรรมเนียมมาสร้างความกวนใจ สามารถใช้ยามฉุกเฉินเวลาทำเงินหรือบัตรหายได้อีก โหลดไว้หน่อยมันช่วยให้สบายใจขึ้นแบบ 100% เลยนะ


จบแบบไม่อยากให้จบเพราะความจริงในย่านนี้ยังมีอีกหลายสิบ หลายร้อยร้านค้าที่เราแอบแวะเข้าไปแล้วอยากจะเอามานำเสนอ แต่ถ้าทำแบบนั้นเพื่อน ๆ ก็คงหมดสิ้นความอยากค้นหากันพอดี เราเชื่อว่าใครที่เทสต์ความชอบคล้าย ๆ กับเรา หากได้มาสัมผัสย่าน Kichijoji ด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ คงจะต้องหลงรักไม่ต่างกัน และยิ่งใครเป็นแฟนตัวยงของ Studio Ghibli จะต้องระทวยกับมิวเซียมและเหล่าร้านค้าละแวกนี้เป็นแน่ ไม่เชื่อก็ลองมาดูด้วยตาตัวเองได้เลย

