A Perfect Weekend in Ratchaburi

No one perfect but you can make it better

ไม่ว่าจะดีเลิศ เก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครเพอร์เฟกไปซะทุกอย่าง เรายังมีเรื่องอีกหลายอย่างที่อยากพัฒนา มีโลกในอีกหลายแง่มุมที่ยังไม่เคยได้เห็น แต่ด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆและด้วยเทคโนโลยีของโลกยุคดิจิตอล ก็ล้วนเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตของเรานั้นดีขึ้นและใกล้เคียงกับความเพอร์เฟกได้ไม่ยาก วันนี้เราเลยมาชวนทุกคนไปเที่ยวราชบุรีในวันเสาร์อาทิตย์กันแบบ Better Better การเดินทางที่จะช่วยให้ชีวิตลงตัวและดีขึ้นกว่าเดิม เพราะเราเชื่อว่าทุกเส้นทางล้วนมีเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้ มีสีสันใหม่ๆ ที่ทำให้เราสดชื่น มีประสบการณ์ที่ดีบ้างไม่ดีบ้างรอเราอยู่ แต่สุดท้ายเราก็สามารถยิ้มไปกับมัน ตามเรามาเถอะแล้วจะรู้ว่าเส้นทางที่เราจะพาไปมันเหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ นะ

รอบนี้นอกจากเราจะมาเที่ยวกับเพื่อนรักแล้วเรายังมาพร้อมกับรถยนต์คู่ใจที่ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นได้ด้วยนวตกรรมจากเจ้ารถโตโยต้าที่เค้าพัฒนาระบบที่ช่วยเชื่อมต่อรถและเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะสำหรับชีวิตปัจจุบันหลายคนมีรถเป็นของตัวเอง และรถยนต์ก็กลายมาเป็นปัจจัยที่เราขาดไม่ได้อีกอย่างนึงไปเสียแล้ว อย่าคิดว่าไม่ได้ติดรถขนาดนั้น เพราะลองคิดถึงเช้าวันจันทร์อันเร่งรีบที่รถไฟฟ้าก็เสีย รถไฟใต้ดินก็คนแน่น แอร์พอตลิ้งค์ก็หนีบแขน แทกซี่ก็เติมแก๊ส ถ้าวันนั้นรถเราดันมาเสียอีก ชีวิตเราจะวุ่นวายขนาดไหน แต่วันอันยุ่งเหยิงจะสงบลง และวันที่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก

วันนี้เราพาตัวเองมาเที่ยว อุทยานหินเขางู อุทยานหินสวนป่า แหล่งปูนชั้นดี ทำให้ที่นี่เคยเป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี แม้ว่าหน้าผาของที่นี่จะหน้าตาประหลาด ดูบิดๆ เบี้ยวๆ อยู่หลายส่วน แต่เมื่อดูรวมๆ เรากลับพบว่ามันคือเสน่ห์ในแบบที่เขาลูกอื่นไม่มี ภูเขาที่เคยถูกทำลายแต่วันนี้กลับกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากๆ และเป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาที่จังหวัดนี้ โชคดีที่ชาวราชบุรีเห็นคุณค่าของเหมืองเก่าแห่งนี้จึงทำให้เราได้เข้ามาชื่นชมความสวยงามของมันได้

หนองน้ำกว้างๆ กับภูเขาหินหน้าตาประหลาดคือมุมถ่ายรูปชั้นดี ที่ไม่ว่าจะหมุนซ้าย หมุนขวา แล้วย้ายหน้าไปถ่ายบนสะพานก็ยังสวยงามทุกมุม แม้ว่าจะเป็นวันหยุดแต่ความเงียบสงบ และไม่พลุกพล่านนักก็เป็นอีกเสน่ห์ของที่นี่ เพราะมันกว้างขวางมากกกกก จนแกไม่ต้องกลัวว่าจะถ่ายรูปมาแล้วติดแต่หัวคน หรือต้องวนหาที่จอดรถจนหมดน้ำมันไปครึ่งถัง ทำให้เรามีเวลาพอสมควรที่จะได้ดื่มด่ำและเชยชมภูเขาปูนลูกนี้ ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายต่อไป

