WEEKEND TRIP : ลาแค่วันเดียวเที่ยวง่ายๆ ได้ 3 เส้นทาง สิงคโปร์ / ปีนัง / ฮ่องกง-มาเก๊า

กลางปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ส่วนวันลาก็หมดไปไวยิ่งกว่า ตรงกันข้ามกับความต้องการในการเที่ยวมันช่างโชติช่วงชัชวาลเกินหน้าวันลาไปหลายเท่า ใครที่กำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ก็อย่าเพิ่งท้อถอยทำหน้าจ๋อย ถอนใจแล้วทำได้แค่เลื่อนดูคนอื่นไปเที่ยวผ่านเฟสบุ๊กไปวันๆ เพราะวันนี้เรามีไอเดียเที่ยวแบบชิค เกร๋ สุดแสนซาบซ่า และมีกิจกรรมให้ทำแบบครอบจักรวาลมานำเสนอ ที่สำคัญมันเป็นเส้นทางที่ประหยัดทั้งวันลาและเงินในกระเป๋าเอาใจนักท่องเที่ยวสายวันลาน้อยแต่ใจเกินร้อยมากเว่อร์ และถ้าคิดว่าเราจะแนะนำให้เที่ยวใกล้กรุงแบบเคยๆ ก็ขอให้คิดใหม่ เพราะสำหรับแฟนเพจของเรามันต้องเที่ยวแบบถึงๆ เกร๋ๆ แบบลาวันเดียวก็มีเส้นทางเที่ยวต่างประเทศได้ถึง 3 เส้นทาง ถ้าพร้อมแล้วก็เช็ควันลารอไว้ได้เลย …

ในส่วนของการเดินทางไปต่างประเทศแบบประหยัดเวลาและคุ้มค่าที่สุดก็คงจะนึกถึงใครไปไม่ได้นอกจาก แอร์เอเชีย ที่ปัจจุบันเค้ามีแพ็คเกจแบบคุ้มยิ่งกว่าเก่าอย่าง Value Pack ที่ซื้อเพิ่มได้แค่ตอนจองตั๋วเท่านั้น ใครบินบ่อยแนะนำเลยอันนนี้ดี เพราะเค้ารวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลกรัม เลือกที่นั่งได้ แถมมีอาหารร้อนไว้กินรองท้องก่อนไปขยายกระเพาะเพิ่มกันที่จุดหมายปลายทางแบบบ้าระห่ำ และสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ กับ 3 เส้นน่าเที่ยวอย่างสิงคโปร์, ปีนัง และฮ่องกง-มาเก๊า ขอบอกตรงนี้เลยว่าไม่ได้สูงเว่อร์วังจนน่ากังวล เอาเป็นว่าถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้วันลากับประเทศไหนเลื่อนตามลงมาดูช้อยส์ดีๆ งามๆ จากเราเผื่อจะง่ายในการตัดสินใจออกเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์มากขึ้น …

SINGAPORE : Happening city, always a thrill to visit

เริ่มต้นเส้นทางแรกเราขอแนะนำประเทศเล็กๆ ที่คุณภาพคับแก้ว และเป็นเส้นทางยอดฮิตของคนไทยทุกช่วงวัย นั่นก็คือประเทศสิงคโปร์ เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่เดินทางสะดวก มีเที่ยวบินตรงจากแอร์เอเชียมากถึงห้าเที่ยวต่อวัน และใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนักแล้ว ที่นี่ยังเป็นประเทศเล็กๆ ที่แสนว๊าวววว ทำให้นักเดินทางตกตะลึงได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สวนสนุก คาเฟ่เก๋ๆ ร้านอาหารรสชาติถูกปาก รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่ามีกิจกรรมให้เราทำตั้งแต่เช้าจรดค่ำแบบไม่มีเบื่อไม่มีเหงา แถมยังมีมุมถ่ายรูปให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว และสายโซเชียลมีเดียอย่างเราจึงขอเริ่มวันดีดีด้วยการไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เดินเล่นยืดเส้นยืดสายพร้อมกดชัตเตอร์กันสักเล็กน้อยที่อุโมงค์ต้นไม้ใน Fornt canning park สถานที่เช็คอินที่ห้ามพลาดไม่ต่างกับเจ้าสิงโตพ่นน้ำและมารีน่าเบย์ เพราะฉากเส้นทางบันไดวนที่มีอุโมงค์ต้นไม้อยู่เบื้องหลังนั้นถือว่าเป็นจุดที่ถ้าไม่ได้มาถ่ายรูปลง Instagram ซักสองสามภาพก็อาจจะทำให้นอนไม่หลับกระสับกระส่ายเลยล่ะ

