Train Trip :: from Bangkok to Kanchanaburi :: นั่งรถไฟไปกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน

Keep trying new things, Go Adventures

พวกแกเคยรู้มั้ยว่าหัวใจคนเรามันเต้นวันละกี่ครั้ง…..  แล้ววันนึงมีเรื่องที่ทำให้ใจแกเต้นแรงเพราะความสุขกี่ครั้งกัน…. เราก็ไม่เคยนับหรอกแต่เราจะชอบทุกครั้งเวลาที่ใจเต้นแรงจากการได้เดินทาง เพราะมันเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเรากำลังตื่นเต้นเพราะความสดใหม่ แฮปปี้เพราะกำลังสุขใจ และการเดินทางครั้งนี้ที่เรากำลังจะชวนแกไปที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรหรอก แต่มันจะเป็นวิธีการเก่าที่พาแกไปเจอสิ่งใหม่ได้แน่นอน เอียงหูฟังหวูดรถไฟไว้ให้ดี เพราะคราวนี้เราจะพานั่งรับลม ชมเมืองกาญจนบุรี พื้นที่ทางฝั่งภาคตะวันตกของไทยที่อุดมไว้ซึ่งความสุขสมบูรณ์ของผืนป่า สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวเข้ามาเราจะชวนพวกแกไปสร้างเรื่องราวใหม่ๆ เองงง

หลังจากกดปิดเสียงนาฬิกาปลุก การเดินทางตามรอยความคลาสสิคที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ของเราก็เริ่มขึ้น สถานีต้นทางของเราเริ่มที่สถานีธนบุรี พอเวลา 7.50 น. รถไฟก็ส่งเสียงหวูดนำทางพวกเราไปยังสถานีถ้ำกระแซ เราซื้อตั๋วรถไฟชั้น 3 ที่สนนราคา 35 บาทต่อเที่ยว ตั๋วแบบนี้จะไม่มีเลขที่นั่ง แต่จะเป็นแบบใครขึ้นก่อนได้นั่งก่อน หามุมที่ชอบก่อน พอ 11.50 เราก็มาถึงสถานีถ้ำกระแซจุดหมายแรกของเราในทริปนี้ ถือว่าเวลากำลังพอเหมาะเลยทีเดียว แต่ใครมารอบเช้าไม่ทันเค้าก็ยังมีรอบจาก กทม. ตอน 13.55 น. ถึงถ้ำกระแซตอน 17.50 น. ถ้าใครไม่อยากแวะที่นี่สามารถนั่งต่อไปลงสถานีน้ำตกไทรโยคน้อยได้เลยนะ ส่วนถ้าใครมาเสาร์-อาทิตย์ การรถไฟฯ เขามีโปรแกรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็น One Day Trip เริ่มออกจากกรุงเทพ(หัวลำโพง) 6.30 น. และกลับถึงกรุงเทพ 19.25 น. สนนราคาเพียงคนละ 120 บาทอยู่ด้วยนาจา

เส้นทางรถไฟสายมรณะเราเชื่อว่าเป็นหนึ่งในชื่อเส้นทางที่คุ้นหูของใครหลายคนอย่างแน่นอน เพราะเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์สายสำคัญของไทย และเป็นเส้นทางที่ใครก็ตามที่อยากลองนั่งรถไฟเที่ยวต้องมาสักครั้งนึง หลังจากรถไฟเปิดหวูดออกตัวจากชานชาลามาได้สักพักอากาศกำลังสบายและคนไม่เยอะมาก พวกเราก็เดินถ่ายรูปกันแบบชิวๆ เปลี่ยนมุมถ่ายรูป เปลี่ยนมุมหลบแดดวนไป ก่อนจะเปิดลิสต์เพลงโปรดเสียบหูฟังพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วเผลอหลับไปแว๊บนึง ตื่นมาอีกทีเพราะแดดส่องหน้าและร้อนจนสงสัยว่าเมืองกาญนี่มีพระอาทิตย์กี่ดวงกันแน่!!! พอเหนื่อยพอหิวก็ควักขนมมาเคี้ยวกรุบกริบ พร้อมเครื่องดื่มที่เตรียมมาดื่มเพลินๆ ระหว่างทาง โชคดีที่เมื่อเช้ามือไวหยิบ #เย็นเย็นฟัน น้ำจับเลี้ยงผสมวุ้นมะพร้าวเฉาก๊วย ที่เป็นน้ำสมุนไพร 12 ชนิดติดมือมาด้วย คือดีตรงนางมีฤทธิ์เย็นทำให้เรารู้สึกเย็นจากภายใน แถมมีการเพิ่มวุ้นมะพร้าวเฉาก๊วยให้ได้เคี้ยวเพลินๆ จนเผลอยกดื่มๆ ให้ชื่นใจแบบไม่รู้ตัว

