รีวิวญี่ปุ่น : A Food Lover’s Guide to Eating in Sendai

ไปญี่ปุ่น …แล้วไม่รู้จะไปไหน ไปเซนไดสิเธอ เมืองที่มีครบทุกความต้องการ จนกลายเป็นเดสติเนชั่นที่กำลังมาแรงมาก ๆ แต่เซนไดรอบนี้เราขอชวนคนอวบระยะสุดท้ายทุกคนไปตะลุยกินเน้น ๆ จุก ๆ แบบของคาวไม่ให้ขาด ของหวานก็ต้องแน่น สตรีทฟู้ดยั่ว ๆ ก็พร้อมพุ่งเข้าใส่ เอาให้สมกับความเป็นเมืองที่มีร้านอาหารมากมายแอบซ่อนอยู่ตามหลืบ ซอกซอย บนตึกให้เลือกทานเยอะมาก มาจ้า … เราจะโชว์ความโปร พาไปเช็คอิน 16 ร้านเด็ด ที่ตั้งใจคัดสรรมาเพื่อทุกคนอย่างดี บอกเลยว่าไม่อิ่ม ไม่ต้องกลับ กินไม่ครบ ก็ไม่กลับเช่นกัน ถ้าพร้อมอร่อยแล้วก็ท่องคำว่า อุไม่ !!, โออิชี่, สุโก้ยยย เอาไว้ในใจ แล้วเอาไปอุทานต่อหน้าพ่อครัวกับเรากันเลยยย

01 Murakamiya Mochiten

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าขนมขึ้นชื่อของเมืองเซนไดนั้นเรียกว่า “ซุนดะ โมจิ” แค่ฟังชื่อก็ทำหน้างงกันแล้วละสิ เพราะคงคุ้นหูกันแค่โมจิสินะ ซุนดะ คือการนำถั่วแระมาบดละเอียด ผสมกับน้ำตาล แป้งชนิดพิเศษของท้องถิ่น และเกลือ นวดให้เข้ากันจนเป็นก้อน ซึ่งตัวซุนดะนี้ชาวบ้านนิยมเอามาประกอบเป็นไส้ขนม ไส้โมจิ น้ำปั่น ฯลฯ แต่ร้านที่ขึ้นชื่อก็มีไม่กี่ร้านเท่านั้นแหละ ซึ่ง Murakamiya Mochiten ที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ก็เป็นร้านออริจินัลที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1877 เน้นการให้รสชาติแบบ Traditional ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติเดิมเลย แรกเริ่มรสชาติเป็นยังไง ก็ยังขายอย่างนั้น

เวลาทำการ : อังคาร – อาทิตย์ 9:00 – 18:00 น.
สถานีรถไฟ : Itsutsubashi St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/jAzjEDyWcqkcWKMg6

โดยเมนูตัวชูโรงของร้านเขาคือ 3 Colour Mochi โมจิสามสีที่ทำจากซุนดะ งาดำ และวอลนัท กัดไปทีเดียวรู้สึกได้ถึงความสดใหม่ของวัตถุดิบ รับรู้ว่าขนมทุกชิ้นนั้นทำขึ้นใหม่ทุกวัน ซึ่งก็สร้างความแรร์ ให้ร้านนี้ยิ่งขึ้น ถ้ามาไม่ทัน ของหมดก็คือปิดร้านเลยนะจ๊ะ ไม่อยากพลาดต้องมาไว ๆ กันหน่อยละ

02 Umami Tasuke Gyutan

เมื่อเราพูดถึงขนมรองท้องแล้ว จานต่อไปขอแนะนำของคาวหนัก ๆ ที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ นั่นก็คือ “ลิ้นวัว” เอ๊ะ… แต่ที่นี่เขาก็ไม่ได้เลี้ยงวัวนิ แล้วทำไมถึงเด่นเรื่องนี้ได้ ? ขออนุญาตเท้าไปสมัยสงคราม ทหารอเมริกามาตั้งฐานที่เมืองนี้ พวกเขากินแต่เนื้อวัวจึงเหลือส่วนนี้เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านเลยเอามาทดลอง หมัก ๆ ปรุง ๆ ดู จนกลายเป็น กิวตันชั้นเยี่ยม ของขึ้นชื่อเมืองเซนไดนั่นเอง ซึ่งที่ร้าน Murakamiya Mochiten แห่งนี้ก็ยังเสิร์ฟลิ้ววัวสูตรดั้งเดิมนั้นอยู่ เดินเข้าร้านไป เราจะพบกับภูเขาลิ้นวัวที่หมักและวางไว้อย่างสวยงาม ข้าง ๆ กันเป็นพ่อครัวค่อย ๆ หยิบมาย่างทีละชิ้นอย่างปราณีต ส่งเสียงฉ่า และกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วร้าน ทำเอาลูกค้าอย่างเราน้ำลายสอกันเป็นทาง

