รีวิวอยุธยา :: “ชวนเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” กับ 7 โลเคชั่น อยุธยา 🇹🇭

ชวนเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึงครั้งนี้ เราขอพาเพื่อน ๆ ไปยลเมืองเก่า “อยุธยา” เพื่อเล่าเรื่องราวของอดีตเมืองหลวงแห่งสยามในรูปแบบใหม่ กับทริป 2 วัน 1 คืน 7 โลเคชั่น เร่ิมจากดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของโบราณสถานทั้งไทยและตะวันตก เพิ่มแพลนให้ชิคคูลขึ้นอีกสักนิดด้วยลิสต์ร้านคาเฟ่เก๋ไก๋ที่มัดรวมมาให้อัพเดทหลากสไตล์ แล้วตบท้ายด้วยร้านอาหารสุดชิลวิวอลังการริมแม่น้ำแบบปัง ๆ  รับรองว่าแต่ละพิกัดได้รูปสวยจึ้งไม่ซ้ำใครแน่นอน … เตรียมกล้องให้พร้อม คว้ากุญแจรถ แล้วขับตามเรามาได้เลย

#จะเที่ยวไปไหน #วงล้อแห่งความคิดถึง #เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง

01 เมืองเก่าอยุธยา

ทุกครั้งที่มาอยุธยา สิ่งแรกที่เราทำคือการตั้งใจมาเยือนเมืองเก่าอันรุ่งโรจน์ แวะชมความงามของโบราณสถานที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมานานหลายร้อยปี พร้อมทั้งไหว้พระนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นแหล่งรวมใจของชาวอยุธยา ซึ่งครั้งนี้เราเลือกมาวัดเด่นวัดดังคือ ‘วัดมหาธาตุ’ และ ‘วัดราชบูรณะ’ อันเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญด้านประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กันห่างเพียงหนึ่งบล็อกถนนเท่านั้น ซึ่งทั้งสองแห่งก็มีการออกแบบที่รวมเอาศิลปะแบบขอมมาให้เห็นกันด้วย รวมถึงจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น ฯลฯ เรียกว่าคนที่ชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์สามารถเดินเล่นชมความงามของโบราณสถานอยู่ในนี้ได้เป็นวันเบบไม่มีเบื่อ

ซึ่งจุดแรกที่เรามาเยือนคือ ‘วัดมหาธาตุ’ วัดชื่อดังที่หลาย ๆ คนคงเคยคุ้นชื่อและเห็นจากโปสการ์ดเที่ยวเมืองไทยอยู่บ่อย ๆ เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางเมือง และยังเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้นนั่นเอง ซึ่งหลังจากถูกทำลายลงหลังจากสงครามการเสียกรุงในครั้งที่ 2 ก็เหลือเพียงความงดงามของซากปรักหักพังทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้ชื่นชม

ส่วนจุดไฮไลต์ของที่นี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่เป็น Photogenic Spot ที่ต้องมาชมให้ได้เลยคือ ‘เศียรพระพุทธรูปอายุกว่าร้อยปีในรากไม้’ ที่ไม่ว่าไทยหรือฝรั่งมังค่าก็ต้องร้องว้าวเมื่อได้เห็น โดยเศียรพระพุทธรูปเป็นพระพุทธรูปหินทรายศิลปะแบบอยุธยา ที่องค์พระหายไปเหลือให้เห็นเพียงส่วนเศียรวางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหารเท่านั้น โดยคาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้หล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยที่เสียกรุง มื่อเวลาผ่านไปรากไม้จึงขึ้นมาปกคลุม ทำให้มีความงดงามแปลกตากลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์  จุดนี้หาไม่ยากเลย เดินมาจากทางเข้าให้มองบริเวณด้านขวาเข้าไว้ เพราะเป็นจุดที่คนเดินมาชมกันอย่างคึกคัก นี่สิบรรยากาศเมืองไทยที่เราคิดถึงกลับมาอีกครั้งแล้ว