หลังจากเพลิดเพลินกับหมู่มวลบุปผาและความเขียวขจีของต้นไม้ในยามเช้า ตกช่วงบ่ายก็ได้เวลาออกไปหามุมเก๋ๆ ถ่ายรูปกันในอีกบรรยากาศหนึ่งที่ย่านไชน่าทาวน์ ย่านแห่งความคึกคักของทั้งชาวไทยและชาวสิงคโปร์เพราะที่นี่คนส่วนมากมีเชื้อสายจีน จะแวะมากินอาหารจีนต้นตำรับ Shopping ของฝากหรือเดินถ่ายรูปแบบสตรีทก็เก๋ไม่เบา กระเถิบไปอีกนิดที่ย่านลิตเติ้ลอินเดีย เหมือนฝ่าศาลเจ้าจากซัวเถาแล้วเข้าสู่แดนส่าหรีกลิ่นอายความเป็นภารตะที่แสนคลาสสิก ให้เราเดินเล่นเก็บสีสันวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมแบบอินเดียแท้ๆ ได้ทั้งจากห้างมุสตาฟา ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง หรือตลาดบ้านๆ อย่างตลาดลิตเติ้ลอินเดียก่อนจะไปขอพรกันที่วัดแขกศรีวีรมากาลีอัมมันวัดที่เก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งของฮินดู

เย็นย่ำแต่ยังไม่ค่ำมืดนักท่องเที่ยวน่ารักน่ารักอย่างเราก็ขอไปปูเสื่อเล่นชิวๆ ที่สถานที่สุดฮิตแสนฮ๊อตอย่าง Marina Barrage เขื่อนที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็แตกต่างจากเขื่อนในการรับรู้ของเราอย่างสิ้นเชิง เพราะสันเขื่อนของที่นี่นอกจากจะเป็นที่กันน้ำแล้วยังมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกไว้อย่างครบครัน มีทั้งสวนลอยฟ้าที่บรรจุสนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่บนชั้นลอยไว้สำหรับให้คนมานั่งปิกนิก อ่านหนังสือ รับลมรับแดด มองฟ้ามองหน้าคนที่ผ่านไปมา ไว้สำหรับสายสโลว์ไลฟ์ และศูนย์กิจกรรมทางน้ำอย่างการพายเรือคายัคโชว์ซิกแพควันแพคกันได้เต็มที่สำหรับสายแอดเวนเจอร์อีกด้วย จนเรารู้สึกได้ว่าที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงเขื่อนสำหรับเก็บกักน้ำเท่านั้นแต่ยังเป็นสถานที่ที่ทำให้คนสิงคโปร์ได้มีพื้นที่ในการพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย

พอพ้นเย็นย่ำและเริ่มจะค่ำมืดประเทศเล็กๆ แห่งนี้ก็ยังคงความสว่างไสวจากแสงไฟดวงน้อยๆ ที่บรรจงจัดเอาไว้อย่างสวยงาม ผู้รักแสงไฟอย่างเราจึงไม่พลาดที่จะบินเข้าหาแสงไฟ ดูสิงโตขาวพ่นน้ำที่ The Merlion Park, ชมการแสดงแสงสีเสียงใต้ซุปเปอร์ทรี สวนแนวตั้งรูปทรงต้นไม้พี่สูงเท่ากับตึก 16 ชั้นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ระดับโลกที่ Gardens by the bay, ชมไฟที่ประดับประดาบนสะพานรูปทรงดีเอ็นเอที่ยาวถึง 280 เมตร บนสะพาน Halix bridge เป็นต้น