เวลาทำการ : อังคาร – อาทิตย์ 11:30 – 20:30 น.
สถานีรถไฟ : Kotodaikoen St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/4BiBu15oG7bxkwRs9

ด้วยการเสิร์ฟที่ยังเป็นแบบออริจินัล ในเซ็ตมีข้าวสวยญี่ปุ่นร้อน ๆ นุ่ม ๆ เคียงกับลิ้นวัวชิ้นโต 5 – 6 ชิ้น ผักดอง และซุปเนื้อสูตรพิเศษของทางร้าน ความแน่นของเนื้อมันเด้งกรุบมาก เต็มปากเต็มคำ พอซดน้ำซุปเค็ม ๆ กลมกล่อมเข้าไป มันคือสวรรค์ที่กลั้วอยู่ในปากจริง ๆ สั่งแค่ชุดเดียวก็อิ่มไปได้ถึงเย็นเลยแหละ ต้องไปลองกันนะทุกคน

03 Taiyaki Taikichi

ขนมปลาไทยากิ เมนูสุดโปรดที่หากินง่ายที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แต่หาร้านอร่อยยากเกินบรรยาย เพราะร้านทั่วไปก็จะใช้ไส้สำเร็จรูป ไม่มีกิมมิกอะไรพิเศษ แต่ไม่ใช่กับร้านนี้จ่ะ Taiyaki Taikichi เพราะเค้าการันตีความอร่อยด้วยการเปิดขายถึงสามสาขา ถือเป็นร้านดังที่มีคนต่อคิวซื้ออยู่ตลอดเวลา เราชอบตั้งแต่ตัวแป้งไทยากิที่ข้างนอกดูเหมือนแป้งธรรมดา แต่ข้างในนั้นจะมีความใส ๆ หนืด ๆ นิด ๆ เหมือนผสมแป้งโมจิเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นประเภทแป้งที่เราชอบมากที่สุด พอได้กินกับไส้ร้อน ๆ ข้น ๆ แล้วมันอร่อยมาก เท็กเจอร์หนึบ ๆ หวานเล็กน้อยของแป้งมันชูรสของไส้ออกมาได้อย่างดี ซึ่งไส้ก็มีให้เลือกทั้งคาวและหวาน เราลองกินคัสตาร์ด คืออร่อยตามคาดมาก ๆ มันหวานละมุนนุ่มลิ้นไปหมด แต่ถ้าอยากได้แปลกหน่อย เขาก็มีไส้ซุนดะ ไส้โมจิถั่วแระของดีประจำจังหวัด หรือไส้แกงกะหรี่ลิ้นวัว ก็เป็นของดังประจำร้านเหมือนกัน

เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00 – 18:00 น.
สถานีรถไฟ : Kita-Yobancho St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/dx1u58fhgooPQ9ab7

04 Datena BBQ Matsu

ร้านเฉพาะคนรักหอย (นางรม) ที่เขาขายเฉพาะหอยนางรมด้วยการปรุงรสรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดปลา Matsushima Fish Market ริมทะเลของอ่าวมัตสึชิมะ เพราะฉะนั้น เรารับประกันความสดที่เหมือนน้อง ๆ เพิ่งขึ้นจากทะเล ก็เข้าปากเราแทบจะทันที เมนูของทางร้านมีทั้งแบบ a la carte และ Buffet ที่ให้เรากินไม่อั้นถึง 40 นาที ราคา 2,000 เยน แต่ถ้าเราไม่สู้ กลัวเวียนหัวเพราะคอเรสเตอรอล ก็สั่งเป็นชุดในราคา 1,240 เยนได้ เราจะได้เมนูหอยนางรมรูปแบบต่าง ๆ มาวางตรงหน้าทันที ทั้งแบบย่าง ทอด นึ่ง หอยสด ๆ 6-7 ตัว แต่ละตัวใหญ่เท่าฝ่ามือ บอกได้คำเดียวว่าจุกอกกับความสุข เพราะอร่อยมากไม่ไหวแล้วแม่จ๋า.. ทุกกรรมวิธีให้รสชาติที่ดีแตกต่างกันไป คือกลิ่นทะเลยังอยู่ ไม่ต้องจิ้มอะไร รสชาติก็กลมกล่อมเหมือนเชฟระดับมิชลินมาปรุงให้ตรงหน้าเลย

เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00 – 15:30 น.
สถานีรถไฟ : Matsushima Station
พิกัด : https://goo.gl/maps/XyXA65ruZ18Z4CsQ7

05 伊達かふぇ Date Cafe’

ภายใต้ประตูทางเข้าที่ได้แรงบันดาลใจการตกแต่งมาจากชุดเกราะของ ดาเตะ มาซามูเนะ ไดเมียวในยุคเซงโงะกุจนถึงยุคเอโดะแห่งนี้ คือคาเฟ่ที่มีชื่อว่า Date Cafe’ ที่นี่มีเมนูคาวหวานให้เลือกชิมค่อนข้างหลากหลาย แต่ที่เป็นไฮไลท์เด็ดที่ทำให้เราต้องขมวดคิ้ว พร้อมทำหน้างงนิด ๆ ต้องนี่เลยจ้า ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟรสหอยนางรม ณ จุดนี้ต้องขอปรบมือให้กับความเก่งกาจ ที่สามารถยกระดับวัตถุดิบขึ้นชื่อของอ่าวมัตสึชิมะอย่างหอยนางรมออกมาได้น่าสนใจมาก เพราะนอกจากหน้าตาจะออกมาสวยดูดี ถ่ายลงไอจีแล้วมีแต่คนกดว้าวแล้วนั้น รสชาติน้องเค้าก็คืออร่อยลงตัวอย่างไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ได้ความเค็มนิด ๆ จากหอยนางรม มาผสมกับความหอมหวานมันจากซอฟต์เสิร์ฟ ฟินเลย …

เวลาทำการ : ทุกวัน 9:00–16:00 น.
สถานีรถไฟ : Matsushima Station
พิกัด : https://goo.gl/maps/LkhvLZkA5biymG6BA

06 Senreizushi

มื้อนี้เราลองเดินหาร้านกินตรงสถานีรถไฟดูบ้าง อยากรู้ว่ามีอะไรเด็ด โดยใช้คิวแถวตรงหน้าร้านเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ จนมาเจอ Senreizushi ร้านเล็ก ๆ แคบ ๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งเก้าอี้นั่ง แต่กลับมีพนักงานบริษัทยืนต่อแถวรอกินจนแน่นทะลักออกมานอกร้าน ที่นี่เป็นร้านซูชิที่ขายเป็นคำ ๆ ซึ่งเมนูของทางร้านก็มีทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทยด้วย ฟีลเหมือนกินแบบโอมากาเซะแต่ราคาย่อมเยาว์กว่า เราสั่งแล้วเขาทำให้เรากินคำต่อคำอย่างใจเย็น ถ้าถามถึงตัวอาหาร บอกเลยว่าวัตถุดิบสดมาก ปลาชิ้นใหญ่เกินข้าวปั้น อุนิก็สดหวานฉ่ำ ไร้กลิ่นคาว ฟีลเหมือนกินอยู่ที่ตลาดปลาเลย ราคาและคุณภาพค่อนข้างสมเหตุสมผล ซึ่งถ้าไม่ถนัดกินทีละคำเขาก็มีขายแบบเป็นเซ็ต 10 คำด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนพื้นที่ เขาถึงตั้งหน้าตั้งตาต่อแถวกันขนาดนี้

เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00 – 22:30 น.
สถานีรถไฟ : Sendai St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/Gwwe3HCia6PQcCQK7