การได้กลับมาเที่ยวเมืองไทยที่เราคิดถึงในบรรยากาศเก่า ๆ อีกครั้ง ก็ได้บรรยากาศและประสบการณ์ที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก ลมเย็น ๆ ช่วงสาย ๆ ทำเอาเราเดินเพลินไปแต่ละจุดภายในวัดแบบไม่กลัวร้อน เพราะมีจุดที่น่าสนใจหลายแห่งให้ตามไปดู ที่สำคัญเดี๋ยวนี้เค้ามีมีป้ายแนะนำความเป็นมา และความสำคัญบอกให้แก่นักท่องเที่ยว (ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว) แต่ตอนนี้ยิ่งไฮเทคกว่าเดิมไปอี๊กกก เพราะสามารถใช้เครื่องโสตทัศนศึกษาให้นักท่องเที่ยวฟังได้หลายภาษา แถมแอปพลิเคชันสนุก ๆ ให้เราดาวน์โหลดมาชมภาพ AR ของสถาปัตยกรรมตอนที่ยังสมบูรณ์ เทียบกันช็อตต่อช๊อตกับสถานที่จริงได้เลย ใครที่อยากลองเล่นก็เดินไปตามจุดต่าง ๆ แล้วสแกนได้เลย 

สิ่งที่น่าสนใจในวัดมหาธาตุยังมีอีกเพียบอย่างที่เราได้บอกไป ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดจิตรกรรม พระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้วแต่ให้ลองสังเกตดูที่ที่ฐานของพระปรางค์จะมีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร มังกร ฯลฯ เรียงรายให้เห็นอยู่บ้าง รวมถึงพระปรางค์ขนาดต่าง ๆ โดยเฉพาะเจดีย์แปดเหลี่ยมที่จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงได้องค์เดียวในอยุธยาเท่านั้นให้เพื่อน ๆ ลองหากันเล่นดู

ถัดไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนเป็นที่ตั้งของ ‘วัดราชบูรณะ’ หนึ่งในวัดที่ใหญ่และมีความเก่าแก่มากที่สุดในอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา เพื่ออุทิศให้พระเชษฐาธิราชทั้งสองพระองค์ที่สวรรคตพร้อมกัน ไฮไลท์ของวัดราชบูรณะคือความใหญ่โออ่า โดยเฉพาะ ‘วิหารหลวง’ ทรงสี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ทางเข้า แม้ว่าหลังคาจะพังไปทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงซากเสาและฐานชุกชีของพระพุทธรูปหลงเหลือให้ได้ชมกันอยู่บ้าง แต่มุมนี้ถือว่าเป็นไฮไลต์ที่ต้องหยุดถ่ายรูป เพราะมองผ่านประตูเข้าไปจะเห็นพระปรางค์อยู่ในกรอบประตูแบบพอดิบพอดี  ซึ่งหากใครที่เที่ยวชมโบราณสถานบ่อย ๆ จะสังเกตว่าส่วนใหญ่เค้าจะสร้างประตูหน้าต่าง ไว้ตรงกันวิหารหรือโบสถ์นั่นเอง

เดินเข้าไปยังด้านในเพื่อตรงเข้าไปยังพระปรางค์ที่เราเห็นเมื่อสักครู่ ส่วนนี้จะมีบันไดสูงชันบนฐานสูงแบบสไตล์ไทยแท้ให้เราเสียวว้าปกันบ้างเมื่อมองลงไป แต่ก็ได้เห็นวิวความสวยงามและโออ่าของวัดราชบูรณะแบบเต็มตา โดยด้านในพระปรางค์จะเป็นกรุขนาดใหญ่และลึกลงไป ห้องที่สำคัญจะใช้เก็บบรรจุพระบรมธาตุไว้เป็นอย่างดีในเจดีย์ทองคำ รอบ ๆ จะเต็มไปด้วยพระพุทธรูปต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งสมัยก่อนเคยมีโจรมาลักลอบขุดหาสมบัติ ทำให้วัดราชบูรณะโด่งดังเป็นอย่างมากในเรื่องการขุดพบเครื่องทองมากมายในกรุพระปรางค์ใหญ่ และประชาชนยังสามารถเดินลงไปชมภาพจิตรกรรมฝาฝนังสมัยอยุธยาตอนต้นได้อีกด้วย