นอกเหนือจากที่ต่างๆ ที่เราได้บอกไปนั้นสิงคโปร์ยังมีอีกหลายอย่างน่าสนใจที่จะทำให้การลาเพิ่มหนึ่งวันของแกเป็น 3 วัน 2 คืนในความทรงจำได้ไม่ยาก เพราะประเทศแห่งนี้นอกจากที่เที่ยวจะเยอะแล้ว นางยังอัดแน่นไปด้วยงาน Event ที่จัดสลับสับเปลี่ยนกันทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นที่ ArtScience Museum ที่มีนิทรรศกาล Future World : Where Art Meets Science ของ Teamlab หรือที่รู้ๆ ตอนนี้ก็จะมี Rainforest Lumina จัดที่ Singapore Zoo ตั้งแต่วันนี้ – กุมภาพันธ์ 2019 ได้ข่าวว่า Multimedia Light & Sound นี่สุดยอดไปเลยแหละ… ส่วนสายรักการกินก็ยังมีร้านอาหารท้องถิ่นไปจนถึงระดับร้านระดับมิชลินสตาร์ให้ตามล่าลงกระเพาะกันอีก หรือสายโซเชียลมีเดียสิงคโปร์ก็ยังมีร้านคาเฟ่ที่น่าไปถ่ายรูปเปลี่ยนโปรไฟล์อีกหลายแห่งรอยู่ อย่ารอช้าจงเก็บกระเป๋าไปสิงคโปร์ดูแล้วจะรู้ว่าวันลาอันน้อยนิดก็สามารถมีวันหยุดดีๆ สุดว้าวมาเม้าท์กับเพื่อนได้อีกหลายเดือน

HONG KONG & MACAU : Eat Pray อิ่มพุง อิ่มบุญ

ฮ่องกง-มาเก๊า ประเทศที่มักเห็นคนไปเช็คอินบ่อยพอๆ กับสยามพารากอน ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งสวรรค์ของนักช็อปแล้วก็ยังเป็นสวรรค์ของนักชิมอีกด้วยแต่แค่สองอย่างนี้ก็คงไม่ทำให้ฮ่องกงและมาเก๊า Popular แบบไม่เลิกไม่ลามาหลายปีแน่ๆ แต่ที่นี่ยังมีมนตราที่ทำให้หลายคนใฝ่หานั่นคือการขอพรจากวัดหลายแห่งใน ฮ่องกง-มาเก๊า ในหัวข้อที่ปั๊วปังชนิดอ่านรีวิวปุ๊บต้องจองตั๋วปั๊บ เพราะเราจะพาเที่ยวฮ่องกงแบบที่คนท้องถิ่นก็ยังว่าเด็ด พร้อมเรียนรู้วิธีกิน วิธีขอพรตามแบบฉบับของชาวฮ่องกง เช่น วัดหวังต้าเซียนที่สาววัยเรียนอาจยังไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ถ้าใครเกิน 25 ก็ชักจะมีหวั่นไหว บ่นอยากมาวัดนี้กันบ้างแหละ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของการไหว้พระสละโสดและเซียมซีที่แม่นเหมือนตาเห็นที่ศาลของเทพเจ้าด้ายแดง ณ วัดแห่งนี้ ส่วนวัยเรียนก็ต้องเป็นวัด Man Mo Temple ในย่านฮอลลีวูดสตรีท วัดเล็กๆ ของลัทธิเต๋าที่ชาวฮ่องกงนิยมมาไหว้เพื่อขอพรให้ลูกหลานหรือตัวเองเรียนเก่งๆ นอกจากที่เรายกตัวอย่างมาแล้วนั้นที่นี่ยังมีวัดอีกมากมายที่เป็นที่ศรัทธาของคนทั้งฮ่องกงให้พวกแกเลือกขอพรกันได้ตามอัทธยาศัย