07 Sendai Asaichi Morning Market

ตลาดเช้าเซนได อะไซจิ ที่ความจริงเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ที่นี่เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยร้านค้ากว่า 70 ร้าน จนได้รับฉายาว่าเป็น “ครัวของเซนได” เลยทีเดียว เพราะอยากได้ของสด ของดิบ อาหารสำเร็จ ผัก ผลไม้อะไร ตลาดตรงนี้มีให้เลือกหมด ตลาดนี้เกิดขึ้นเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงที่ไม่รู้จะทำมาค้าขายที่ไหน เหล่าพ่อค้าแม่ค้าต่างมารวมตัวกันค้าขายกันบนถนนเส้นนี้ จนได้ตั้งเป็นระบบตลาดเมื่อปี 1948 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งนอกจากของสดแล้ว ที่นี่ยังมีีร้านอาหาร และ street food มากมายให้เราเลือกชิมกันเพลินตลอดทาง เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นเช้าที่อิ่มหนำมาก ๆ

เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ 8:00 – 18:00 น. (ปิดวันอาทิตย์ และวันหยุด)
สถานีรถไฟ : JR Sendai St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/MeKhwsJeJ4eGQxXZ9

ส่วนร้านที่เราจะแนะนำ เป็นร้านเด่นร้านดัง ณ ตลาดเช้าแห่งนี้ คือ Korokke Shop ตั้งอยู่ตรงกลางตลาดเลย จุดเด่นคือมีคนพื้นเมืองและต่างชาติ รอต่อแถวซื้อยาวเป็นหางว่าว ร้านนี้จะขายของทอดนานาชนิด เมนูที่เราลองคือมัดบดชุบแป้งทอด เป็นเมนูนัมเบอร์วันของเขา ซึ่งเกร็ดขนมปังของร้านนี้กรอบแบบพอดีไม่บาดปาก ไม่อมน้ำมัน และไม่มีกลิ่นหืน ยิ่งทำสดใหม่ ๆ นะ อร่อยแบบบินได้ไปเลยจ้า ความวาไรตี้ของไส้ไม่ได้มีแค่แบบธรรมดา ๆ นะ เพราะนอกจากเนื้อ แฮม ชีส กุ้ง แล้วยังมีไส้ซุนดะด้วย เชื่อแล้ว ว่าเมืองนี้เขารักถั่วแระบดจริง ๆ ช่วงราคาจะอยู่ที่ 70 – 250 เยน ถือเป็นของกินเล่นที่ราคาน่ารักมาก ๆ

08 Masatora Restaurant

อีกร้านที่ยืนหนึ่งเรื่องเนื้อ และลิ้นวัว แต่เขาจะเสิร์ฟแนวหรูหรากูตูว์ เบา ๆ ด้วยการตกแต่งร้านที่ดูไฮโซ สีแดงไวน์ ตกแต่งด้วยไม้สีเข้มและโคมระย้า ออกอเมริกันหน่อย ๆ เหมือนหลงเข้ามากินใน NYC ยังไงอย่างงั้น ซึ่งเมนูเด็ดของทางร้านก็คือเนื้อวัว ที่จะต้องเป็นเนื้อ Hidakami ที่ผลิตจากท้องถิ่นเท่านั้น เสิร์ฟสไตล์ยากินิคุ หรือปิ้งย่างนั่นเอง โดยเนื้อส่วนต่าง ๆ ที่เราสั่งจะถูกเรียงมาอย่างสวยงาม ทั้งเนื้อเอห้า และลิ้นวัว เพียงแค่เอาชิ้นเนื้อวางลงไปในเตาย่างเท่านั้นแหละ เสียงฉ่าาาา~ และกลิ่นเนื้อก็เริ่มตีขึ้นจมูก ยังไม่ทันได้กินก็รู้สึกอร่อยแล้ว เพราะกลิ่นเนื้อหอมมาก ไม่มีกลิ่นสาบเลย ขนาดเพื่อนไม่ทานเนื้อ…แบบไม่ชอบกลิ่น ยังกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ความนุ่มฟู และความ Juicy ของเนื้อเมื่อเรากัดเข้าไปจะมีน้ำมันที่แซมอยู่ซึมออกมา ให้เราได้รับรสชาติเนื้อเต็ม ๆ แบบไม่ต้องร้องขอน้ำจิ้ม ความกลมกล่อมของเนื้อทำให้เราเผลอสั่งไปอีกหลายจาน แบบไม่รู้จักพอ ส่วนลิ้นวัว เขาก็หมักดีไม่แพ้ร้านต้นฉบับของเซนได ความสด เด้งสู้ลิ้น เมื่อทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งฟิน ถือเป็นมื้อดึก ชั้นเยี่ยมที่รอส่งเราเข้านอนอย่างเป็นสุขเลยทีเดียว

