ถ้าเราบอกว่าบาหลีมีทะเล ภูเขา น้ำตก ทุ่งนา คาเฟ่ดีดี และก็ลิงปี้กัน พวกแกรก็อาจจะนึกภาพตามไม่อ อก มองไม่เห็นถึงความคูล ความชิว ความชิค ของเกาะในประเทศอินโดนีเซีย แห่งนี้ เพราะว่าสิ่งที่เรากล่าวมาบ้านเราก็มีครบหมดทุกอย่าง แต่เชื่อเราเหอะว่าต่อให้ธร รมชาติรอบตัวจะคล้ายกันเพีย งใด ผู้คน วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ของคนประเทศนั้นนั้น จะทำให้ธรรมชาติและสิ่งรอบตัวที่คล้ายคลึงกันนั้นมีอะไ รที่น่าค้นหาและน่าไปลองสัม ผัสดู
ทริปนี้เกิดขึ้นจากการรวมก๊ วนรุ่นพี่รุ่นน้อง ที่มีภาพจำเกี่ยวกับบาหลีคื อฝรั่งใส่บีกินี่ว่ายน้ำ เล่นเซิร์ฟ แล้วก็มานอนอาบแดดโชว์ความดูมมาจาเล่ดูม มาจาเล่ดูม อยู่ตามชายหาด ซึ่งหลังจากที่เราสามคนลงปร ะชามติฟันธงกันล้านเปอร์เซ็ นต์ว่าจะไปบาหลี พวกเราก็เริ่มลงมือหาที่เที่ยวกันทันที เอามือแตะไหล่น้องเบาเบาพร้ อมกับอุทานออกมาดังดัง เขร้!! บาหลีไม่ได้มีดีแค่ทะเลนะเนี่ย นางมีหมดไม่ว่าจะน้ำตก ลาบ ก้อย อ่อม ถรุย ไม่ใช่ล่ะอันนั้นมึงหิวค่ะ เอาใหม่ น้ำตก ภูเขา นาขั้นบันได รวมทั้งคาเฟ่ชิคชิค มีให้เที่ยวเพียบเลย ซึ่งพอดูข้อมูลเรื่อยเรื่อย ความอยากที่จะไปก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยเรื่อยเช่นกัน จนในที่สุดความอยากไปบาหลีก็ดันทะลุหลอดพลังจนแตกกระจา ยเป็นเสี่ยงเสี่ยง
ไปจองตั๋วเลยจ้า
แพลนไว้ซะดิบดีว่าจะไป 5 วัน 4 คืน เที่ยวเท่เท่คูลคูล แบบค่อยเป็นค่อยไปไม่เร่งรี บ ภาพตัดมาวันเดินทางจริงเราก ดรับโทรสับ ฮัลโหล ( เสียงง่วงที่สุดในระบบสุริย ะจักรวาล ) พี่อยู่ไหนเครื่องจะออกแล้ว อยู่ห้องแล้วเครื่องออกไปไห น ( เราถามกลับแบบมึนมึนงงงง) “ ไปบาหลี ไปบาหลีไง ไปบาหลีไงพี่ ” สติกลับมาแต่ก็สายไปเสียแล้ ว ณ จุดนี้เราได้ตกเครื่องโดยสม บูรณ์แบบเป็นครั้งที่ 5 ไม่ต้องด่าว่าโง่นะแกร๊ เพราะทุกวันนี้ก็ด่าตัวเองอ ยู่ 5555
แพลนเดิมคือเราต้องบินกับแอร์เอเชียในเที่ยวบินที่ FD396 เวลา 6.15 น. แต่เพราะตกเครื่องก็เลยทำให้เราต้องมานั่งหาตั๋วใหม่ ซึ่งในหัวเราตอนนั้นรู้แค่ว่าให้เปิดโทรศัพท์รีบคลิกเข้าไป ที่นี่ แล้วจองเที่ยวบินที่ QZ521 เวลา 12:00 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเที่ยวบินข องแอร์เอเชียที่บินตรงจากดอ นเมืองไปบาหลี แต่ซวยในซวยคือวันเดินทางขอ งเราดันไปตรงกับวันเสาร์ พอม าฟีสเจอริ่งกับความบาหลีเป็ นเมืองท่องเที่ยวที่ทั้งคนไทยคนต่างชาติเลือก บินไปเที่ยวกับแอร์เอเชียเย อะมาก ก็เลยทำให้ไฟล์เที่ยงในวันเ ดียวกันเต็ม แต่ถึงแม้จะซวยเราก็ไม่ได้ซ วยโดยสมบูรณ์แบบเพราะว่าแอร์เอเชียนางมีบินตรงไปบาหลี ทุกวัน จองวันนี้ไม่ได้ก็ขยับไปอีก หนึ่งวันบาหลีคงไม่หนีไปไหน มั้ง ( คิดแบบนี้แล้วสบายใจ )