ส่วนในเรื่องของอาหารการกินบนเกาะฮ่องกงนั้นต้องถือว่าสุดยอด สายกินทั้งหลายสามารถมาพุงแตกตายบนเกาะแห่งนี้ได้ เพราะที่นี่มีอาหารให้แกเลือกมากพอๆ กับงานที่รออยู่ ตั้งแต่แบบบ้านๆ ธรรมดาในร้านข้างทางแบบคนฮ่องกงเค้าทานกัน ร้านขึ้นห้าง ร้านข้างห้าง ไปจนถงสุดยอดร้านหรูระดับมิชลินสตาร์ ให้เลือกสรรค์จนสั่นทั้งกระเพาะและเงินในกระเป๋า ณ จุดนี้เราจึงขอเตือนไว้ก่อนว่าก่อนมาฮ่องกงควรเตรียมกระเพาะให้กว้างขวางและแข็งแกร่งเพื่อที่จะมาสู้รบกับอาหารที่จะคอยล่อตาล่อใจแกอยู่เสมอรวมถึงสะสมเงินในกระเป๋าไว้มาใช้เพื่อกินอาหารที่นี่ให้ดีก็แล้วกันเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

ถ้ามากินและช็อปถึงฮ่องกงแล้วยังรู้สึกไม่สาแก่ใจอีช้อย ขอแนะนำให้นั่งเรือข้ามฟากจากเกาะฮ่องกงพ่วงไปยังเกาะมาเก๊าแบบวันเดย์ทริปเหมือนข้ามจากฝั่งท่าพระจันทร์ไปศิริราชได้แสนง่ายดาย ขอการันตีว่าทางฝั่งมาเก๊าก็แซ่บเด็ดไม่น้อยหน้าฮ่องกงไม่ว่าจะเรื่องของคาวหวานและการขอพร อย่างร้านอาหารชื่อดังที่ต้อง Wong Kun Sio Kun กับเมนูโจ๊กปู, เมนูเป็ดย่างของร้าน Chan Kong Kei และเมนูต่างต่างอีกมากมายตั้งแต่ระดับร้านทั่วไปยันมิชลินสตาร์

ส่วนเมนูของหวานที่ต้องห้ามพลาดขอเริ่มกันที่ทาร์ตไข่ อาหารประจำถิ่นของมาเก๊าที่ดังไกลไปทั่วโลก ที่มีพื้นเพมาจากทาร์ตไข่ของโปรตุเกสแต่ก็ได้รับการปรับสูตรจนกลายมาเป็นทาร์ตไข่ลูกผสมมาเก๊าโปรตุเกสที่มีแป้งพัฟบางบางหลายชั้นเป็นฐานคอยรองรับไส้ไข่สีเหลืองนวลเนื้อนุ่มปนสีน้ำตาลเข้ม อย่างร้านปาสเตส เดอ เบเล็ม ทาร์ตไข่เจ้าแรกในมาเก๊า หรือร้าน ลอร์ด สโตว ทาร์ตไข่เจ้าดังระดับโลก รวมไปถึงนมสดเต้าหู้หรือนมตุ๋น อีกหนึ่งของหวานชื่อดัง ที่ห้ามพลาดจากร้าน Leitaria I Son ที่มีให้เลือกทั้งร้อนและเย็นจะทานที่ร้านเพื่อให้ได้บรรยากาศหรือจะซื้อกลับไปทานที่ห้องก่อนนอนก็ยังคงความอร่อยเช่นกัน สำหรับสายคาเฟ่บอกเลยว่าไม่ผิดหวังเพราะกาแฟดีๆ ร้านฮิปๆ มีให้เลือกนั่งเกือบทุกซอกทุกซอย ดีในดี ครบในครบ แถมเที่ยวง่ายจ่ายไม่แพง แบบว่าลาวันเดียวไปยังไงก็คุ้ม

ในเรื่องของการขอพรและความศรัทธานั้นทางฝั่งมาเก๊าเค้าก็มีวัดที่คนไทยและคนฮ่องกงหลั่งไหลไปกราบไหว้บูชาอย่างไม่ขาดสายอีกหนึ่งวัดเช่นกันนั่นคือวัดอาม่า วัดเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณของมาเก๊าที่ก่อตั้งมาก่อนจะมีมาเก๊าเสียอีก ที่สถิตของเทพธิดาแห่งท้องทะเลและเทพอื่นๆ เช่น เจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทับทิม ด้วยเหตุนี้คนจึงนิยมมาที่นี่เพื่อขอพรเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลทำสิ่งใดก็ราบรื่น