เวลาทำการ : อังคาร – อาทิตย์ 18:00 – 24:00 น.
สถานีรถไฟ : JR Sendai St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/G6e14TEE4ndvvn3n7

09 On-yasai Shabu Shabu

ร้านชาบูที่มีเมนูให้เลือกเยอะมากกว่า 60 อย่างเลยแก และเอาใจคนหิวกระเพาะครากจากการเที่ยวแล้วลืมกินข้าวด้วยโปร All you can eat ราคาคนละ 2,780 เยน/120 นาที น้ำซุปมีให้เลือกตั้ง 7 แบบ ทั้งซุปถั่วชาบู สาหร่าย สุกี้ กิมจิ ฯลฯ ความวาไรตี้จึงเกิดขึ้นกับมื้อนี้แบบเสียมิได้ ส่วนใครเป็นมังสวิรัติ เขาก็มีคอร์สสำหรับคนกินผักแบบ All you can eat เช่นกัน ราคา 2,280 เยน เพราะนอกจากเนื้อที่ใช้ของระดับพรีเมี่ยมแล้ว ผักของทางร้านยังเป็นผักที่คัดจากฟาร์มท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งรับรองคุณภาพและความสด รสชาติแต่ละอย่างบอกได้เลยว่า เฟรซมาก เนื้อนุ่มไร้กลิ่นคาว ผ่านการหมักมาอย่างดี ผักสด กรอบ สีสวย หม้อสุดท้ายต้มจนได้น้ำซุปรสชาติหวานจากผัก และเนื้อคือที่สุด อยากจะเอาข้าวไปคลุกแล้วกินให้หมดหม้อ เป็นร้านที่เหมาะกับกลุ่มเพื่อนที่มีความต้องการหลากหลายจริง ๆ

เวลาทำการ : ทุกวัน 17:00 – 23:15 น.
สถานีรถไฟ : Sendai St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/aCobRvT5dpMJ8jRx9

10 肉そば藤七

ร้านนี้บอกเลยว่าเจอเพราะโชคช่วย เราไถไอจีดูเรื่อย ๆ ก็บังเอิญมาเห็นคนเช็คอินร้านนี้เยอะมาก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนญี่ปุ่นทั้งนั้น แน่นอนทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่น เราเลยไม่รู้ข้อมูลอะไรนอกจากเวลาเปิด-ปิด ที่มีเวลาแค่ 3 ชม.ทำให้เรามั่นใจว่าเขาต้องมีอะไรเด็ดแน่นอน เมื่อไปถึงเราก็เห็นว่าเป็นร้านเล็ก ๆ ไม่โดดเด่นเท่าไหร่ ลองสั่งเมนู ด้วยการจิ้มรูปให้พนักงานดู สิ่งที่ได้มาคือโซบะเย็น ท๊อปด้วยไก่เนื้อแน่น และหนวดปลาหมึกชุปแป้งทอด กินไปคำแรกก็เป็นไปตามคาดเลย อร่อยจนต้องหันไปมองหน้าคนทำ แล้วแอบขอบคุณในใจ คือโซบะเย็นของที่นี่เหนียว หนุบกำลังดี ไม่เย็นจนเกินไป แล้วน้ำซุปยังมีรสเค็มนิด ๆ ออกจะเข้มข้นกว่าโซบะทั่วไปอีก ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่า โซบะหนวดปลาหมึกนี้เป็นซิกเนอเจอร์ของเมืองยามากาตะ เหมือนออริจินัลหรือเปล่าไม่รู้ ที่รู้แน่ ๆ คืออร่อยจนอยากลองแบบร้อนเพิ่มอีกถ้วยเลย แต่ถ้วยหนึ่งเขาให้เยอะมาก อิ่ม แพ้บายไปซะก่อน ไว้คราวหน้ามาลองใหม่นะ