02 Sonny Coffee & Juice

จากอาคาพาณิชย์ธรรมดา รีโนเวทเป็นคาเฟ่ไม้สุดเก๋ทางแสงงาม ๆ ที่ชื่อว่า Sonny Coffee & Juice  คาเฟ่เปิดใหม่แบบสุดแบบสับที่ต้องตามมาเช็คอินกันให้ทัน ใครที่ออกสตาร์ทมาถึงอยุธยาแล้วอยากแวะหาร้านกาแฟดีต่อใจ ขอแนะนำให้แวะเข้ามาสั่งเครื่องดื่มดีงามแล้วนั่งชิลล์ ก่อนเริ่มถ่ายรูปไล่เรียงกันตั้งแต่หน้าร้านจนไปถึงด้านในที่มีมุมสวย ๆ ให้กดชัตเตอร์เพียบ โดยโซนของคาเฟ่มีให้เลือกนั่งถึง 2 ชั้น รีโนเวทกึ่งปูนกึ่งไม้และออกแบบเปิดทางให้แสงลงมาในร้านอย่างทั่วถึงในพื้นที่จำกัดได้เจ๋งสุด ๆ ด้านบนจะเป็นโซนที่นั่งไม้ และสเตนเลสหันหน้าเข้าหากันให้พอพบปะเม้าท์มอยกับแก๊งค์เพื่อนก่อนไปฮอปชมเมืองจิบกาแฟกันต่อ 

สำหรับเมนูที่ร้านเน้นเครื่องดื่มคลาสสิกและขนมหน้าตาโฮมมี่ โดยกาแฟจะมีเมล็ดให้เลือกทั้งคั่วกลาง คั่วเข้ม แถมเมนู Cold Pressed Juice  เครื่องดื่มผลไม้เพื่อสุขภาพ ไม่ปรุงแต่งให้สายเฮลตี้ได้เลือกดื่มกันด้วย เราขอเติมคาเฟอีนเข้าในร่างกายด้วยการสั่ง Sunny Dirty Coffee และ Choco Mashmellow ส่วนใครที่อยากแวะมาฝากท้องมื้อเช้าที่นี่เค้าก็มีเมนู Breakfast และบรันช์เลิศ ๆ ให้ทานด้วยนะเออ อย่างเมนู Cruffle Nutella Strawberry Banana สั่งมาทานคู่กับกาแฟบอกเลยว่าฟินน

03  Homeboy

วัยรุ่นสุดใจกับคาเฟ่ที่มีสไตล์การตกแต่งและเมนูที่ดูบอย ๆ เน้นโทนขาวแดงสุดจี๊ด Homeboy เหมือนสร้างมาสนองนี๊ดเจ้าของและตัวเรา เราเลยจัดเต็มหาชุดมาแมทช์ตัดคู่สีไปเลยแบบสนุก ๆ แน่นอนว่าคาเฟ่สีจี๊ดแบบนี้ก็ต้องมีอะไรเซอร์ไพร์สให้ดีต่อใจ โดยด้านในเเบ่งเป็น 2 ชั้น ตกแต่งผสมผสานความวินเทจเรโทรด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าที่มีความเก๋ซ่อนอยู่ และกลายมาเป็นมุมถ่ายรูปที่สายฮอปต้องขอแกล้ง ๆ นั่งเผลอให้เพื่อนกดถ่ายรูปให้ ที่เราชอบที่สุดเป็นบริเวณชั้นหนึ่งที่นั่งชิลล์และเห็นบาริสต้ากำลังทำกาแฟด้วยความพิถีพิถันอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ยาว และยังพูดคุยทักทายถึงความชอบเรื่องกาแฟกันได้แบบเพลิน ๆ