การเดินทางมายังมาเก๊านั้นนอกจากจะใช้วิธีข้ามฝั่งจากฮ่องกงแล้วก็ยังสามารถบินตรงกับแอร์เอเชียมาลงที่มาเก๊าแล้วเที่ยวในมาเก๊าแบบสามวันสองคืนก็ได้ หรือจะลงมาเก๊าก่อนแล้วค่อยข้ามฝั่งไปเยือนฮ่องกงก็ทำได้เช่นกัน เพราะแอร์เอเชียมีบินตรงฮ่องกงวันละ 3 รอบ และมาเก๊าถึงวันละ 5 รอบ ในราคาที่จับต้องได้ แต่เอาจริงๆ เราว่าสามวันสองคืนแกก็อาจจะยังเที่ยวฮ่องกงกับมาเก๊าได้ไม่ทั่วหรอก เพราะที่นี่ของกินเยอะ วัดเยอะ ที่เดินเล่นเยอะ ของช้อปปิ้งเยอะ ของเล่นเยอะ โดยเฉพาะที่สวนสนุกระดับโลกอย่างฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ โอเชี่ยนปาร์ค หรือถ้าใครแรงยังเหลือเหลือก็ยังมีเส้นทางเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกแล้วตื่นมาเดินเล่น Museum ยามเช้าได้อีกแบบสบายสบาย เป็นอะไรที่เยอะเยอะแต่ว่าดีย์

PENANG : The foodie paradise, Immersed in world’s heritage retro-chic culture

ปีนังอดีตเมืองท่าที่แสนรุ่งโรจน์ แหล่งวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่สวยงาม เมืองที่ได้รับสมญานามว่าไข่มุกแห่งตะวันออกจนยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมืองที่สามารถบินตรงแลนด์ลงแบบสวยๆ ได้ถึงวันละสองเที่ยวบินทั้งช่วงเช้า และช่วงบ่าย เพื่อไปชม Cheong fatt tze mansion หรือคฤหาสน์สีน้ำเงินอายุร้อยกว่าปี รวมถึงสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ที่เป็นการผสานกันของวัฒนธรรมระหว่างจีนกับโปรตุเกส ถ้ายังนึกไม่ออกลองคิดถึงภาพย่านเมืองเก่าของภูเก็ตดูก็จะมีความละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่แกลองจินตนาการว่าเป็นแบบนี้ทั้งเมืองเลยนะ มันว้าวมาก!!! ตึกเก่าโบราณสีสันสดใส Street Art ลวดลายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กปั่นจักรยาน เด็กเล่นชิงช้า และอีกมากมายบนถนนหลายแห่งของปีนังเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์และจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่อยากจะมาเสพความอาร์ตและความคลาสสิกระดับมาสเตอร์พีซได้เป็นอย่างดี

อีกที่ที่แกจะพลาดไม่ได้เมื่อไปเยือนปีนังคือ คฤหาสน์เปรานากัน (Pinang Peranakan Mansion) เปรานากันคือการผสมผสานกันของวัฒนธรรมสไตล์จีนและมาเลย์ ที่นี่เคยเป็นที่พักของคาปิตัน ชุงเค็งกวี่ คหบดีผู้นำองค์กรลับไห่ซานในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภายในจึงเต็มไปด้วยโบราณวัตถุและของสะสมกว่า 1,000 ชิ้น บานประตูและหน้าต่างอาคารทำจากไม้แกะสลักแบบจีน ปูพื้นด้วยกระเบื้องแบบอังกฤษที่แกเห็นแล้วจะต้องประทับใจในความวิจิตรของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันไว้อย่างลงตัว