ภาพตัดไปเช้าของวันถัดไป ณ ตอนนั้นเรานั่งไขว่ห้างกระดิกเท้า พร้อมกับตักข้าวมันไก่ใส่ปา ก แบบผู้มีชัย 555 วันนี้ไม่ตกเครื่องนะแกร๊ สัญญาณแทรกดังขึ้นมา “ตกได้ไงล่ะได้ข่าวว่ามานอน รอที่สนามบินตั้งแต่เที่ยงคืน” เอาเป็นว่าทานมื้อเช้าเสร็จ เรียบร้อยปรับเบาะเอนนอนกัน ยาวยาวจนกว่าแอร์โฮสเตสสุดส วยจะมาสะกิดบอกเราว่าใกล้ถึ งบาหลีแล้ว
บาหลี เป็นเกาะที่อยู่ทางตอนใต้ขอ งเกาะชวาไปทางตะวันออกนิดนึ ง ใช้เวลาบินตรงจากกรุงเทพฯ 4 ชั่วโมง โดยประมาณ
พอแอร์เอเชียพาเราบินลัดฟ้า มาถึงบาหลีอย่างปลอดภัย น้องที่มาถึงบาหลีตั้งแต่เมื่อวานก็มารอรับเราพร้อมกับ พี่คนขับสุดใจดีที่จะเป็นคน พาเราตะลุยทุกซอกของบาหลีใน ครั้งนี้ สำหรับทริปนี้เราเลือกเหมาร ถรายวันพร้อมคนขับ ด้วยเหตุผลหลักคือมีเวลานข้ างจำกัด ( ตกเครื่องไง ) ดังนั้นการเดินทางไปแต่ละที่ที่แพลนไว้จะต้องแม่นยำและ ไม่หลง ซึ่งราคาเหมาจะอยู่ที่ 500,000 รูปีต่อวัน ( รวมค่าคนขับค่าน้ำมันแล้ว )
หลังจากทักทายพี่คนขับและเจ อกับรุ่นน้องเรียบร้อยพวกเร าก็เริ่มตะลอนเที่ยว ….
เอฟวายไอ.ใครที่ตั้งใจจะไปซื้อ local sim ที่บาหลีใช้ แนะนำว่าให้ไปซื้อข้างนอกเพ ราะที่สตามบินแพงมาก ( พี่คนขับบอกมาอีกที )
:: Day 1 ::
จริงจริงแล้ว Handara Golf คือโลเคชั่นแรกที่เราตั้งใจ จะไปโพสท่าคูลคูลถ่ายรูปอัพ ลงโซเชียล เพื่อบอกเพื่อนบ้า นว่าตอนนี้เราอยู่บาหลีแล้ว นะเหวย แต่ด้วยความที่โลเคชั่นแรกที่แพลนมาอยู่ค่อนข้างไกลจาก สนามบิน ซึ่งจากการประเมินระยะทางบว กกับรถติดแล้วพี่คนขับบอกกั บเราว่ายังไงก็ไม่น่าจะไปทั น และในเมื่อนางบอกว่าไม่ทันเ ราก็เลยให้นางแนะนำมาว่าเรา ควรไปที่ไหน นางน่ารักมากเสนอแต่วัดมาให้เราจ้า สงสัยจะเห็นเราสามคนเป็นสาย บุญ 555 ปกติเราสามคนจะไม่ค่อยจะอิน กะวัดเท่าไหร่เลยให้นางแนะนำพวกน้ำตกไรงี้ นางพูดชื่อน้ำตกมาเราก็เซิส ข้อมูลดูภาพประกอบในเน็ตตามไปด้วย จนสุดท้ายก็มาลงเอยที่ Tegenungan Waterfall ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่ก่อนถึ ง Ubud ประมาณ 10 กิโล
ฮัลโหล!! เวลาบ่ายสองกว่ากว่ากับนักท่องเที่ยวมากมายมหาศาล ภาพคูลคูลที่เห็นในเน็ตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที ความจริงคือน้ำตกมีความยิ่งใหญ่อลังการ สวยงาม เพราะที่นี่ถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นมะพร้าวและความเขียนของต้นไม้นับร้อยต้น น้ำก็มีความเย็นสุดสุด ซึ่งโดยรวมถือว่าร่มรื่นเหมาะแก่การมานั่งโง่โง่เอาเท้าจุ่มน้ำให้สบายใจเป็นที่สุด แต่ใครเน้นถ่ายภาพเราขอแนะนำว่าให้มาแต่เช้าน่าจะดีกว่า