สำหรับเมนูที่เราสั่งเป็นกาแฟโคล์บูลนุ่ม ๆ ผสมผลไม้ต่าง ๆ ถ้าให้เลือกเมนูชูโรงเด่น ๆ ของร้านก็ต้องเป็น Goodboy และ Black & Soul ที่จิบแล้วกระชุ่มกระชวยหัวใจคอกาแฟอย่างเรา นอกจากบริการเครื่องดื่มที่มีความครีเอตขั้นสุด และของกินเล่นฟีลโฮมเมดแล้ว ที่ร้านเค้ายังขายและรับล้างฟิล์มด้วย ใครที่เอากล้องฟิล์มมาถ่ายภาพเมืองเก่าสวย ๆ ก็แวะจิบกาแฟรอล้างฟิล์มได้เลย

04  Sala Ayutthaya Eatery And Bar

ปิดท้ายของวันด้วยมื้ออาหารที่บ่งบอกถึงความเป็นอยุธยาแบบตะโกนกันที่ Sala Ayutthaya Eatery And Bar โรงแรมและร้านอาหารชื่อดังที่ใครมาเที่ยวอยุธยาต้องรีบมาเช็กอินกับวิวสวย ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นที่มองออกไปฝั่งตรงข้ามเห็นพระปรางค์สวยของวัดพุทไธศวรรย์เป็นฉากหลัง กับอาหารไทยที่จัดเสิร์ฟสวยงามแบบชาววัง นอกจากนี้ทางร้านมีบริการทั้งที่พักที่สวยถูกใจสายมินิมัล คาเฟ่ และรูฟท็อปบาร์เก๋ ๆ ด้านบน ให้ได้นั่งชิลล์มองวิวกันแบบเพลิน ๆ พร้อมมุมถ่ายรูปที่แทบจะกลายเป็นแลนด์มาร์กหนึ่งของอยุธยาที่ไม่มาไม่ได้

และแน่นอนว่าไฮไลต์ของอยุธยาที่มาแล้วทั้งทีไม่สั่งไม่ได้คือ กุ้งแม่น้ำเผาไซส์ใหญ่จุใจ ที่มาพร้อมมันเยิ้ม ๆ เนื้อนุ่ม และน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด ส่วนจานอื่น ๆ ที่สั่งมาเสริมจานถัดมาเป็นหลนปูนิ่มเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน หลนรสชาติกลมกล่อมทานคู่กับผักแนมคือดี และปูนิ่มตัวใหญ่เน้น ๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ คือฟิน ที่ขาดไม่ได้คือเมนูเผ็ดร้อนอย่างต้มยำทะเลเดือด เครื่องแน่น รสเผ็ดจัดจ้านสมเป็นอาหารขึ้นชื่อของไทย ปิดท้ายด้วยหอยนางรมสดตัวใหญ่ ฉ่ำ ๆ ที่เสิร์ฟมาในจานพร้อมรอถ่ายรูปหมู่ลงไอจีเก๋ ๆ อวดความอร่อยให้โลกรู้ว่าอยุธยาเค้าแซ่บ

05 Betterbloom Cafe & Shop

สาย ๆ วันที่สอง(วันสุดท้าย)ของทริป เราขอเริ่มต้นด้วยร้านที่สายฮอปตัวจริงเมื่อมาเยือนเมืองเก่าและไม่มาไม่ได้คือ Betterbloom Cafe & Shop ร้านสุดคิ้วท์มินิมอลเกาหลีเกาใจไม่ไหวแล้วพสสส ด้วยความน่ารักของบ้านสีขาวสะอาดตากับผ้าใบสีเขียว คู่สีที่มองยังไงก็น่ารัก ก็ทำเอาใจหวั่นไหวไม่มาไม่ได้ ด้านในร้านตกแต่งได้น่ารักไม่แพ้กันด้วยตู้สติกเกอร์แบบคิ้วต์ ๆ ห้องเล็ก ๆ สำหรับขายของกระจุกกระจิกน่ารัก รวมถึงเสื้อผ้าโทนสีเรียบ ๆ เอาใจสาว ๆ สายแต่งตัวให้มาช้อปปิ้ง