ย้อนกลับไปในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขอความร่วมมือจากรัฐไทยในการเข้ามาทำเส้นทางยุทธศาสตร์เพื่อผ่านไปยังประเทศพม่า แต่เพราะเส้นทางที่จะผ่านไปนั้นต้องขุดเจาะผ่านภูเขา กองทัพญี่ปุ่นจึงได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายพันธมิตรมาก่อสร้างรถไฟสายนี้ และด้วยความยากลำบาก ทำให้เส้นทางนี้ต้องสูญเสียชีวิตของเชลยศึกเป็นจำนวนมากจนได้รับการขนานนามว่า “ทางรถไฟสายมรณะ” แม้เราทุกคนอยากจะลืมแต่ความจริงนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงโชคยังดีที่เส้นทางนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาอย่างสูญเปล่าเพราะในปัจจุบันทางรถไฟสายนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ชาวไทยและชาวต่างชาติอยากมาเยี่ยมชมอันดับต้นๆ ของเมืองกาญจนบุรี ยิ่งช่วงที่รถไฟตีโค้งที่ริมผาเลียบแม่น้ำแควน้อยจัดว่าเป็นจุดไฮไลต์ของทางรถไฟเส้นนี้เลยล่ะ เพราะคนที่อยู่บนรถไฟก็อยากจะชะโงกมองวิวแม่น้ำกับทิวเขาที่เขียวชะอุ่มระหว่างอยู่บนรถไฟก็ไม่ต้องกลัวนะว่าจะไม่รู้ตัวว่าถึงทางโค้งริมผานี้แล้วเพราะเสียงของล้อรถไฟกับรางไม้ที่กระทบกันมันจะต่างกับช่วงอื่นมากๆ และความสั่นสะเทือนก็ต่างกันจนแอบเสียวท้องน้อยเลยล่ะ ส่วนคนที่รออยู่ที่ชานชาลาก็พลาดไม่ได้ที่จะรอเก็บภาพรถไฟบนช่วงทางโค้ง

ไม่เพียงแค่ทางรถไฟสายมรณะเท่านั้นที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว บริเวณใกล้ใกล้กับสถานียังมีถ้ำกระแซถ้ำเล็กๆ ที่ภายในมีเพียงพระประทานองค์เดียว จุดนี้อดีตเคยเป็นที่พักของเหล่าเชลยศึกมันจึงเป็นเพียงเสมือนที่พักผ่อนแห่งเดียวในละแวกนี้ แม้จะร้อนระอุจนเหงื่อซึมแต่วิวที่สวยงามและบรรยากาศที่แปลกตาก็ทำให้เราไม่ลดละที่จะหามุมถ่ายรูปเด็ดๆ มาเก็บไว้เป็นโปรไฟล์

หลังจากเก็บภาพจนหนำใจ พวกเราก็เหมารถของชาวบ้านแถวนั้นเพื่อไปยัง Saiyokview Resort ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ที่อยู่ริมแม่น้ำแคว แต่ถ้าใครไม่อยากเหมารถก็สามารถนั่งวินจากถ้ำกระแซมาที่ถนนเส้นหลัก เพื่อนั่งรถเมล์สายกาญจนบุรี-สังขละบุรี ไปลงหน้ารีสอร์ทได้เลย พอถึงที่พักยังไม่ทันเก็บกระเป๋าความร้อนเร่าก็แทบทำให้เราอยากกระโดดน้ำสักหนึ่งโครม แต่เพราะวิวสวยกับบรรยากาศที่ดีงามทำให้เราต้องหยิบกล้องขึ้นมาส่องหามุมงามๆ เก็บรูปเอาไว้ก่อนที่ตัวจะเปียกปอนกันไปใหญ่ โดยเฉพาะไฮไลต์ของที่นี่คือสระว่ายน้ำสีฟ้าบนแพไม้สีน้ำตาลที่เหมาะแก่การนอนลอยตัวชมวิวสีเขียวๆ และฟังเสียงน้ำที่ไหลซู่ซ่าอยู่ในแม่น้ำ แต่หากใครอยากนอนรับลมเล่นๆ ที่หน้าห้องพักบนแพทุกห้องจะมีระเบียงริมน้ำให้เรานั่งเล่นเพลินๆ ปล่อยเวลาเดินไปแบบสบายๆ หรือจะลงเล่นน้ำหน้าแพก็ชุ่มฉ่ำไม่เบา