ส่วนเราเก็บภาพนิดหน่อยเพื่อความสบายใจแล้วก็ออกเดินทางไปยังโลเคชั่นถัดไปได้
หากใครเบื่อลิงเขาสามมุข ลิงลพบุรี ไปบาหลีอย่าลืมแวะไปสัมผัสค วามลิงอินโดนีเซียที่ Monkey Forest นะแก ตามคาดคือตรงตรงตามชื่อ “ป่าลิง” คงไม่ต้องบอกว่าลิงจะเยอะขน าดไหน แค่เข้าไปก็เห็นวิ่งไล่ปี้กันเลยจ้า ลิงยั้วเยี้ยห้อยหัวห้อยขาเ ต็มไปหมด
ซึ่งความซนของลิงบาหลีก็ไม่ ได้ต่างกับลิงเมืองไทยเลย พร้อมฉกฉวยขนม รวมทั้งหมวก แว่นตา และเครื่องประดับจากตัวคนได้เสมอ เพราะฉะนั้นถ้าจะไปก็เที่ยว ระมัดระวังกันด้วยนะ ส่วนใครใคร่อยากได้ภาพถ่ายคู่กับลิงแบบคูลคูลเหมือนที่เห็ นฝรั่งถ่ายอัพลงในเน็ตทั่วไ ปไม่ยากเลย แค่ควักตังเดินไปซื้อกล้วยพ อได้กล้วยมาก็แค่จับมันชูขึ้นเหนือหัวให้สุดแขนจากนั้น ก็จะมีลิงวิ่งกรูเข้ามาหาแต่จะมีเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่มงลงได้เกาะไหล่ฉายภาพคู่ กับเรา
พวกเราออกจาก Monkey Forest ไปจัดมื้อเย็นกันที่ Seniman Coffee Studio ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่อยู่ใน Ubud โดยร้านมีขายทุกสิ่งอย่างทั้งกาแฟ เค้ก ขนม รวมทั้งอาหารอีกหลากหลายเมนู
ร้านตกแต่งด้วยเฟอนิเจอร์ไม้บวกกับไฟสีเหลืองนวล มันก็เลยทำให้บรรยากาศออกมา ในแนวอบอุ่นและมีความละมุน ซึ่งที่นั่งของร้านก็มีทั้ง อินดอร์เอาท์ดอร์ให้เลือกนั่ง
สำหรับอาหารเย็นมื้อนี้เราสั่ง Burger กับ Fish&Ship มาลองทานก่อน ยังไม่กล้าวู่วามสั่งมาเยอะ เพราะกลัวรสชาติอาหารที่นี่ จะไม่ถูกปาก ส่วนเครื่องดื่มก็เป็นกาแฟ โกโก้ คนล่ะแก้ว หลังจากรออยู่พักใหญ่ในที่สุดทุกอย่างก็มาเสิร์ฟครบถ้ว น ถ่ายรูปเสร็จก็ 1 2 3 เริ่มกินได้
10 10 10 ไปเลยจร้าสำหรับร้านนี้ทั้ง อาหารทั้งเครื่องดื่ม รวมถึงของหวานเค้กเลม่อนมะพ ร้าวที่สั่งมาลองทาน รสชาติโอเครและที่สำคัญราคา ไม่แพงอีกด้วย อิอิ แบบนี้ต้องเบิ้ลสอง
:: Day 2 ::
แกรรู้จักสองผัวเมียนักเดินทางสุดฮอตร ะดับโลกที่ใช้ชื่อไอจีนามว่ า doyoutravel มั๊ย พวกนางคือแรงบรรดาลใจที่ทำใ ห้เราต้องทำในสิ่งที่ยากที่ สุดในชีวิตนั่นก็คือการตื่น แต่เช้า 555 เรายอมแหกขี้ตาตื่นกันตั้งแ ต่ตีห้าครึ่ง อาบน้ำ เพื่อจะไปถ่ายรูปกันที่ Tibumana Waterfall สาเหตุที่ต้องเช้าเบอร์นี้ก็เพราะว่าประสบการณ์จากน้ำต กเมื่อวานสอนให้เรารู้ว่าถ้ าอยากได้ภาพคูลคูลไร้คนต้อง ไปตอนเช้าเท่านั้น และในเมื่อน้องน้องโอเครที่ จะตื่น พี่คนขับสุดใจดียินดีที่จะม ารับแต่เช้า การเดินทางไปน้ำตกเช้าวันที่สองจึงเกิดขึ้น ฮ่าฮ่า