บนชั้นสองยิ่งดีงามไม่ไหว ประหนึ่งยกสตูดิโอถ่ายภาพมาไว้ที่นี่ ไม่ว่ามุมไหนก็ดีไปหมด ด้วยการหยิบจับเอาเฟอร์นิเจอร์เก๋ ๆ อย่างเก้าอี้ดีไซน์สวย ๆ โต๊ะ กรอบรูป และสิ่งละอันพันละน้อยอย่างเครื่องเล่นแผ่นเสียง โคมไฟ มาแมทช์วางไว้ได้อย่างเข้ากัน โดยเฉพาะเมื่อแสงธรรมชาติมาจากหน้าต่างบานใหญ่ จะไปช่วงเวลาไหนก็แสงสวยแบบไม่ต้องพึ่งแอปแต่งรูปให้ปวดหัว

ที่นี่จัดเสิร์ฟขนมโฮมเมดและเครื่องดื่มหน้าตาเรียบเก๋ที่เอามาถ่ายรูปก่อนจิบได้อีกหนึ่งกรุบ เราเลยขอสั่งเมนูประจำอย่าง Matcha Latte  และ Lemon Tea มาจิบให้สดชื่นนนนน ร้านนี้เค้ายังมีเค้กและเบเกอรี่น่าทานในแต่ละวันให้ทานกันแบบไม่ซ้ำ ที่เห็นแล้วอดใจไม่สั่งไม่ได้คือ Earl Gray Chiffon Cake เค้กชิฟฟอนเนื้อนิ่มบางเบาหอมกลิ่นชาเอิร์ลเกรย์ละมุนที่สุด

06 โบสถ์เซนต์ยอเซฟ

อยุธยาถือว่าเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมหลายชาติที่เข้ามาทำการค้าและการทูตเป็นอย่างมาก และอีกแลนด์มาร์กที่ทำให้เราเที่ยวอยุธยาฟีลไลก์ยุโรปขึ้นมาทันที คือ ‘วัดนักบุญยอแซฟ’ หรือ ‘โบสถ์เซนต์ยอเซฟ’ โบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 130 ปี ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เพราะสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราช โดยคณะธรรมฑูตประเทศฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในสมัยนั้น หรือใครอาจจะคุ้น ๆ กับโบสถ์แห่งนี้ในภาพยนตร์ออเจ้าที่โด่งดัง ตอนที่นางเอกเข้ามาเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับบาทหลวงนั่นเอง

ด้านนอกอาคารจะเป็นโบสถ์สไตล์ยุโรปแบบลาตินครอสสีเหลืองสดใส จากเดิมที่เป็นโบสถ์ไม้และรีโนเวทมาหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน ความพิเศษคือเราจะมองเห็นโบสถ์มีรูปร่างคล้ายไม้กางเขนเมื่อมองจากด้านบน เมื่อมองจากด้านนอกก็สวยเหมือนอยู่ยุโรป จนนึกไม่ถึงเลยว่าอยู่ที่อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน ทำให้โบถส์แห่งนี้ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นปี 2548 ด้วย

ภายในมีการตกแต่งที่สวยงามไปด้วยศิลปะกระจกหลากสี ทำให้แสงลอดเข้ามาสวยงามต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และยังมีรูปปั้นของนักบุญยอแซฟและพระแม่มารี โดยหน้าแท่นบูชาจะมีภาพนูนต่ำสีสันสดใสแสดงภาพ The Last Supper ในตำนานให้ชมอีกด้วย