เวลาทำการ : ทุกวัน 11:00 – 14:30 น.
สถานีรถไฟ : Kotodaikoen Statio
พิกัด : https://goo.gl/maps/tbBdA5hucgZc1kYF9

11 Abekama

ร้านขายของกินเล่นเล็ก ๆ ที่ขายแบบ take away เท่านั้น และถือเป็น Must-eat-snack ของเมืองเซนไดเลยทีเดียว นั่นคือ Hyoutan (ひょうたん揚げ) ลูกชิ้นปลาชุบแป้งทอดหน้าตาน่ารัก ที่ตั้งใจทำออกมาให้เหมือนน้ำเต้า ในแต่ละวันเขาขายได้ถึง 4,000 ไม้เลยทีเดียว ซึ่งในเมืองเซนไดนั้นมีขายอยู่เพียงสองสาขาเท่านั้นคือ ย่านช็อปปิ้ง Sendai Clis Road และสถานีเซนไดแห่งนี้นั่นเอง ความพิเศษของขนมชิ้นนี้คงจะเป็นส่วนผสมทุกอย่างที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว แป้งหนาแบบพอดี ๆ รสชาติออกหวานนิด ๆ เมื่อทานคู่กับซอสเผ็ดกลับถูกจริตเรามาก มันสามารถชูรสของปลาที่อยู่ด้านในได้เป็นอย่างดี ความกรอบของตัวแป้งก็เป็นเท็กเจอร์ที่ทำให้เรากัดแล้วอยากกัดอีกไม่รู้เบื่อ ซึ่งซอสราดนั้นเขามีให้เลือกทั้งแบบเผ็ด และไม่เผ็ด ฉะนั้นรับรองว่า เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดีแน่นอน ราคาไม้ละ 200 เยนเท่านั้นเอง

เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00 – 19:00 น.
สถานีรถไฟ : Sendai St.
พิกัด : https://g.page/abekama?share

12 Meeting House

บ้านหลังเล็ก ๆ ทรงสูงที่ทำออกมาอย่างดิบ ๆ เห็นโครงสร้างตึกแบบเรียล ๆ กลายเป็นความประทับใจแรกเห็นที่เราได้รับจากที่นี่ ด้านในของร้านเป็นงานไม้ และปูนดิบที่ดูเท่ อบอุ่น เข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ รวมกับกลิ่นของกาแฟที่คละคลุ้งไปทั่วร้านแล้ว ก็ยกระดับของร้านให้น่านั่งขึ้นไปอีกหลายสเต็ปเลยทีเดียว ในบางช่วงเวลา เขาก็มีการวางผลงานศิลปะของเพื่อน ๆ ให้เราชื่นชมด้วย เหมือนเป็นร้านของ Artist เบา ๆ เหมือนกัน เราลองสั่งเมนูคลายความหนาวอย่าง ลาเต้ร้อนและมัฟฟินอุ่น ๆ มากิน ซึ่งมันดีมาก กาแฟคั่วกลาง รับรู้ได้เพราะความเข้มข้นของกลิ่นและรสชาติที่มากกว่าร้านทั่วไปเล็กน้อย เป็นโมเม้นที่แค่จิบกาแฟเพียงเล็กน้อย เราก็หายเหนื่อยจากการเดินเที่ยวทั้งวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ กินตัดกับมัฟฟินเนื้อนุ่ม หอมเนยแบบนี้ คือฟินมากแม่จ๋า

เวลาทำการ : จันทร์ – เสาร์ 8:00 – 17:50 น.
สถานีรถไฟ : Kita-Yobanchō St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/1y5xyAoQSpW37xpn7