ตามคาดพวกเราคือมนุษย์โลกสา มคนแรกที่มาเหยียบน้ำตก Tibumana Waterfall ในวันนี้ ซึ่งหลังจากซื้อตั๋วเข้าน้ำ ตกเรียบร้อยเราต้องเดินเท้า เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ( ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะถูกแต่ถ้ าไม่ถูกก็น่าจะจำผิด 555 )
สำหรับเราความสวยงามความอลั งการของ Tibumana Waterfall ยังเทียบ Tegenungan Waterfall ไม่ได้ แต่พอถ่ายรูปออกมาแล้ว Tibumana Waterfall กับดูแพงกว่า คูลกว่า เพราะฉะนั้นแกรก็ต้องห้ามพล าดที่นี่เช่นกัน
ภาพใบนี้ลอกมุมมากจาก doyoutravel เลยจร้า ขาดแค่อย่างเดียวก็คือห่วงย าง
เมื่อได้ภาพในมุมตามที่ต้อง การแล้วพวกเราทั้งสามก็เดิน กลับไปที่ลานจอดรถ ซึ่งระหว่างที่เดินกลับก็เริ่มมีกลุ่มนักท่องเที่ยวทะย อยเดินเข้ามาในน้ำตกค่อนข้า งเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้ภาพปล อดคนแบบเราก็คงต้องแหกขี้ตา ตื่นแต่เช้าเฉกเช่นเดียวกัน กับเรานะแกร๊
หนึ่งสิ่งที่เราได้รู้จากพี่คนขับเกี่ยวกับบาหลีก็คือ ชาวบาหลีนอกจากจะทำอาชีพเกี่ยวกับ Tour แล้วคนที่นี่ยังมีอาชีพหลัก อีกอย่างคือการปลูกนาข้าว ซึ่งถ้าถามว่าจุดชมนาข้าวที่สวยที่สุดในบาหลีอยู่ที่ไห น เชื่อว่าคนที่เคยไปต้องพูดเ ป็นเสียงเดียวกันว่า Tegalalang Rice Terrace แน่นอน เพราะฉะนั้นเราจะไม่รีรออะไ รทั้งนั้นออกจากน้ำตกก็ตรงดิ่งไปชมนาขั้นบันไดทันที
บางคนมาแล้วอาจเฉย บางคนรู้สึกชอบ บางคนก็บอกธรรมดา แต่สำหรับพวกเราสามคนพูดตรง กันว่าชอบ ชอบในความที่นาข้าวกับต้นมะ พร้าวอยู่ด้วยกัน ชอบการปลูกนาข้าวบนไหล่เขาไ ล่ระดับขึ้นไปเรื่อยเรื่อย
แต่แอบไม่โอเครอยู่อย่างนึง คือ มีด่านเก็บค่าเข้าหลายจุดเกินไป คือเหมือนว่าถ้าอยากเดินขึ้ นไปถ่ายรูปบนจุดสูงสุดจะต้อ งจ่ายตังประมาณสี่รอบ แต่ด้วยราคาก็ไม่ได้แพงมากเ ราสามคนก็เลยยอมเพื่อจะได้ภ าพที่สวยงามที่สุด
บริเวณรอบรอบ Tegalalang Rice Terrace จะมีร้านขายของฝากจากบาหลีอ ยู่มากมายหลายร้าน ซึ่งของฝากก็จะเป็นพวกกระเป๋า รูปวาด โปสการ์ด เสื้อ บลาบลา รวมทั้งของที่ระลึกน่ารักตะ มุตะมิอีกมากมายหลายสิ่งอย่ าง
แต่ด้วยความเพลียเพราะแดดแร งบวกกับความหิวเข้าครอบงำกะ เพาะอาหาร อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้อินก ับการซื้อของฝากสักเท่าไหร่ สิ่งที่มองหาหลังจากเดินกลั บลงมาจากนาขั้นบันไดก็คือร้ านคาเฟ่ดีดีสักร้าน แต่มองไปมองมาก็แลดูตัดสินใ จยากเหมือนกันนะ ร้านนั้นก็ดี ร้านนี้ก็น่านั่ง คือทุกร้านวิวดีงามหมดต่างแ ค่เพียงมองเห็นนาขั้นบันไดค นมุมกัน เดินวนไปวนมาก็ไปสะดุดกับรู ปบนกำแพงของร้าน SURYA Terrace Cekingan เรานี่หันไปบอกน้องทันที “กรูรู้ล่ะ เอาร้านนี้แหล่ะ”