และอย่างที่ได้เกริ่นแต่แรกว่าโตโยต้าเค้าพัฒนาระบบที่ช่วยเชื่อมต่อรถและเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเราสามารถใช้ Toyota T-Connect Telematics ทั้งในรถยนต์ สมาร์ทโฟน และแอปเปิ้ล วอช ที่มาพร้อมคุณประโยชน์หลัก 3 ประการ คือ ด้านความปลอดภัย ด้านผู้ช่วยตลอด 24 ชม. และด้านความสะดวกสบายและสิทธิประโยชน์ ส่วนจะใช้ง่ายและเข้าใจลูกค้าอย่างเราขนาดไหน เดี๋ยวเราจะมาเม้าส์ให้ฟัง แต่ตอนนี้ขอพาพวกแกทัวร์ราชบุรีต่ออีกสักหน่อยกันก่อน

จุดมุ่งหมายต่อไปคือ เถ้าฮงไถ่ ซึ่งเราสามารถค้นหาเส้นทางด้วยการกดปุ่มหน้าจอเพื่อติดต่อ Operatorโดยทาง Operator จะส่งแผนที่มายังหน้าจอทันทีที่เราวางสายหลังจากนั้นเราก็กดเลือกเส้นทางแล้วเริ่มออกเดินทางกันได้เลย เถ้าฮงไถ่ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คแห่งเมืองโอ่งมังกรที่ห้ามพลาด เพราะที่นี่คือโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาแห่งแรกของราชบุรี ที่ผลิตกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 จนถึงปัจจุบัน โดดเด่นด้วยเซรามิคหลากหลายรูปแบบและสีสันที่สวยงาม สะดุดตา ทันทีที่เราเข้ามาเรารู้สึกว่าที่นี่เหมือนกับเป็นโรงงานผลิตผลงานศิลปะมากกว่าผลิตของใช้เสียอีก ซึ่งจะเข้ามาเดินเล่น ดื่มกาแฟ ซื้อของฝาก ถ่ายรูปเล่น หรือสั่งผลิตงานเซรามิคให้สวยถูกใจในราคาเป็นมิตรก็ย่อมได้

แต่ละมุมแต่ละเมืองของราชบุรีมักมีแหล่งศิลปะซ่อนตัวอยู่เสมอ เรามาต่อกันที่ หอศิลป์ร่วมสมัย เถ้า ฮง ไถ่ หอศิลป์ร่วมสมัยแห่งแรกของจังหวัด ที่ตั้งอยู่บนถนนวรเดชใกล้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติราชบุรี อาคารเรือนไม้สามชั้นทรงทะนิลาสีเข้มที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่เป็นทั้งหอศิลป์และร้านกาแฟสุดสดใส ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างของอาหารและความสดใสที่อยู่ภายในที่แม้จะดูขัดแย้งกัน แต่สองสิ่งนี้ก็แสดงให้เราเห็นว่าศิลปะนั้นไม่มีของเขต ไม่มีคำจำกัดความและข้อกำหนด มีแต่เพียงมอบความสวยงามให้กับผู้เสพเท่านั้น

เต็มอิ่มกับงานอาร์ท ถ่ายรูปฮิฟๆ กันจนพอใจ ก็ถึงเวลาเดินทางไปยังอำเภอสวนผึ้ง เพื่อไปพักผ่อนแอบอิงกับธรรมชาติในยามเย็น ด้วยการใช้เจ้า Toyota T-Connect Telematics จึงทำให้การขับรถของเรามีผู้ช่วยส่วนตัวที่จะคอยดูแลเราตลอด 24 ชม. แบบไม่ต้องเป็นแฟนก็ทำแทนให้ได้กับบริการ Operator Service หรือผู้ช่วยค้นหาเส้นทาง แถมยังมีระบบจองร้านอาหารล่วงหน้าได้อีกด้วย เรียกว่าสะดวกสุดๆ และถ้าขับๆ อยู่เกิดเหตุฉุกเฉินก็ยังสามารถเลือกใช้งานระบบ SOS ประสานงานช่วนเหลือให้เราอุ่นใจปลอดภัยหายห่วงทุกเส้นทางตลอด 24 ชม. ดี๊ดีเหมือนจ้างเลขาคอยตามบริการยังไงยังงั้น