ส่วนใครอยากลองล่องแพปล่อยตัวตามกระแสน้ำเค้าก็มีแพลากที่จะเอาเรานั่งทวนน้ำแล้วปล่อยไหลกลับมาตอนสี่และห้าโมงเย็น ขาไปเราก็คว้าขวดเย็นเย็นฟันไปเพิ่มทั้งความเย็นและความฟัน ที่บอกเลยว่าอร่อยฉ่ำใจโดนใจวัยรุ่นสุดๆ แถมยังมีฤทธิ์เย็นจากสมุนไพร 12 ชนิด ทั้งจับเลี้ยง เก๊กฮวย รากบัว มะตูม หล่อฮังก้วย ฯลฯ ช่วยให้สดชื่นจากภายใน วุ้นมะพร้าวเฉาก๊วยที่ใส่มาแบบจัดเต็มแน่นๆ #สู้ร้อนเคี้ยวคูล ให้เคี้ยวแบบฟันๆ ลบภาพน้ำสมุนไพรเดิมๆ ที่เคยคิดไปเลยจ้า อยากสดชื่นเมื่อไหร่ก็คว้ามาดื่ม อยากคูลก็หยิบมาเคี้ยว เฟี้ยวฟ้าววุ้นมะพร้าวเฉาก๊วยขนาดนี้ #เย็นเย็นฟันเห๊อะ แล้วจะติดใจ จะดื่มก่อนโดดหรือโดดก่อนดื่ม จะดื่มในเมือง จะเคี้ยวกลางป่า จะฟันกลางทะเลก็ดีเว่อร์ เพราะหาซื้อได้ง่ายที่ 7-Eleven ทุกสาขาและร้านค้าชั้นนำทั่วไป นาจา

เล่นน้ำจนฉ่ำใจก็ได้เวลาไปอาบน้ำอาบท่า แล้วมานั่งรอพี่ที่ท่าน้ำพร้อมหยิบเย็นเย็นฟันมานั่งดื่มให้สดชื่นระหว่างรออาหารเย็น รับลมแบบสบายๆ เคี้ยววุ้นมะพร้าวเฉาก๊วยไปเพลินๆ มองน้ำ มองฟ้า ชื่นชมความสวยงามของโลกสีเขียวใบนี้ และขอบคุณที่มันยังอยู่ให้เราได้เชยชม ขอบคุณตัวเองที่กล้าลองอะไรใหม่ ทำให้ชีวิตมีสีสัน เพิ่มทั้งความหวานและฟันไปในตัว พอตะวันลับขอบฟ้าก็หมุนตัวเดินไปรับประทานอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ของทางที่พักที่มีให้เลือกมากมาย ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องไปบอกฝันดีราตรีสวัสดิ์กับตัวเองและเพื่อนร่วมทริป

ตื่นเช้ามาสูดอากาศเข้าแรงๆให้เต็มปอด มองภาพภูเขาโอบกอดสายน้ำแสนละมุน เราลุกจากเตียงนุ่มๆ มาทานอาหารเช้าแบบเบาๆ แล้วเอาไดอารี่เล่มเก่งมาบันทึกเรื่องราวกับความรู้สึก เขียนเรื่องราวที่เคยเป็นแค่เรื่องเล่าถึงความสวยงามของกาญจนบุรีด้วยตัวเราเอง ละเลงความรู้สึกที่แสนดีผ่านปลายปากกา ก้มหน้าอยู่สองสามนาที เสพย์ความสุขผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ผ่านสายตา ผ่านหู ผ่านการสัมผัส ผ่านรสชาติเย็นเย็นฟัน ผ่านกลิ่นของธรรมชาติ ภาวนาให้เราพาตัวเองออกเดินทางไปเจอสิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้ใจเต้นแรงแบบนี้ไปได้อีกนานๆ