พอเปิดเมนูดูก็พบว่าร้ านขายแต่พวกเครื่องดื่มเพื่ อสุขภาพ น้ำผักผลไม้ปั่นเอย โยเกิร์ตปั่นเอย สรุปประทังชีวิตด้วยน้ำปั่น คนล่ะแก้วแล้วค่อยไปหาข้าวท านป้ายหน้าละกัน
แตงโมปั่น กล้วยปั่น น้ำส้มปั่น กับวิวนาขั้นบันได คงไม่ต้องอะไรมากมาย แค่นั่งเฉยๆชมวิวจิบน้ำปั่น ให้ลมกระแทกหน้ามันก็ดีที่สุดแล้ว
ออกจากนาขั้นบันไดพวกเราก็ต รงดิ่งไปเก็บภาพกันต่อที่ Campuhan Ridge Walk ที่นี่จะเป็นภูเขาที่ปกคลุม ไปด้วยหญ้าความสูงระดับเอว โดยตรงสันเขาเค้าจะทำเป็นทา งเดินเท้าให้คนที่มาเที่ยวไ ด้เดินกินลมชมวิวเก็บภาพ และอย่างที่เราบอกว่าภูเขาป กคลุมไปด้วยต้นหญ้าซึ่งไร้ร่มเงาของต้นไม้ ดังนั้นขอแนะนำว่าพวกแกรควร มาช่วงเช้าหรือช่วงเย็นจะดี ย์กว่า
วันที่เราไปค่อนข้างครึ้มฟ้ าครึ้มฝนนิดนึงทำให้แดดไม่แ รงตามที่คาด ก็เลยทำให้เราเก็บภาพกันเพลินๆจนลืมความหิวมะกี้ไป เลย ซึ่งเราใช้เวลาเก็บภาพอยู่ที่ Campuhan Ridge Walk ราวราวชั่วโมงครึ่งก่อนจะเคลื่อนพลไปร้านคาเฟ่สุดชิคกลางทุ่งนา
ระหว่างมุ่งหน้าไป Cafe’ Pomegranate พี่คนขับก็ถามว่าแน่ใ่จใช่ไ หมที่จะไป เพราะว่าจากปากซอยเราต้องเด ินเข้าไปเองประมาณ 20 นาที เนื่องจากถนนคนข้างแย่ในช่ว งแรกบวกกับพอเข้าไปเรื่อยเรื่อยทางก็จะแคบลง แคบชนิดที่รถใหญ่ไม่สามารถวิ่งเข้าไปได้ เรากะน้องคุยกันช่างใจอยู่น านจนสุดท้ายก็ตอบพี่คนขับไป ว่าโอเคร “พวกเราจะเดิน” จากปากซอยเราเดินผ่านนาข้าว รีสอร์ท ร้านอาหาร สปา คาเฟ่ ซึ่งรวมรวมก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีตามที่คนขับบอก ก็มาถึง Cafe’ Pomegranate
Cafe’ Pomegranate เป็นคาเฟ่ open-air ที่อยู่ท่ามกลางนาข้าว โดยที่นั่งในร้านมีให้เลือก สองแบบด้วยกัน คือ แบบโต๊ะเก้าอี้ทั่วไปซึ่งมั นก็โอเคร แต่ที่ที่เหมาะกับเรามันคือ ที่นั่งบนพื้นริมขอบด้านนอก สุดของร้าน มันเป็นที่นั่งที่คนในร้านจับจ้องพร้อมจะแย่งชิงตลอดเว ลา ด้วยความที่มันเต็มตลอดพอมี โต๊ะไหนลุกก็จะมีคนพร้อมย้า ยไปเสียบแทน แต่เรามีความโชคดีสุดสุดตรง ที่เข้าร้านมาในจังหว่ะที่ลูกค้ากลุ่มหนึ่งทานเสร็จพอดี ก็เลยได้ที่นั่งสวยสวยไปครอ บครองท่ามกลางความอิจฉาของค นในร้าน ฮ่าฮ่า “รู้สึกชนะ”