อากาศร้อนบ่ายแก่ๆ แบบนี้ที่แรกในสวนผึ้งจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ Coro Field ที่นี่เป็นฟาร์มออแกนิคสไตล์ญี่ปุ่นแห่งแรกในประเทศไทยและเป็นฟาร์มออแกนิคแห่งเดียวที่ควบคุมการปลูกด้วยระบบคอมพิวเตอร์สุดไฮเทคที่เราสามารถเดินชม เดินชิว เดินถ่ายรูปหรือเรียนรู้การปลูกผักเค้าก็มีคนคอยให้คำแนะนำ แล้วค่อยกลับมานั่งหาของความของหวานแบบสุขภาพดี๊ดีด้วยผลิตผลจากธรรมชาติของฟาร์ม ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งร้านแบบโล่งๆ โทนสีเรียบง่ายและเน้นความเป็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่นๆ ให้เราใช้เวลาได้อย่างมีความสุขจริงๆ

ภายใต้สแลนสีขาวคือเจ้าเมล่อนออแกนิคผลโตที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนตั้งแต่อยู่บนต้น ลำต้นและใบอ่อนที่ต่อให้เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังดูรู้ว่าได้รับการดูแลและตัดแต่งเป็นอย่างดี แม้อากาศจะร้อนแต่สีเขียวของต้นเมล่อนก็ลดทอนความระอุและแทนที่ด้วยความสดชื่นได้เป็นอย่างดี

และแน่นนอนว่าที่นี่โดดเด่นในเรื่องของเมล่อนถ้าเราไม่สั่งเมนูเมล่อนมาทานก็คงเหมือนสั่งเล็กน้ำพิเศษชิ้นล้วนแล้วบอกแม้ค้าว่าไม่เอาเส้นนั่นล่ะ เราเลยเลือกสั่งสิ่งที่เหมาะกับอากาศบ้านเรามากที่สุดคือไอศกรีมเมล่อนที่เสริฟมาในผลเมล่อนลูกโต ที่ทั้งหวาน ทั้งหอม ทั้งเย็นชื่นนนนนใจ มาทานคู่กับเมล่อนสด บอกได้แค่สามคำเท่านั้นคือ เอา มา อีก เพราะมันดีแบบมงไม่ลงจะงงมาก และก่อนออกก็ตามสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นที่เราต้องพับกบ พบกับโซนของฝากอันแสนน่ารักมุ้งมิ้งแต่ชวนทำร้ายกระเป๋าตังค์ก่อนออกให้เราได้เลือกซื้อกันทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูป แปรร่าง ผลสด อบแห้ง ฯลฯ ก็เลือกซื้อกันตามกำลังทรัพย์จะปราณีกันไปในจุดนี้

ขึ้นรถเตรียมไปกันต่อกับเส้นทางที่สายฝนโปรยปรายท่ามกลางสีเขียวอันแสนสดชื่นและทางขึ้นเขาน้อยๆ แต่ก็ไม่ต้องกลัวไปเพราะสมรรถนะของรถโตโยต้านั้นดีเยี่ยม แถมมีฟังค์ชั่นด้านความปลอดภัยที่แสนโดนใจผู้ขับขี่อย่างเรา กับระบบ Find my car ที่ทำให้เราสามารถเช็คตำแหน่งรถผ่านแอบพลิเคชั่นได้ ระบบ Stolen Vehicle Tracking ไว้ตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม และระบบ Parking Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถยนต์ถูกสตาร์ทหรือเคลื่อนที่ ให้เรามั่นใจได้ในทุกสถานการ์ณว่ารถของเราจะไปหายวั๊บไปกับตาแบบไร้ร่องรอย ไร้การรับรู้ใดๆ จะไปใกล้ไปไกลจอดไว้ที่ไหนก็ไม่ต้องกังวล