13 BUZZ COFFEE & DONUT

ร้านนี้ขอยกให้เป็นอีกหนึ่งร้านในดวงใจเลยแหละ ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของเมนูและคนขายที่ยิ้มแย้ม คอยเปิด Playlist เพลงสุด Unique ที่ออกจะหลากหลายทั้งฮิปฮอป อินดี้ เรโทร ทำให้เราแอบเพลินไปด้วย แม้จะเป็นร้านเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีที่นั่ง แต่เมนูที่มีนั้นอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ตัวเด่นประจำร้านเลยคือโดนัทรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ที่มีรูตรงกลางแบบงง ๆ และหน้าโดนัทก็มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งคาวและหวาน หรือจะรวมคาวกับหวานไว้ด้วยกันเหมือนที่เราสั่งนี้ก็ได้ “โดนัทเคลือบน้ำตาลโรยเบคอน” โดนัทนุ่ม ๆ หวาน ๆ อ่อนไม่บาดคอ ที่มีเบคอนเค็ม ๆ กรุบกรอบโรยอยู่ด้านบน ความจริงรสชาติก็ไม่เลวเหมือนกัน นอกจากฉีกกฎโดนัทกลมในหัวเราไปจนหมดสิ้นแล้ว ยังฉีกเรื่องโดนัทเป็นของหวานไปได้ด้วย คะแนนความครีเอทเราให้เต็ม 10 ไปเลยจ้า

เวลาทำการ : อังคาร – ศุกร์ 11:00 – 19:00 น. เสาร์ – อาทิตย์ 11:00 – 17:00 น.
สถานีรถไฟ : Rikuzen-Haranomachi St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/ceU5TSLpbbriaVjP9

14 KEYAKI COFFEE

เริ่มเอาใจสายคาเฟ่ฮอปปิ้งด้วยการรัวร้านกาแฟกันเล็กน้อย สำหรับ KEYAKI COFFEE ก็เป็นอีกร้านที่เราอยากแนะนำให้คอกาแฟ และของหวานมากัน ด้วยความเบาสบายของบรรยากาศร้านโทนขาว ไม้สีอ่อน ที่มีกลิ่นกาแฟและขนมอบสร้างความผ่อนคลายให้เราแล้ว พนักงานที่เป็นกันเองนี่แหละที่ทำให้ร้านนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เรามั่นใจว่าแม้จะไม่ได้สื่อสารอะไรกันมากมาย แต่บาริสต้าของร้านนี้มีความรู้และประสบการณ์จากการชงกาแฟอย่างแน่นอน ด้วยเมล็ดกาแฟที่มีให้เลือกหลากหลาย เขาสามารถบอกเราได้ว่าควรจะทานด้วยวิธีใด อย่างเราชอบกาแฟที่ปลายรสเปรี้ยว ๆ เขาก็แนะนำให้ลองดื่มแบบดริป หลังจากที่ตวงกาแฟ ต้มน้ำให้ได้อุณภูมิ เขาก็เริ่มสร้างผลงานศิลปะจากรสชาติกาแฟให้เราทันที ความพิเศษของกาแฟที่ได้จากการดริปนั้น แม้เราจะไม่เห็นตัวครีมม่าที่ชัดเจน แต่น้ำที่ค่อย ๆ หยดผ่านตัวกรองนั้นได้กรองกลิ่นและรสของกาแฟได้ละมุนกว่าเครื่องอัดมาก ๆ เป็นแก้วที่ให้ฟีลอโรม่า ผ่อนคลายยามบ่ายได้อย่างดีจริง ๆ

เวลาทำการ : อังคาร – อาทิตย์ 9:30 – 18:00 น.
สถานีรถไฟ : Rokuchonome St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/t6vWEZU19zjyorEA8

15 Sendai Coffee Stand

เมื่อไหร่ที่ร่างกายรู้สึกขาดคาเฟอีน เมื่อนั้นเราจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว หงุดหงิดไปหมด และถ้าเจอกาแฟไม่อร่อยก็จะยิ่งหงุดหงิดแบบคูณสองเข้าไปอีก ถ้าใครเป็นแบบเรา ขอให้ยกกระดาษขึ้นมาจดร้านต่อไปนี้ที่เรากำลังจะพาไปเลย ด้วยความเชื่อว่า กาแฟคือสิ่งที่ขับเคลื่อนเมืองและผู้คนให้มีชีวิต แค่คอนเซปนี้ของร้าน Sendai Coffee Stand ก็ทำให้เราเห็นด้วยอย่างเสียมิได้แล้ว ภายในร้านเล็ก ๆ เราจะเห็นแค่โต๊ะหนึ่งตัว บาร์นั่งไม่กี่ที่เท่านั้น พร้อมคนชงที่ค่อย ๆ ดริปกาแฟแก้วต่อแก้วให้แก่ลูกค้าทุกคนอย่างใจเย็น ร้านนี้มีเมล็ดให้เลือกถึง 7 แบบ แบ่งออกเป็น Original Blend 3 เมนู และ Single Origin เมล็ดกาแฟต่างประเทศ 4 เมนู ซึ่งเราลองแบบ Classic French เป็นแบบออริจินัล คือดีงามอ่อนนุ่ม ไม่ขม และหอมมาก …และกลิ่นกาแฟภายในร้านก็แรงกว่าทุกร้าน เพราะด้านหลังเขามีเครื่องคั่วกาแฟไว้คั่วเองด้วย บอกเลยว่าตัวจริงเรื่องกาแฟเขามายืนอยู่ร้านนี้กันทั้งนั้นแหละ