07 Spring Bakehouse

ปิดท้ายทริปด้วยคาเฟ่ฟีลโฮมมี่ขยี้ใจในอาคารเก่าที่รีโนเวทมาจากบ้านไม้โบราณเป็นคาเฟ่สุดไฉไลที่ชื่อ Spring Bakehouse ด้านล่างเปิดเป็นโฮมคาเฟ่เล็ก ๆ โทนสีมัสตาร์ดสดใส ที่พร้อมต้อนรับเราด้วยกลิ่นหอม ๆ ของกาแฟและเบเกอรีอบสดใหม่จากเตาทันทีตั้งแต่ก้าวเข้าประตู หน้าร้านโล่งโปร่งด้วยกระจกรอบด้านบรรยากาศในช่วงสาย ๆ หรือบ่าย ๆ จึงมีแสงอ่อน ๆ เล็ดลอดเข้ามาสร้างความอบอุ่นละมุนยิ่งกว่าเดิม 

สำหรับโซนที่นั่งมีให้เลือกทั้งในร้านและด้านนอกที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ แถมยังจัดมุมคิ้วท์ ๆ ให้เราถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะหน้าร้านที่ต้องแวะมาโพสเช็กอินแล้วหนึ่ง ส่วนขนมของที่นี่ก็คือยืนหนึ่งสุด ๆ เพราะร้านนี้เขาอบขนมส่งขายให้กับร้าน The Summer Coffee คาเฟ่ชื่อดังของอยุธยานั่นเอง และเมล็ดกาแฟก็รับมาจาก The Summer Coffee ด้วยเช่นกันฉะนั้นรับรองเรื่องความอร่อยได้เลย

บนเคาเตอร์บาร์จะวางขนมและเบเกอรี่เรียงรายให้เลือกกันแบบไม่ถูก เพราะแต่ละชิ้นก็ครีเอตรสชาติและหน้าตาชิงตำแหน่งความน่าทานแบบกินกันไม่ลง แต่ครั้งนี้เราขอลองชิมเมนู Cruffin Lemon Tea ครัฟฟินชามะนาว และครัวซองต์ Takoyaki ที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใครแต่พอได้ลองชิมก็อร่อยลงตัว เพราะทางร้านผสมผสานความเป็นอาหารทานเล่นของญี่ปุ่นกับแป้งครัวซองต์กรอบนอกนุ่มในไว้ได้ดีงามมาก ๆ  ส่วนใครคอแห้งเราขอแนะนำเมนู Coconut Crumble มะพร้าวและไอศครีมนมปั่นเชกรวมกันและโรยครัมเบิ้ลกรุบกรอบ และอีกหนึ่งเมนูที่ชื่อ Tropical สมูทตี้มะม่วง สัปปะรด และเสาวรสสีสันสดใสดูดแล้วสดชื่นดับร้อนได้ดีเลย

ทุกครั้งที่ได้มาเยือนเมืองเก่าอย่างอยุธยา ก็รู้สึกได้ถึงเมืองที่มีเสน่ห์ และมนต์ขลังของความเป็นกรุงเก่า เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีตกลับไปดูว่าบ้านเมืองในยุคที่เคยรุ่งเรืองผ่านสถาปัตยกรรมที่ทิ้งร่องรอยความงดงามเอาไว้ให้คนรุ่นเราอย่างเราได้จินตนาการตาม แต่นอกจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่แวะชมได้ทั่วเมือง อยุธยายังเป็นเมืองน่ารักที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เที่ยวง่ายได้ความรู้ พร้อมมีคาเฟ่น่ารัก ๆ มาเอาใจสายฮอปให้เที่ยวแบบฟิน ๆ ครบรส ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถสองแถวชมเมืองให้ลมตีหน้า ดื่มด่ำกับบรรยากาศของอยุธยาที่เราคิดถึง ก็จดแพลนแล้วตามรอยเรามาได้เลย