นอกจากบรรยากาศเรโทสุดเก๋ของบ้านเรือนและถนนหนทางต่างๆ ในปีนังแล้ว อาหารการกินของที่นี่ก็ยังถือว่าขึ้นชื่อลือชามากๆ โดยเฉพาะสตรีทฟู๊ดที่หากินได้ง่ายพอๆ กับบ้านเราและร้านคาเฟ่ บรรยากาศชวนดื่มกาแฟวันละหลาย 10 แก้ว เพราะมองร้านนู้นก็สุดแสนจะสุดฮิปแสนคูลดูเก๊ดี ร้านนี้ก็ชิคดึงดูดสายถ่ายรูปลงไอจีให้หวั่นไหวใช้ได้ จนอยากจะแวะทุกร้านแบบไม่แคร์ปริมาณคาเฟอีนในเส้นเลือดเลยทีเดียว ส่วนทีเด็ดแบบคาเฟ่ต้องห้ามพลาดเราขอโหวต China House Cafe ร้านคาเฟ่ที่มีเค้กให้เลือกเยอะถึง 30 แบบ แถมฮอตฮิตแบบวันธรรมดาคนยังแน่นเลย …

เพราะฉะนั้นใครสายสตรีทรับรองว่าเดินจนงงก็ยังไม่อยากกลับ ใครสายอาร์ทก็จะได้เสพกลิ่นอายศิลปะทั้งแบบดั้งเดิมและแบบประยุกต์แทบทั้งวัน ใครสายเท่ห์ก็มีมุมเก๋ๆ ให้ยืนนิ่งๆ พิงกำแพงถ่ายรูปได้แบบคูลๆ ส่วนใครสายชิวยิ่งสุดฟินส์เพราะที่นี่สิ่งเดียวที่จะทำให้แกลำบากที่สุดคือตอนเลือกรูปลงเฟสแค่นั้นเอง อย่าคิดนานรีบจองตั๋วแล้วบินมาเถอะเพราะมันใช้เวลาพอๆ กับแกนั่งรถกลับบ้านจากที่ทำงานตอนวันศุกร์เผลอๆ เร็วกว่าซะอีก อ่ะ เข้าเว็บจองตั๋วแล้วเลือกเวลาบินให้ถูกโฉลก เพราะเค้ามีหลากหลายเวลาบินให้เลือก จะลาศุกร์เต็มวันเที่ยวเต็มแม็กซ์หรือเคลียร์งานเช้าแล้วลากกระเป๋าไปขึ้นเครื่องเกร๋ๆ ก็ยังได้ และใครอยากประหยัดค่าตั๋วขึ้นจากเดิมแนะนำให้เล็งช่วงเวลาโปรโมชั่นให้ดีๆ หรือใครอยากจ่ายแบบไม่รู้สึกว่าจ่าย แอร์เอเชียเค้าก็ให้เราผ่อนค่าตั๋วแบบ 0% กับบัตรเครดิต K Bank ได้อีกด้วยนาจา

เป็นยังไงบ้างกับ 3 เส้นทาง 3 อารมณ์ สำหรับ 3 วัน 2 คืนที่ใครๆ ก็คิดว่าเป็นเวลาอันแสนน้อยนิดเกินกว่าจะเที่ยวต่างประเทศ แต่อย่างที่เราบอกไว้แล้วว่ามีที่เที่ยวที่เหมาะสมเสมอสำหรับผู้ที่มีใจรักในการท่องเที่ยว วันหยุดสุดสัปดาห์ต่อไปอย่ารอช้าที่จะขอลาเพิ่มอีกสักหนึ่งวัน เพื่อออกเดินทางไปทำให้วันหยุดสุดสัปดาห์ของแกเป็นวันหยุดที่คุ้มค่าและมีเรื่องราวน่าจดจำจนแม้แต่ตัวแกเองก็ยังต้องอมยิ้มทุกครั้งที่นึกถึงให้ได้ล่ะ นอกจาก 3 เส้นทางนี้ที่เราเอามาแนะนำแล้วจริงๆ ก็ยังมีเส้นทางอื่นอีกมากมายให้แกค้นพบขอเพียงแค่เริ่มออกเดินทางเท่านั้นก็พอ ใครจะไปรู้ว่าก้าวเล็กๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์อาจจะกลายเป็นรากฐานให้แก่ได้ค้นพบความสุขในชีวิตในแบบของแกเองก็เป็นได้ …