หลังฝนโปรยเบาๆ เราก็พบกับหมอกสีขาวที่ลอยมาเล่นกับยอดไม้ ทำให้การเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ของเราครั้งนี้พิเศษยิ่งขึ้นกว่าที่คาดคิดไว้ บอกแล้วว่าการเดินทางทำให้ชีวิตดีขึ้นได้จริงๆ ขอแค่เพียงเราเรียนรู้ที่จะตักตวงกับความสุขและความสวยงามตรงหน้า แม้จะเจอพายุฝนเราก็สามารถสนุกไปกับเสียงคำรามของท้องฟ้าได้

หลังจากขับรถดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สดใสได้พักนึง ในที่สุดเราก็เดินทางที่พัก Loft Berry รีสอร์ตที่รายล้อมด้วยภูเขาสีเขียว ต้นหญ้าและลำธารเล็กๆ แบบใกล้ชิดธรรมชาติ ตัวรีสอร์ตปูนเปลือยตกแต่งด้วยรูปแบบโมเดินร์ลอฟท์ ที่ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความเรียบง่ายและผ่อนคลาย ยิ่งในช่วงฝนพรำปูนเปือยสีเทาอ่อนยิ่งทำให้เรารู้สึกเย็นสดชื่นเพิ่มขึ้นไปอีก

นอกจากห้องพักที่แสนสบายแล้ว จุดเด่นที่เลือกพักที่นี่คือสระว่ายน้ำกลางหุบเขาที่เราได้ว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือจะเงยหน้ามองฟ้า ก่อนขึ้นมานั่งพักผ่อนชมความสดชื่นของวิวตรงหน้า ก่อนจะเข้านอนเพื่อตื่นมารับวันใหม่แบบสดชื่น เป็นการเดินทางที่ชิวเหมือนกับสายหมอก สดชื่นเหมือนงานศิลปะ และปลอดภัยเหมือนมีคนคอยดูแลตลอด 24 ชม. ถึงแม้ว่าการเดินทางครั้งนี้เราจะไปมาไม่กี่ที่ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่การเดินทางของเราจะชอบไปที่นู้นที่นี้ ให้คุ้มกับที่ได้ออกมาเที่ยวในแต่ละครั้ง แต่เราว่าการเดินสไตล์นี้ทำให้เราได้ซึบซับ ได้พักผ่อน เพื่อให้เราพร้อมที่จะกลับไปทำงานเก็บเงินมาเที่ยวใหม่ในครั้งต่อไปและมีความสุขไม่ต่างกันเลย

แสงแดดยามสายของวันที่สองสาดส่องผ่านหน้าต่างมาปลุกเพื่อบอกเราว่า ได้เวลาเดินทางกลับแล้ว แม้ว่าจะอยากต่อเวลาอีกสักหน่อย แต่ชีวิตก็ไม่ได้ใจดีกับเราเหมือนโตโยต้าที่มอบความสะดวกสบายและสิทธิประโยชน์ให้เราแบบไม่มีกั๊กด้วยระบบ My TOYOTA Wi-Fi ที่มีตัวกระจายสัญญานไวไฟภายในรถยนต์เพื่อเชื่อมต่อทุกความบันเทิงได้มากถึง 9 อุปกรณ์ และระบบ Pay As You Drive ประกันภัยที่ยิ่งขับน้อยก็ยิ่งได้ส่วนลดมาก ให้เราประหยัดตังค์เก็บเงินไปเที่ยวเพิ่มได้อี๊ก ห่วงใย ใส่ใจขนาดนี้จะไม่ให้เลิฟโตโยต้าเค้าได้ไงล่ะจริงม้ะ  ชีวิตดี ชีวิตง่ายขึ้นไปอี๊ก