อาหารที่นี่ค่อนข้างหลากหลา ยมีทั้งบะหมี่ สลัด สเต็ก พิซซ่า รวมถึงอาหารท้องถิ่นของบาหลี ส่วนเครื่องดื่มก็ทั่วไปเลย น้ำผลไม้ปั่น กาแฟ น้ำเปล่า บลาบลา สรุปมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นข องเราวันนี้ก็จบพร้อมกันที่ ร้าน Cafe’ Pomegranate
:: Day 3 ::
สองวันครึ่งที่ผ่านมาเราใช้ เวลาอยู่กับธรรมชาติ ทุ่งนา ป่าเขา รวมถึงคาเฟ่ชิคๆในบาหลีไปกั นแบบเต็มอิ่มแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เราขอให้เ วลาเต็มเต็มทั้งวันอยู่กับท ะเล โดยที่แรกหลังจากตื่นนอนในวันนี้เราไปกันที่ Tanah Lot ซึ่งเป็นวัดที่มีวิหารอยู่บ นโขดหินริมทะเล วัดนี้ถือเป็นวัดที่ดังที่สุดในบาหลีเปรียบเป็นสัญลักษ ณ์ของเกาะเลยก็ว่าได้ โดยจุดเด่นเด่นของที่นี่จะมีด้วยกัน 3 จุดคือ วิหาร Tanah Lot ที่อยู่บนโขดหินริมทะเล / วิหาร Batu Bolong ที่อยู่ริมผา / โขดหินที่มีรูลอดด้านใต้ ซึ่งสามจุดถือว่าเป็นแลนมาร์ค สำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่ง ไหลกันมาเยี่ยมชม และถ่ายรูป
ช่วงที่เราไปตรงกับช่วงที่ช าวบาหลีเค้ามาทำพิธีกรรมบาง อย่างที่วิหาร Tanah Lot พอดี ซึ่งเราก็ไม่มั่นใจว่ามันคื อพิธีกรรมอะไร แต่ที่แน่แน่นักท่องเที่ยวร วมกับชาวบาหลีที่มาทำพีธีกร รม เลยส่งผลให้ที่นี่วันนี้ค่อ นข้างครึกครื้นเป็นพิเศษ
ตัววิหาร Tanah Lot นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดิน ขึ้นไปได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คื อ ถ่ายรูปวนไปค่ะ แต่ถ้าอยากได้ภาพสวยสวยแนะนำให้เพื่อนเพื่อนไปตอนเย็นน ะครับ เพราะที่นี่เค้าค่อนข้างดัง เรื่องจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ สวยติดอันดับในบาหลี
จาก Tanah Lot ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งพ วกเราก็มาถึง Melasti Beach ซึ่งถือว่าเป็นหาดที่เราชอบ ที่สุดของทริปนี้เลยก็ว่าได้ เพราะแค่ที่นี่ที่เดียวเราไ ด้มุมถ่ายภาพที่แตกต่างกันเ ยอะถึงสามมุม
เริ่มต้นที่หาดหิน จุดนี้จะเป็นชายทะเลที่เต็ม ไปด้วยก้อนหินน้อยใหญ่มากมา ยมีลานกว้างกว้างสามารถนำรถ ลงไปจอดริมทะเลเพื่อถ่ายรูป ได้
จุดที่สองจะเป็นชายหาด ที่ทรายมีความละเอียดสูงมาก นักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยพลุก พล่านเหมาะมากกับคนที่ชอบรั บลมชมวิวอาบแดดแบบส่วนตั๊วส่วนตัว
จุดสุดท้ายถ้าไม่ได้ไปเห็นก ับตาคงไม่เชื่อว่าเป็นโลเคชั่นเดียวกัน เพราะด้านหลังของชายหาดจะมี การขุดเจอะภูเขาเพื่อทำถนน ซึ่งมันกลายเป็นมุมถ่ายภาพที่ไม่ควรพลาด มันดูยิ่งใหญ่อลังการมากแกร๊