เก็บเกี่ยวความสุขและความคูลจนพอใจช่วงสายเราก็เช็คเอ้าท์แล้วขึ้นรถที่เหมาไว้เพื่อไปยังท่ารถกลับกรุงเทพฯ แต่เพราะเวลาที่ยังเหลือเราเลยให้รถพาเราแวะที่ วัดพุตะเคียน ที่เป็นทางผ่าน ที่เราตั้งใจจะผ่านไปจริงๆตั้งแต่แรก แต่เพราะสีสันที่สะดุดตาของแปลงดอกไม้หน้าวัด ที่เอาเจ้าดอกผักเสี้ยนฝรั่งมาเพิ่มสีสัน ทำให้เราได้เจอกับสะพานไม้ที่ทอดสู่ทุ่งสีเขียวจนได้มุมถ่ายภาพอีกหลายจุด หนำซ้ำยังได้แวะช้อปตลาดชุมชน ที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่นต่างๆอีกพอประมาณด้วย

เวลาพอมีเราจะเสียเปล่าๆไปได้ยังไง เลยขอแวะ The Village Farm to Cafe’ คาเฟ่แบบฟาร์มที่อยู่ในสวนเดียวกับร้านอาหารคีรีมันตรา แวะจิบกาแฟ ชมวิวเขา เก็บภาพในร้านคาเฟ่ที่ตัวร้านทำเลียนแบบโรงเรือนขนาดใหญ่ เน้นความเรียบง่าย หลังคาสูงให้ดูโปร่งแต่ไม่โล่งเกินไปด้วยการใช้ไม้สีอ่อนผสานกับเฟอร์นิเจอร์สีดำ กระจกบานใหญ่นอกจากเป็นตัวนำแสงที่ดีแล้วยังเป็นมุมถ่ายรูปที่คูลสุดๆ อีกด้วย

นอกจากตัวร้านที่ออกแบบได้อย่างดีงามจนอยากจะยกนิ้วให้แล้วไฮไลต์ของที่นี่ก็ยังมีอุโมงค์ไม้ไผ่สีเขียวลู่ลมที่ทอดยาว ที่มีจักรยานให้ขี่ถ่ายรูปเล่นได้ฟรีๆ มีทุ่งดอกหญ้าสุดลูกหูลูกตาจะถ่ายแนวอินดี้หรือสายหวานก็น่ารั๊กอ๊ะ ยังไม่จบเค้ายังมีนาขั้นบันไดขนาดเล็ก 4-5 ชั้นให้เราไปเดินเล่นสูดอากาศ แอคติ้งออกแบบท่าโพสสุดคูลอยู่ด้วย และอ่างเก็บน้ำ วิวภูเขา ที่มีสะพานยื่นออกไปกลางอ่างให้นั่งเล่น นอนเล่น พักผ่อนหย่อนขาเล่นๆ กันเป็นจุดสุดท้าย ก่อนปั่นจักรยานกลับไปสั่งของกินเล่นอีกสองสามอย่างในคาเฟ่ บอกเลยว่ามาที่นี่มันครบมาก ได้ภาพหลากหลาย ได้ชมวิวสวยๆ ได้เจออากาศบริสุทธิ์ คุ้มค่ากับการพาตัวเองมาเป็นที่สุด

สองวันหนึ่งคืนกับทริปสั้นๆในเมืองสุดฮอตที่แสนจะคูลต่อกาย และดีต่อหัวใจ การเดินทางในครั้งนี้แม้จะไม่ได้สะดวกสบายเท่ากับการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ซึ่งจริงๆจะเอามาก็สะดวกสบายเช่นกัน แต่หลายๆครั้งเราก็อยากลองทำอะไรใหม่ๆเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเอง เพื่อกำหนดจังหวะให้หัวใจได้เต้นแรงด้วยความสุขจากเรื่องราวใหม่ๆและสิ่งใหม่ๆที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ในแต่ละวันทั้งดีกว่าที่คิดบ้าง เศร้ากว่าที่คิดบ้าง ร้อนกว่าที่คิดบ้าง อร่อยกว่าที่คิดบ้าง เมื่อรวมรสกันแล้วสุดท้ายเรื่องราวในทริปนี้ก็จบลงแบบแฮปปี้แอนดิ้ง สดชื่น หวานฉ่ำ สุดคูลทั้งเย็นทั้งฟันจนอดใจรอสร้างภาคต่อของการเดินทางเรื่องถัดไปแทบไม่ไหวแล้วล่ะ แต่ก่อนออกเดินทางในครั้งหน้าอย่าลืมแวะหยิบเย็นเย็นฟันน้ำจับเลี้ยงผสมวุ้นมะพร้าวเฉาก๊วยจาก 7-Eleven หรือ ร้านค้าชั้นนำทั่วไป เป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่การเดินทาง นึกจะดื่มก็นึกถึงเย็นเย็นฟัน