ก่อนกลับพวกเราแวะร้านกาแฟ Secret Space คาเฟ่ที่ยินดีต้อนรับทุกคนแต่ก็จะไม่ปล่อยให้เราได้เข้าไปง่ายๆ อย่างแน่นอน เพราะทางเข้าเค้าเป็นเขาวงกตให้ลูกค้าได้เดินเล่นท้าทายและหิวเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก่อนถึงตัวร้าน นอกจากเสน่ห์ของทางเข้าที่เป็นเอกลักษณ์แล้วภายในร้านยังตกแต่งได้ร่มรื่น สวยงามชวนพักผ่อนและดื่มกินอีกด้วย นอกจากนี้ใครที่อยากหาไม้ใบไปประดับบ้าน ประดับออฟฟิตที่นี่ก็คือสวรรค์เพราะนอกจากเป็นร้านคาเฟ่แล้ว ที่นี่คือตลาดไม้ใบบนพื้นที่ 500 ไร่ ให้เดินเลือกกันได้จนตาแตกเลยล่ะ

เดินถ่ายรูปเล่นกันจนได้เวลาเติมพลังลงสู่กระเพาะ เราเลยสั่งอาหารพอกรุบกริบ มากินจุ๊บจิ๊บให้มีแรงออกเดินทางกันต่อสักหน่อย ซึ่งมื้อนี้เราขอยกมงกุฎให้กับเจ้าสปาเก๊ตตี้ทะเลผัดฉ่า รสจี๊ดซี๊ดจนถึงตับ ก่อนจะตบท้ายด้วยลาเต้เย็นหวานน้อย มากินกันหนังท้องตึงหนังตาหย่อน ก่อนมุ่งหน้ากลับเมืองกรุงเทพฯ

ท้ายสุดกับแลนด์มาร์คของราชบุรี Street Art บ้านโป่งที่เราแวะถ่ายรูปเทห์ๆ ชิคๆ กันก่อนจะกลับบ้านแล้วเริ่มทำงานในวันรุ่นขึ้น คือขอบอกว่า Street Art บ้านโป่งมีอยู่หลายจุดมากๆ ให้แกได้ตามเก็บตามเสพกันจนเพลิน โดย Street Art บ้านโป่งเกิดขึ้นจากโครงการพัฒนาศิลปะร่วมสมัยชุมชนเมืองบ้านโป่ง ปี 2560 ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นเมืองศิลปะของราชบุรียิ่งขึ้นไปอีก

คืออยากบอกว่าทริปวันหยุดสุดสัปดาห์อันแสนสั้นในจังหวัดรองแบบนี้ ทำให้เราได้เที่ยวแบบสบายๆ และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่มากๆ เป็นการหลีกหนีจากจังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ๆ ที่คนหนาแน่นตลอดสุดสัปดาห์ได้อย่างเพอร์เฟกจริงๆ จะถ่ายรูปก็สวย จะเดินทางก็รถไม่ติด จะกินก็ไม่ต้องแย่งกัน จะพักผ่อนก็ไม่เสียงดัง ชีวิตดี๊ดีอ่ะ ดังนั้นถ้าแกกำลังมองหาที่ๆ สงบ เหมาะแก่การพักผ่อน ราชบุรีควรจะเป็นหนึ่งในจุดหมายของแกในครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

และระหว่างทางกลับบ้านอันแสนอบอุ่น เราก็ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่ดีขึ้นไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนจากกินข้าวแกงเป็นชีวิตที่กินหรูทุกมื้อ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนจากนอนที่นอนธรรมดาเป็นนอนบนเตียง Super King Size ที่มีหมอนไหมอิตาลีถักทอแบบหนึ่งแสนเส้น แต่ชีวิตที่ดีขึ้นคือชีวิตที่เรามีความสุขได้ง่ายๆ กับสิ่งรอบตัว คือชีวิตที่ปลอดภัยไม่ต้องคอยกังวล คือชีวิตที่สะดวกสบายราบรื่นขึ้น คือชีวิตที่มีใครสักคนที่เราพึ่งพาได้ เหมือนกับระบบของโตโยต้าที่มอบให้กับเรา