ที่ Melasti Beach จะมีร้านขายของอยู่หนึ่งร้า น มีห้องน้ำ เพราะฉะนั้นไปนั่งเล่นถ่ายรูปทั้งวันก็ได้ไม่อดตาย 555 และด้วยความดีงามของ Melasti Beach ที่นี่จึงกลายเป็นโลเคชั่นที่มีคู่รักจูงมือมาถ่ายพรีเ วดดิ้งกันเยอะมาก อย่างวันที่เราไปมีมาเวดดิ้ งเยอะถึงสี่คู่เลย
เราไปต่อกันที่ วัดอุลุวาตู ( Uluwatu Temple ) ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ห่างจาก Melasti Beach ราวราว 20 นาที วัดนี้ถ้าเทียบกับวัดอื่นแล้วจะค่อนข้างเคร่งเครียดเรื่องการแต่กายแบบว่าใส่ขาสั้ นเข้าไม่ได้นาจา แต่คนที่ไม่ได้เตรียมตัวแบบ เราก็ไม่ต้องกังวลเพราะทางวัดเค้ามีโสร่งพร้อมผ้าคาดเอ วให้ยืมใส่ฟรี
ด้วยความที่วัดอุลุวาตูตั้ง อยู่บนหน้าผาริมทะเล วิวสวย ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมพระอ าทิตย์ตกดิน ฮัลโหลเราสามคนมาตอนบ่าย สองคงไม่ต้องบอกเนอะว่าร้อน แค่ไหน แต่ร้อนยังไงก็ต้องอดทนเพรา ะว่าที่นี่ถ่ายรูปสวยมากมาก สำหรับเราเป็นโลเคชั่นที่ต้ องห้ามพลาดอีกหนึ่งที่ เพราะถ้าพลาดโดนเพื่อนล้อแน่ว่าไปไม่ถึงบาหลี ฮ่าฮ่า
หลังจากชมความสวยงามของวิว ของวัดกันจนสาแก่ใจ พวกเราก็เดินกลับไปขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าสู่ โลเคชั่นถัดไป และก่อนจะไปถึงตรงนั้นขอแวะ ทานข้าวกันที่ร้าน Be Ja Na Restaurant ร้านอาหารบาหลีซึ่งอยู่ด้าน หน้าวัดอุลุวาตู
Reccommend ต้องเมนูนี้เลยจร้า ชื่อเสียงเรียงนามของจานนี้ ก็จำไม่ได้หรอกพอดีเห็นพนัก งานยกมาเสิร์ฟโต๊ะข้างๆ ดูแล้วมีความหน้ากินก็เลยบอ กกะคนรับออเดอร์ไปว่า “เก๊าขอแบบนี้จานนึง” 555 ถ้าใครอยากไปทานก็แคปรูปจาก เพจเราไปแล้วส่งให้พนักงานดูรับลองได้ทานเหมือนกันแน่นอ น
เมนูอื่นวัดดวงจิ้มจิ้มเลือกจากเมนูเอา สรุปสุดท้ายได้มาสามจานตามภ าพเลย ( อร่อย 1 ไม่อร่อย 2 )
มาแล้วจร้า Single Fin Bali ที่นี่จะทำให้ทุกคนถึงบาหลี โดยสมบูรณ์แบบ เพราะแถวนี้เต็มไปด้วยซิคแพ ค และความหุ่นแซ่บนมตูม ของฝรั่งที่มารวมตัวกันเล่น เซิร์ฟ
นอกจากที่นี่จะเป็นแหล่งรวม บรรดานักเล่นเซิร์ฟทั้งหลาย แล้ว คาเฟ่ ร้านค้า ก็มีให้เลือกนั่งมากมายหลาก ร้านผุดผุด ซึ่งหนึ่งในร้านที่ทำให้เรา อยากมาที่นี่ก็คือ Nulu Bowls อย่าถามว่าทำไมนะ ดูรูปดิ แค่บาร์นั่งก็คูลแล้ว
จัดสองเมนู signature ของทางร้านมาทาน คือบั๊บอร่อยและดีย์โคตร แกรไม่ต้องเชื่อเราเพราะไม่ ได้บอกให้เชื่อบอกเพื่อให้ไ ปลอง