เวลาทำการ : ทุกวัน 10:00 – 19:00 น.
สถานีรถไฟ : Aoba-dori Ichibancho Sta.
พิกัด : https://goo.gl/maps/TH1kVjMFKsP7xo95A

16 Zunda Saryo

ร้านขนมชื่อดังของเซนไดที่เปิดสาขาไปทั่วญี่ปุ่น ซึ่งกินที่ไหนก็ไม่อินเท่ากินที่เซนได เพราะซุนดะโมจิต้องกินที่นี่เท่านั้น!! และร้านที่เราอยากแนะนำสำหรับคนชอบลองอะไรแปลกใหม่ คือร้าน Zunda Saryo เขาขายผลิตภัณฑ์ที่มาจาก ซุนดะ หรือถั่วแระบด ในรูปแบบต่าง ๆ มากมายทั้งโมจิ ปั่นนม เค้กโรล เสิร์ฟร้อน ๆ กับถั่วแดง ฯลฯ ถือเป็นร้านดังประจำเมืองที่ใครมาก็ต้องแวะชิม และเช็คอิน โดยเมนูแสนรักของเราคือ Zunda Shake นมปั่นถัวแระเข้มข้น เห็นถ้วยเล็ก ๆ แบบนี้ ความอิ่มคือถึงคอเลยนะ เพราะมันเจ้มจ้นมาก ๆ มีเนื้อถั่วให้เคี้ยวหนุบ ๆ พอกินกับโมจิหนืด ๆ ด้วยกัน มันอืดเหมือนกินข้าวหนึ่งมื้อเลยแก แถมอร่อยด้วย ถ้าใครเป็นสายของหวาน ขอบอกว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว

เวลาทำการ : ทุกวัน 8:00 – 21:30 น.
สถานีรถไฟ : JR Sendai St.
พิกัด : https://goo.gl/maps/5brjyKK98HYogd9P9

การเดินทางมาเที่ยวมากินแบบสบาย ๆ ที่เซนไดของเราจะต้องเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด ด้วยการบินตรงไม่ต้องต่อรถ ต่อเรืออะไรให้วุ่นวาย กับการบินไทย ที่เขาเปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ – เซนไดแบบแกรนด์ ๆ ในหนึ่งอาทิตย์มีถึงสามไฟล์ทให้เลือก คือวันอังคาร พฤหัสบดี และอาทิตย์ ออกจากไทยค่ำ ๆ 23:50 น.ถึงเซนได ก็เช้าพร้อมลุยพอดี ส่วนขากลับมีไฟล์ทวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ออกสาย ๆ 11:15 น. ถึงไทยช่วงบ่าย ๆ รถไม่ติด กลับบ้านนอนสบาย ๆ ด้วย บอกเลยว่าถ้าคิดจะมาเซนได ต้องการบินไทยเท่านั้นแหละแก

อย่างที่บอกว่าการท่องเที่ยวเมืองเซนได และเมืองรอบข้างนั้นกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว ซึ่งเราเชื่อว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความสงบของเซนไดที่มีอยู่ในตอนนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เราอยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวตามรีวิวที่เราเคยทำ มาลิ้มลองร้านอาหารที่แนะนำกันก่อนที่มันจะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มตัวนะ เพราะเซนไดที่เรามองอยู่ตอนนี้ มันดูดีในแบบของมันที่สุดแล้ว หวังว่าร้านอาหารทั้ง 16 ร้านที่เราเอามาเสนอ จะมีสักครึ่งที่พวกเธอชอบ และตามรอยเราไปกิน