จาก Single Fin Bali เราตั้งใจจะไปปิดทริปวันนี้ ที่ Kuta Beach ไปเล่นเสิร์ฟ ไปดูพระอาทิตย์ตก สรุปไปไม่ทันจร้าาาาาาาา บาหลีนี่ไม่ต่างจากบางกอกบ้ านเรานะแกร๊ ตอนเย็นนี่รถติดมหาศาลหากใค รยังนึกภาพไม่ออกแนะนำให้ลอ งนั่งรถมาตรงสี่แยกเมเจอร์รัชโยธินตอนเย็นดู 555 ถึง Kuta Beach ตอนตะวันมุดลงทะเลไปเรียบร้ อยแล้ว แต่ก็ยังไม่มืดสนิทยังพอเก็ บภาพได้นิดหน่อย
คนถือกระดานเซิร์ฟในรูปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนรุ่นน้องเราเอ ง ฮามากตรงที่รุ่นน้องอยากถ่า ยภาพคูลคูลกับกระดานเซิร์ฟน างไม่สนใจไรทั้งนั้นถึงปุ๊ป รีบวิ่งไปยืมจากร้านเช่าทัน ที สรุปหยิบมาถ่ายได้ประมาณ 1 นาที เจ้าของก็ตะโกนเรียกเพราะจะ ปิดร้านแล้ว ก็เลยได้มา 1 ใบถ้วน
กล้วย กับ ข้าวโพด คือ 2 สิ่งที่หากินได้ง่ายที่สุดใ นบาหลี ง่ายชนิดที่ว่าหกล้มสามารถค วักแบงค์ยื่นให้พ่อค้าแล้วค ว้าสองสิ่งนี้ยัดใส่ปากได้เ ลยทันที
:: Day 4 ::
วันสุดท้ายที่บาหลีตั้งใจจะ ตื่นสายสายแล้วโดดน้ำเล่นตูมตามกันใ น villa แต่ด้วยความที่มิชชั่นเมื่อ วานยังไม่คอมพลีส วันนี้ก็เลยต้องแหกขี้ตาตื่ นกันแต่เช้าเพื่อไปเก็บภาพคูลคูล เล่นเซิร์ฟกันที่ Kuta Beach อีกครั้งนึง แนะนำเลยว่าถ้าคลั่งเซิร์ฟเป็นชีวิตจิต ใจต้องตื่นแต่เช้ามาที่หาดนี้ให้ได้นะแล้วแกรจะเจอคนสปีชี่ย์เดีย วกันมาชุมนุมโดยมิได้นัดหมา ย
ร้านเช่ากระดานเซิร์ฟที่ Kuta Beach มีให้เลือกหลายร้าน ใครไม่มีหรือขี้เกียจพกไปก็ ไปหาเช่าเอาเลย
หลายคนอาจเกิดคำถามว่า 5 วัน 4 คืน พวกเราหลับนอนกันที่ไหน ขอตีลังกาม้วนหน้าแล้วตอบเล ยว่าที่พักบาหลีดีดีราคาไม่ แพงเลย แถมมีให้เลือกเยอะมาก ซึ่งถ้าเป็นที่พักของพวกเรา สำหรับทริปนี้เราพักกันที่ Cosy 2 Bedroom Villa in Canggu เป็นบ้านสองชั้นมีสระน้ำในตัว ชั้นล่างเป็นครัวกับโซนนั่ง เล่นป๊อกเด้ง ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนสองห้ องแต่ล่ะห้องมีห้องน้ำในตัว
เราจองผ่าน Airbnb / ลิ้งตามนี้นา : https://goo.gl/wUtNKU
มาทางไหนก็กลับทางนั้น ทริปนี้ก็เช่นกันเราบินกลับ ด้วยแอร์เชร์เชียเที่ยวบินที่ FD397 ออกจากบาหลีเวลา 12:00 ถึงไทยประมาณบ่ายสามสิบห้าอ ย่างปลอดภัย
ไอ่ที่จำมาตลอดว่าบาหลีมีดี แค่ทะเลคงต้องยัดใส่ถุงโยนทิ้งถังขยะแล้วให้รถเทศบาลมา ลากไปทิ้งไกลไกลเลย เพราะความจริงบาหลีเป็นเกาะ ที่มีครบทุกอย่าง ทุกคนไม่ควรพลาด ทุ่งนา ป่า เขา น้ำตก คาเฟ่ อาหาร ทะเล ฝรั่งหุ่นแซ่บแซ่บกำลังรอทุ กคนไปสัมผัสอยู่นะ
จบทริปนี้เราคงต้องนิยามควา มเป็นบาหลีใหม่ซ่ะแล้ว ส่วนใครอยากนิยามความเป็นบา หลีในรูปแบบของตัวเองไม่ควร ช้าเนอะ รีบนัดเพื่อนนัดแฟนแล้วหาโป รโมชั่นดีดีที่บินตรงไปบาหลีทุกวันจากแอร์เอเชียได้เลย
สำหรับเราบาหลีต้องมีครั้งที่ 2 แน่นอน